chapter 3 คำขอโทษ
3
"ไอ้ทอร์!"
"ปัง!
แล้วผู้ชายที่ชื่อทอร์ก็ถูกดููดหายเข้าไปในห้องก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงประตูที่กระแทกปิดเสียงดัง
หวา~ เขาต้องโมโหเรื่องฉันแน่ๆเลย จะทำยังไงดีล่ะฉัน
ฉันนอนคิดอยู่บนเตียง ว่าจะจัดการกับเรื่องยังไง หรือจะปล่อยเลยตามเลย แต่มันคงอึดอัดน่าดูถ้าทำแบบนั้น
ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าต้องไปขอโทษเขา แต่ว่าฉันจะไม่ขอโทษต่อหน้าเขาแน่ๆแค่นี้ก็อยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีแล้ว แต่ฉันจะขอโทษด้วยวิธีไหนกัน
สามวันต่อมา
แล้วฉันก็หาวิธีที่จะขอโทษเขาได้ หลังจากที่แอบฟังข้ามกำแพงห้อง(เหมือนโรคจิต) ก็ได้รู้ว่าเขาอยู่ในห้องเกือบตลอด ยกเว้นเวลาไปเรียนช่วงกลางวัน เพราะแอบได้ยินเสียงเพลงเปิดเบาๆ และแอบส่องข้ามระเบียง มาสองสามวัน เลยรู้ว่าทุกวันเขาจะออกห้องไม่เป็นเวลา ตอนกลับห้องก็ไม่เป็นเวลา เหมือนฉันจะว่างใช่มั้ย แต่เปล่าเลยที่จริงแล้วฉันก็เรียนอยู่ ฉันทุ่มเทกันเรื่องผู้ชายมากกว่าการเรียนแบบนี้แหละ ฮืออ
แล้วฉันก็เลยสุ่มเอามั่วๆว่าเขาจะต้องกลับมาหลังสี่โมงเย็น และวันนี้ฉันก็ซื้อขนมเค้กรสนมหนึ่งชิ้นของร้านที่ชอบทานประจำ ใส่ถุงพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็กๆเขียนข้อความขอโทษเอาไว้
'ขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้นค่ะ ขอโทษถ้าทำให้เดือดร้อน'
เอาแบบนี้แหละ ก็ฉันอายนี่นาอีกอย่างดูเขาจะไม่อยากคุยกับคนอย่างฉันเท่าไหร่
คิดได้ดังนั้นแล้วก็จัดการเอาขนมใส่ถูงกระดาษไปห้อยไว้กับลูกบิดประตูหน้าห้อง แล้วตัวฉันก็วิ่งกลับเข้ามาในห้องตัวเองด้วยความตื่นเต้น นี่มันเหมือนกำลังจีบหนุ่มสมัยมัธยมเลยนะ
รอเวลาไม่นานก็ออกมาด้อมๆมองๆดูผลลัพท์อยู่สองสามครั้ง แต่ขนมของฉันยังห้อยเหงาๆอยู่ที่เดิม แปลว่าเขายังไม่กลับมาใช่มั้ย หรือเขาเมินมัน ปล่อยให้เค้กของฉันเป็นหมันอยู่หน้าห้อง
ฉันออกจากห้องมาตอนหกโมงเย็นอีกครั้ง เพราะมีนัดกับยัยฟ่างออกไปกินข้าว ความจริงก็เจอมันมาทั้งวันแล้วแต่ปกติเราก็มักจะนัดกันไปกินข้าวเย็นด้วยกันต่อ เหมือนไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ค่อยเป็นเพราะไปกับเพื่อนตลอด
ฉันหันไปมองของที่ตัวเองเอาห้อยไว้ แล้วก็ต้องตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันได้หายไปแล้ว!
