Chapter 4 ความจริงที่ถูกเปิดเผย
4
ฉันอาจจะเป็นคนบ้าจี้เกินไป เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เดินสวนกันฉันก็จะซื้อเค้กมาห้อยไว้หน้าห้องเขาทุกวัน
ทุ่มเทให้ผู้ชายเกินไปหรือเปล่ามินนี่
แต่ไม่หรอกน่าถือว่าเป็นการขอโทษแล้วกัน ถึงแม้จะเยอะไปหน่อยก็เถอะ เพราะตอนนี้ก็ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้วที่ฉันทำแบบนั้นทุกวัน
แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอหน้าเขาหรอก เพราะฉันไม่กล้าเจอ ได้แต่แอบเอาขนมไปให้แล้ววิ่งแจ้นกลับเข้าห้อง ฉันออกไปเรียนเช้าและเหมือนจะกลับเร็วกว่าเขาด้วย เลยถือว่าเป็นโชคดีของฉัน ถึงแม้ว่าจะอยากแอบมองมองอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่กล้าโผล่หน้าออกไปซักที
"คนนั้นป่ะพี่แบทเทิลอ่ะแก" เสียงของผู้หญิงโต๊ะข้างๆฉันที่นั่งกินข้าวอยู่โรงอาหารของคณะกำลังคุยกัน คำพูดนั้นทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวของตัวเอง
แค่ชื่อเขาก็มีอิทธิพลกับการเต้นของหัวใจแล้วนะ
"ไหนอ่ะ" ยัยฟ่างรีบยืดคอยาวๆของมันชะเง้อมอง แต่ฉันยังไม่กล้าหันหลังไปดู
"นุ่นไง ที่มากับผู้ชายหล่อๆอีกสองคน ตรงนั้นกำลังหาที่นั่งอยู่ มาละๆเดินมาทางนี้ล่ะ" ยัยโต๊ะข้างๆที่เป็นเพื่อนร่วมสาขาชี้ให้ยัยฟ่างดูด้านหลังของฉัน เลยอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
"เชี่ยย น่ารัก เหมาสามเลย" ยัยฟ่างพูดแล้วหัวเราะสนุกสนานกับยัยนั่น
และจังหวะที่ฉันหันไปมองเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเดินมาใกล้จะถึงโต๊ะเราพอดี
ที่แย่ไปกว่านั้นฉันดันเผลอไปสบตาเขาเข้า
ตึก ตึก ตึก
ไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครแต่มันเป็นเสียงของหัวใจช้านนเอง
เขามองฉันแว๊บเดียวเท่านั้นก่อนจะเดินผ่านเลยไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ริมฝีปากบางเฉียบเป็นเส้นตรงยิ่งกว่าผ้าอนามัยแบบไร้ปีก(เปรียบเทียบได้แย่เกินไป) เอาเป็นว่าสีหน้าของเขาไม่แสดงอามรณ์ใดๆเลย แค่สบตากันสามวิแล้วเดินผ่านไป แต่มันไม่จบแค่นั้นหรอกเพราะเพื่อนของเขาที่เกือบจะเดินผ่านฉันไปดันหันมามองพอดี
"อ้าว มินนี่!" ผู้ชายคนที่ชื่อทอร์เรียกชื่อของฉันเสียงดังจนสะโพกฉันเด้งขึ้นสิบเซนเพราะความตกใจ
"ค่ะ แฮร่ๆ" ฉันหัวเราะแห้งแล้วยิ้มยิ้มให้เขา
"เก้าอี้ว่างตรงนี้ไง ไอ้เค ไอ้แบท นั่งนี่แหละ" ผู้ชายที่ชื่อทอร์ เขาน่าจะเป็นรุ่นพี่ฉัน เรียกว่าพี่ทอร์แล้วกัน
เขาหย่อนก้นลงนั่งแบบไม่ต้องขอฉันกับยัยฟ่าง เอ่อ ถึงแม้จะขอยัยฟ่างก็คงจะอนุญาต เพราะดูจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของมันแล้วแทบจะอยากเลี้ยงข้าวพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
"นั่งด้วยคนนะน้องมินนี่" ผู้ชายอีกคนที่ฉันไม่รู้จักชื่อพูดกับฉันแล้วนั่งลงข้างยัยฟ่าง เหลือเก้าอี้อีกตัวข้างฉันที่เหมือนจะถูกกำหนดไว้แล้วว่ามันเป็นของเขา
"..." เขาเดินมาเงียบๆแล้วนั่งลงข้างฉัน ไม่พูดไม่จา ถึงฉันจะยิ้มน้อยๆไปให้แล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ยังไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวรอยยิ้มส่งมาให้
แต่ไอด้อนแคร์ แค่ได้นั่งใกล้ในระยะไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัดก็เหมือนทำบุญมาเยอะทั้งชาติแล้ว (นางบ้าผู้ชายมาก)
ไม่นับตอนนอนข้างกันวันนั้นเพราะฉันเมามาก
"เอ้า กินไรเดี๋ยวกูกับไอเคไปซื้อให้" พี่ทอร์พูดแล้วลุกขึ้นถามเพื่อนของเขา
"อะไรก็ได้" เขาตอบสั้นๆแล้วยื่นแบงค์ร้อยให้เพื่อนตัวเอง
