บทที่9
หญิงสาวหลับตาพริ้มพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นเหงื่อบางเบาผสมกับกลิ่นหญ้าที่ถูกฝีเท้าม้าเหยียบย่ำ ก่อให้เกิดความรู้สึกหวามไหวแล่นไปทั่วตัว มือที่แตะอยู่ตรงเอวคล้ายจะยิ่งร้อนผ่าวกว่าเดิม...แล้วอย่างช้าๆ มือนั้นก็เคลื่อนมาที่หน้าท้องแบนราบ ความร้อนจากมือแผ่กำจายไปทั่วบริเวณแล้วหลามไหลลงสู่จุดกึ่งกลางกายสาว มารีเอนซบไปบนแผ่นอกกำยำ เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครา
“นั่นแหละ...สาวน้อย”
มารีสูดลมหายใจพลางแขม่วหน้าท้องเมื่อความร้อนตรงนั้นดูจะมีอิทธิพลกับหล่อนเหลือเกิน หล่อนเริ่มรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งเมื่อมือร้อนๆ ขยับเขยื้อนขึ้นมาอย่างเชื่องช้า...กระทั่งหยุดใต้ทรวงอกอวบที่บดเบียดอยู่ในคอร์เซ็ท ลมหายใจร้อนผะผ่าวเป่ารดตรงขมับ มารีเหลียวไปมองแล้วก็หลับตาเสียทันควัน เมื่อตระหนักว่าริมฝีปากของเขาอยู่ห่างไปแค่เพียงนิ้วกั้น
แน่นอนว่าหัวใจของหล่อนเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะแล้วในเวลานี้ ตื่นเต้น...และรอคอย ใช่...หล่อนรอ รอให้ริมฝีปากของเขาบดคลึงลงมาบนริมฝีปากของหล่อน หากก็ได้แต่เพียงรอคอยเท่านั้นเพราะโอลิวิแยร์มิได้จูบอย่างแอบคิดฝันลมๆ แล้งๆ
กระนั้นมือทั้งสองของเขาก็ยังลูบไล้อยู่ตรงเอวคอดและหน้าท้องแบนราบของหล่อนไม่หยุด สัมผัสซึ่งก่อให้เกิดคลื่นร้อนโหมกระหน่ำไม่ขาดสาย มารีเอนแผ่นหลังซบกับหน้าอกแกร่งกำยำ ปล่อยตัวให้หลอมละลายในอ้อมกอดของเขาหล่อนเคลิบเคลิ้ม ล่องลอย และหมดแรง
“เจ้าน่าจะเป็นลูกศิษย์ที่ดี” เสียงกระซิบสั่นพร่าทำให้มารีปรือตาขึ้นมองด้วยความฉงน
...ลูกศิษย์...
นั่นแหละหล่อนจึงดันตัวออกจากอาการเอนอิงแล้วเอี้ยวตัวมามอง...คำถามมากมายปรากฏในแววตาก่อนที่จะออกมาทางคำพูด
“ลูกศิษย์...หมายความว่าอย่างไร?”
“ก่อนจะคุยเรื่องนี้ ข้าว่าเราไปหาที่เหมาะๆ ดีกว่า ในชายป่าตรงนั้นมีร่มเงาพอให้เรานั่งคุยกันได้” เขาชี้มือไปเบื้องหน้า
อารมณ์หวามไหวเมื่อครู่กระจัดพลัดพลายหายไปพร้อมกับสติที่กลับคืน และมารีก็เริ่มเป็นกังวล...หล่อนทำอะไรลงไป เผลอไผลไปกับอารมณ์ชั่วครู่ชั่วยามได้อย่างไร...
ชายป่าที่โอลิวิแยร์บังคับม้าให้มาหยุดนั้น เป็นป่าโปร่งที่มีร่มเงาของต้นไม้ให้นั่งเล่น โดยมีทิวทัศน์ของทุ่งดอกไม้สุดลุกหูลูกตาอยู่เบื้องหน้า เขาลงจากหลังม้าและรับร่างหญิงสาวก่อนจะผูกม้าไว้กับต้นไม้ใกล้ๆ ให้มันและเล็มหญ้ากิน ขณะที่เขาพามารีเดินออกห่างไปไม่ไกลนัก เขาถอดเสื้อคลุมออกปูลาดบนพื้นหญ้า แล้วเชิญให้หญิงสาวลงนั่ง
โอลิวิแยร์ลงนั่งข้างๆ ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ชั่วอึดใจเมื่อเขาไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เรื่องที่อัลแบร์ฝากฝัง...เป็นเรื่องที่ออกจะพูดยาก
ใครเล่าจะวางใจฝากฝังให้คนอื่นสอนเรื่องบนเตียงให้ว่าเจ้าที่เจ้าสาวของตน...ไม่มีหรอก!