หวังว่าคนที่เอามันไปจะเป็นเขานะ คงไม่ใช่หมา แมว หรือเพื่อนเขามาเห็นซะก่อน แค่คิดว่าเพื่อนเขาสองคนวันนั้นมาเจอก็รู้สึกอับอายขึ้นมาแล้ว ไม่รู้จะมองฉันว่าเป็นคนยังไง
ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วนี่นา
"ไง สรุป เจอพี่แบทยัง" คำถามของยัยฟ่างเล่นเอาข้าวในปากของฉันแทบพุ่ง ฉันเงยหน้ามองมันแล้วตอบกลับไปอย่างเนียนๆ
"ยังอ่ะ" ฉันไม่กล้าบอกเรื่องน่าอับอายนี้ให้ใครฟังทั้งนั้นแหละ ขอเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ (แฮร่) คนเดียวดีกว่า
"ตัวจริงจะเป็นยังไงน้า อยากเห็นจัง เห็นคนอื่นบอกว่าพี่แกชอบเก็บตัวไม่ออกไปไหน เป็นตัวเก็งเดือนคณะตอนปีหนึ่งแต่ไม่ยอมลงประกวดเพราะไม่ชอบวุ่นวาย น่าค้นหาสุดๆ"
"อืม น่าค้นหาจริงๆ" ฉันตอบออกไปแล้วพยักหน้าหงึกๆ เพราะเท่าที่ดูเขาเหมือนไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับใครจริงๆ ขนาดฉันนอนหลับอยู่ในห้องเขายังไม่อยากยุ่งจนปล่อยให้ฉันนอนหลับสบายถึงเช้าเลย
"มึงดูไม่ปกติ" อยู่ดีๆฟ่างงก็มองฉันนิ่งเหมือนจับผิด
"อะไร"
"มึงหลบตาเวลาพูดถึงพี่เขา"
"มึงจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ก็กูกินข้าวอยู่มั้ย" ฉันพูดแล้วพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพราะจริงๆแล้วก็หลบตานั่นแหละ เข้าใจมั้ยล่ะเวลาเรามีอะไรปิดบังอยู่ เราจะไม่กล้าสบตาใคร
"ทำไมต้องหน้าแดง ชอบเขาใช่ม่ะ บอกกู!" ยัยฟ่างถามเสียงดังจนฉันต้องทำตาโตมองมัน หน้าฉันแดงเหรอ บ้าน่า
คิดแล้วก็ยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง
"มึงจะเสียงดังทำไมฟ่าง เกิดแฟนคลับเขาอยู่แถวนี้กูโดนทุบหัวนะ" ฉันดุมันแล้วกินข้าวต่อ แกล้งไม่สนใจเรื่องของเขาไป เพราะยิ่งคิดยิ่งทำให้รู้สึกอาย
"ชอบก็บอกว่าชอบ ใครๆเขาก็ชอบกันทั้งนั้น มึงต้องหวาดระแวงขนาดนั้นเลย? มึงไม่ได้ปล้ำเขาซักหน่อย ปกติมึงดี้ด้าเรื่องผู้ชายนะ" เกลียดความขี้สงสัยของมันก็วันนี้แหละ หรือฉันแสดงออกมากเกินไปจนมันสงสัย
ฉันไม่ได้ปล้ำเขาหรอก แต่ก็คงเกือบไปแล้ว...
"เออ กูก็ชอบผู้ชายหน้าตาดีทุกคนนั่นแหละ พอใจยัง" ฉันตอบปัดๆไป จะได้ไม่ถามมากอีก
"งั้นมึงไปหาห้องเขามาแล้วจัดการอ่อยเหยื่อซะ มึงมีโอกาสแน่ๆ" มันพูดเหมือนจะจริงจังแต่พวกเรารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆของคนบ้าผู้ชายเท่านั้น
ที่จริงฉันกับมันก็ทำได้แค่นี้แหละ ใครมองจะดูว่าแรดแต่ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่เคยพาผู้ชายขึ้นห้อง ไม่เคยคบใคร ไม่เคยนอนกับใคร!
"กูจะพยายามนะ" ฉันตอบมันไปแล้วขำเบาๆ ถ้ามันรู้เรื่องฉันคงกริ๊ดร้านแตกแน่นอน
จากนั้นเราก็กินข้าวต่อ เดินเล่นซื้อของเหมือนทุกๆวัน แล้วก็กลับหอ
ฉันเดินขึ้นบันไดเหมือนเดิม และระหว่างที่เดินขึ้นมาถึงชั้นสองก็ต้องหยุดเท้าเอาไว้แล้วดูคนที่กำลังจะเดินสวนลงมา
แต่สติที่มีก็สั่งการให้ฉันเดินต่อไป พร้อมกับก้มหน้าหลบ
ทำไมต้องเป็นเขา!!!
รู้สึกเหมือนทุกย่างก้าวมันช่างเชื่องช้าเหลือเกินสำหรับฉัน กว่าจะเดินสวนกันได้เหมือนใช้เวลาสามพันล้านปี
"ขนมอร่อยดี" เสียงเข้มที่ดูเรียบเฉยดังขึ้น แต่ฉันก็ไม่กล้าหันไปมอง
เท้าของฉันหยุดไปโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินประโยคนั้น จนต้องยืนอยู่ที่เดิมในขณะที่เขาคงเดินลงไปถึงชั้นล่าง
แล้วอยู่ๆรอยยิ้มมันก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของฉันอย่างไม่รู้ตัว พอตั้งสติได้ก็วิ่งขึ้นไปในห้องแล้วกระโดดลงไปกริ๊ดกับเตียงแบบที่ชอบทำ
กริ๊ดดดดดดดด
ฉันว่ามันต้องไม่ปกติแล้ว ความรู้สึกของฉันมันไม่ปกติซะแล้ว
หัวใจทำไมถึงเต้นแรงแบบนี้ หรือเพราะเขาหน้าตาดี เพราะท่าทีนิ่งเฉยแต่ประโยคไม่กี่คำนั้นเล่นเอาฉันแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
'ขนมอร่อยดี'
อร๊าย แล้วฉันจะซื้อมาให้อีกนะคะพี่แบท ฉันคิดในใจแล้วดิ้นพล่านอยู่บนเตียงเหมือนบ้า
เขากำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า!