"กูเบื่อคำนี้จัง" พี่ทอร์บ่นแล้วดึงเงินในมือพี่แบทไป ฉันกับยัยฟ่างก็มองตาปริบๆเหมือนทำอะไรไม่ถูก
เพราะเขาไม่พูดไม่จาอะไรกับใครเลย
"เอ่อ พี่รู้จักเพื่อนหนูเหรอ" และแล้วยัยฟ่างก็เอ่ยปากพูดจนได้ มันยื่นหน้าไปหาพี่แบทแล้วถามคำถามที่ฉันกลัว
"..." เขาหันมามองฉันแว๊บหนึ่งแล้วหันไปตอบยัยฟ่างสั้นๆ "ไม่รู้สิ"
เป็นคำตอบที่ค่อนข้างกำกวมพอสมควร แต่ก็เอนเอียงไปทางรู้จัก
"หึหึ มีความลับกับฉันเหรอยัยมีน" ฟ่างเลื่อนหน้ามาหาฉันต่อแล้วกัดฟันพูดเหมือนคาดโทษ
"ปะ เปล่า ไม่เชิงว่ารู้จัก คือ เอ่อ ยังไงดี" ฉันพูดติดๆขัดๆในขณะที่ทุกคนเหมือนจะรอฟังคำตอบจากฉันอยู่
ตอนนี้สายตาเกือบทุกคู่ในโรงอาหารที่เห็นพี่เขาพากันมองมาใหญ่ ฉันว่าเดี๋ยวต้องมีคนมาถามนั่นถามนี่อีกแน่ๆ เพราะตอนนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่รู้จักเขากันหมด
"มาแล้ว อะไรก็ได้" จานข้าวมันไก่ถูกวางลงตรงหน้าพี่แบท แล้วสองคนก็นั่งลงกินข้าวของตัวเองในจาน
พี่อีกคนที่เพื่อนของเขาเรียกว่าเคก็ดูไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่ต่างกับพี่แบทตรงที่เขายังมีรอยยิ้มให้ฉันอยู่บ้าง
บอกตามตรงตอนนี้ข้าวในจานเกือบครึ่งของฉันมันกินไม่ลงแล้ว
"ไงน้องมินนี่ สบายดีมั้ยครับไม่เจอกันหลายวัน" พี่ทอร์เริ่มชวนฉันคุยในขณะที่คนอื่นเงียบกริบ ยัยฟ่างที่ว่าพูดมากยังต้องยอมแพ้ให้กับความเงีียบของพี่ๆเขา
"สบายดีค่ะ" ฉันตอบแล้วเอาช้อนเขี่ยข้าวในจานไปมา
"เป็นอะไรกัน ต้องเขินกันอีกเหรอถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่าๆ" พี่ทอร์พูดแล้วหัวเราะออกมา
'ขั้นนี้' หมายถึงขั้นไหน กริ๊ด เขาพูดถึงอะไร ฉันหันไปยิ้มแห้งให้เขาเป็นคำตอบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี
"มึงอย่าไปแซวน้องเขา เดี๋ยวโดนตีนนะ" พี่อีกคนเตือนเพื่อนตัวเอง
จะว่าไปทุกคนก็หน้าตาดีพอๆกันเลยนะ วันนั้นฉันตกใจเลยไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้ แค่ดูดีคนละแบบ
"เงียบเถอะไอ้ทอร์" คนที่นั่งเงียบอยู่นานเตือนเพื่อนตัวเอง ส่วนยัยฟ่างนี่เงียบยิ่งกว่าถูกเย็บปากไว้
"ไปกันเถอะมึง อิ่มแล้ว" ฉันหันไปบอกเพื่อนตัวเองแล้วมันก็พยักหน้ารับทันทีเหมือนจะทำตัวไม่ถูก
"อื้ม"
หมับ!
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่กลับถูกมือของผู้ชายที่นั่งข้างๆขว้าข้อมือของฉันไว้ จนต้องหันไปมองด้วยความสงสัย บวกกับความตื่นเต้น
"เอ่อ...คะ"
"ฉันไม่อยากเป็นโรคอ้วน"
"ห๊ะ อ่อ ค่ะ" จะมาพูดอะไรตอนนี้ ฉันอายคนเหลือเกิน~ ถ้ามีใครรู้ว่าฉันเอาขนมไปให้ผู้ชายทุกวัน คนเขาจะมองฉันยังไง ฮื้อ
"ไม่ต้องเอาเค้กมาอีก เข้าใจใช่มั้ย"
พูดจบเขาก็ปล่อยมือฉัน คนพูดไม่ได้ยิ้มหรือโกรธ หรือแสดงอาการอะไรออกมา ในขณะที่สายตาทุกคู่จับต่างมองมาที่เราสองคน ฉันได้แต่ยืนนิ่งฟังเขาแล้วทำหน้าหดเหลือสองนิ้ว
แบบนี้แปลว่าเขาไม่ชอบที่ฉันทำให้หรือเปล่า
"ขะ เข้าใจ" ฉันตอบไปสั้นๆแล้วก้มหน้าเม้มปากแน่น ไม่กล้ามองเขาอีก
"..."
"ไปก่อนนะคะ" ฉันยิ้มให้ทุกคนแล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่เขาก็ยังพูดขึ้นอีก
"เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ"
แล้วประโยคนั้นก็ทำฉันเผลอยิ้มออกมาทั้งที่ยังหันหลังให้ แหงล่ะ จะกล้าหันไปตอนนี้ได้ไง หน้าฉันต้องแดงแน่ๆ
กริ๊ดดด ขอหมอนสักใบให้ฉันได้กริ๊ดเถอะ!
"ร้ายว่ะ!/ร้ายว่ะ!" เสียงของพี่ทอร์และยัยฟ่างดังขึ้นพร้อมกัน และเป็นคำเดียวกันเหมือนนัดกันมาพูด จนฉันได้สติต้องรีบเดินหนีทันที
ยัยฟ่างเดินตามมาติดๆและแน่นอนว่าฉันหนีมันไม่พ้นหรอกยังไงวันนี้ฉันคงไม่รอด
"เล่ามาให้หมด!"