แต่เขาก็เข้าใจเหตุผลของอัลแบร์...ญาติของเขามีปัญหาบางประการที่ทำให้เกิดความกังวล
“ญาติของข้า ท่านมาร์กี...เวลาตื่นเต้น...เขาจะ...” เขาเกิดอาการพูดไม่ออกเมื่อสบสายตาของหญิงสาวตรงหน้าที่จ้องเขม็ง
ให้ตายเถอะ! ทำไมเขาถึงต้องรับหน้าที่นี้ด้วยเล่า
ลึกๆ ชายหนุ่มก็ยังเชื่อว่า ประสบการณ์จะสอนหญิงสาวผู้นี้เองว่าควรต้องทำอย่างไร ปฏิกิริยาต่อสัมผัสของเขาเมื่อครู่ก็ทำให้พอรู้แล้วว่า คุณหนูคนสวยเป็นคนร้อนแรงไม่น้อย ไม่ใช่หน้าที่ของเขาสักนิด
โอลิวิแยร์สบถในใจพลางนึกหาวิธีที่จะบอกหล่อน แต่ก็ยังอับจนหนทาง
“มีสิ่งใดที่ข้าควรจะรู้อย่างนั้นหรือคะ?” น่าแปลกที่คำถามง่ายๆ นั้นกลับเหมือนเจ้าหล่อนเปิดประตูให้เขาเห็นทางออก
“ท่านมาร์กี...ญาติของข้า...ว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้า เป็นคน...เอ่อ...ขี้อาย” ร่องรอยสงสัยยังคงฉาบฉายอยู่บนใบหน้างดงาม “เขากลัวว่าในคืนส่งตัวเขาจะปฏิบัติหน้าที่เจ้าบ่าวได้ไม่ดีนัก” มาถึงตรงนี้คิ้วเหนือดวงตาคู่สวยเริ่มขมวดเข้าหากัน ทำให้โอลิวิแยร์ถามออกไปด้วยไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน “เอ่อ...เจ้ารู้ใช่ไหม ชายหญิงทำอะไรกันในคืนส่งตัว?”
มารีหน้าแดงจัดก่อนจะพยักหน้ารับด้วยท่าทางเขินเต็มที
“ข้า...ก็พอรู้”
“นั่นแหละ เขาเป็นกังวล เจ้าเองก็ยังไม่ประสีประสานัก เขาจึงให้ข้ามาสอนเจ้า”
“สอนข้า ท่านจะสอนข้าอย่างไร” มารีทำทีตกอกตกใจเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง
“อย่าตกใจไปเลย ข้าแค่จะสอนเรื่องพื้นฐานให้เจ้านำไปใช้กับเจ้าบ่าวในคืนส่งตัว ข้ารับรองว่าจะไม่ทำอะไรเจ้ามากไปกว่านี้ เจ้าจะยังเป็นเจ้าสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องจนถึงวันแต่งงาน” มารีหลุบตามองพื้นหญ้าที่มีดอกไม้ดารดาษพะยับไหว อาการดังกล่าวทำให้โอลิวิแยร์คิดว่าเจ้าหล่อนไม่พอใจ “ข้าก็ไม่ได้อยากรับหน้าที่นี้ แต่อัลแบร์ขอร้องแกมบังคับ เขาไม่ไว้ใจคนอื่น แต่เขาก็ห่วงว่าจะทำให้เจ้าไม่มีความสุข อย่างที่ข้าบอก อัลแบร์ขี้อาย ผู้ชายที่ขี้อายมากๆ พอเจอสาวบริสุทธิ์ที่ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจจะทำให้คืนส่งตัวพังไม่เป็นท่า”
“แล้ว...ข้าต้องทำอย่างไร?”
โอลิวิแยร์ยิ้มกริ่มทันทีที่ได้ยินคำถามของมารี
“เราจะเริ่มต้นด้วยบทเรียนแรก...”
