บทที่10
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ปลดผ้าคลุมออกแล้วปูลงบนพื้นหญ้านุ่มใต้ต้นวอลนัทที่อยู่บนเนินสูงมองลงไปเห็นทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลูกตา ด้านหลังเนินเป็นชายป่าโปร่งขนานไปกับลำธารเล็กๆ โอลิวิแยร์รู้จักแถบนี้ดีเพราะชอบออกมาขี้ม้าเล่นแถวนี้ทุกครั้งที่แวะมาเที่ยวที่คฤหาสน์ฤดูร้อนของตระกูล เดอ ปาปิญง
ชายหนุ่มชวนหญิงสาวที่ยังยืนเก้กังให้มานั่งด้วยกัน ครั้นหล่อนยังไม่ยอมเดินมา เขาจึงก้าวเข้าไปหาแล้วจูงมือพามาตรงที่เขาปูผ้า
“เรามีเวลาไม่มากหรอกมารี เจ้าเลิกเขินได้แล้ว เจ้าเคยจูบไหม?” เจอคำถามนั้นมารีก็หน้าแดงก่ำ คนถามจึงเดาออก “เจ้าจูบกับใคร?”
“เอ่อ...ข้า...”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะไม่บอกใคร”
“ข้าจูบกับฟรองซัวร์ เรา...เอ่อ เรารักกัน” มารีรีบโบกไม้โบกมือเมื่อเห็นโอลิวิแยร์เลิกคิ้วราวแปลกใจ “ท่านไม่ต้องห่วง ฟรองซัวร์กำลังจะแต่งงานในไม่ช้า”
“ฟรองซัวร์เคยสอนอะไรเจ้าบ้าง...นอกจากจูบ”
คราวนี้มารีส่ายหน้าทันควัน...หล่อนพลาดไปครั้งแล้ว ไม่มีทางจะพลาดเป็นครั้งที่สอง
“หนุ่มนั้นท่าทางจะยังไม่ประสีประสาล่ะสิ ถึงได้จูบอย่างเดียว”
“เขาอายุมากกว่าข้าแค่ปีเดียว เขาบอกข้าว่า...เขา...เอ่อ...ยังไม่เคย...” หล่อนกัดปากเมื่อเกิดความเขินอายขึ้นมา
“ดี...ถ้างั้นลองจูบข้าสิ” ประโยคนั้นทำให้มารีตะลึงมองหน้าเขา หากโอลิวิแยร์กลับเร่งเร้า “เอาสิ รออะไรอยู่เล่า เรามีเวลาไม่มากเจ้าก็รู้”
มารีกัดปากตนเอง ทั้งตื่นเต้นและทั้งเขิน ละล้าละลังอยู่อีกครู่หล่อนก็หลับตายื่นปากไปแตะริมฝีปากอีกฝ่าย ตลอดเวลานั้นโอลิวิแยร์ไม่ตอบรับ เขานิ่งเฉยราวกับรูปปั้นจนมารีเริ่มประหม่า...แต่ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หญิงสาวบดคลึงริมฝีปากของตนบนเรียวปากอุ่นร้อนของอีกฝ่ายแรงขึ้นทีละนิด ยิ่งแรงใจก็ยิ่งสั่นหวิว และเนื้อตัวก็ผ่าวร้อนราวนั่งอังข้างกองไฟ ความร้อนนั้นลามเลียไปทั่วตัวก่อนจะไหลรวมสู่ที่เดียว...จุดที่อยู่กึ่งกลางกาย
จุดแห่งความรู้สึกทั้งมวล!
“อืม...ดีมาก สาวน้อย” เสียงกระซิบสั่นพร่าบอกให้รู้ว่าหล่อนมาถูกทางแล้ว มารีใจชื้นขึ้นเป็นกอง...หญิงสาวจึงก้าวสู่ขั้นต่อไปด้วยการส่งลิ้นนุ่มนิ่มสำรวจภายในปากอีกฝ่าย แรกเริ่มด้วยความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ กระทั่งอีกฝ่ายสนองตอบด้วยการแลกลิ้น คราวนี้มารีเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าใครกำลังจูบใคร
กว่าจะแยกออกจากกันมารีก็แทบคว้าลมหายใจตนเองไม่ทัน เมื่อโอลิวิแยร์ผละออกหล่อนจึงหอบหายใจแรงราวกับเพิ่งวิ่งข้ามทุ่งหญ้ากระนั้น
“เก่งมาก คราวนี้...” จู่ๆ เขาก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวนอกแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา เมื่อแบมือออกมารีจึงได้เห็นว่า มันคือกล่องโลหะเล็กๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าคือกล่องลูกกวาด
“ลูกกวาด?” หล่อนเอ่ยด้วยความสงสัย
“ใช่ ลูกกวาด...ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรส แต่...” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั้นทำให้มารีหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก “เจ้าต้องแย่งเอาไปจากปากข้า”
ลูกกวาดสีชมพูถูกโยนเข้าปากทันทีที่จบประโยค มารีมองตามตาโต...รอยยิ้มอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่าของโอลิวิแยร์ทำให้หญิงสาวโผเข้าหาแทบไม่ต้องคิด หล่อนประกบปากเข้ากับริมฝีปากของเขาแล้วบดจูบอย่างเร่าร้อน ชายหนุ่มตอบรับด้วยลูกเล่นแพรวพราวและชั้นเชิงที่สูงกว่า ทรวงอกของหญิงสาวสะท้อนแรงตามจังหวะการหายใจ เนื้อตัวหล่อนร้อนเป็นไฟ รสหวานซ่านจากปากและลิ้นของเขานั้นยิ่งทำให้มารีหายใจแรงกว่าเดิม หญิงสาวไม่แน่ใจว่ารสชาติหวานที่ได้ลิ้มรสคือรสจากลูกกวาดหรือเป็นรสจูบของเขากันแน่
นั่นสิ...ใครนี่หล่อนจูบเขา หรือเขาจูบหล่อนเล่า
มารีคิดพลางรู้สึกว่าตนเริ่มสูญเสียการทรงตัวทีละน้อย ทรุดไปตามแรงผลักของคนที่มีพละกำลังมากกว่า สุดท้ายหล่อนก็นอนหงายผึ่งบนผืนหญ้าที่มีเสื้อคลุมปูรองอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง สิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าหล่อนยังหายใจอยู่คือหัวใจที่เต้นแรงโลดราวจะหลุดออกมานอกอก...ยิ่งเมื่อมือแข็งแรงของโอลิวิแยร์กอบกุมทรวงอกที่ถูกบีบอัดอยู่ภายใต้ชุดรัดทรงแน่นเปรี๊ยะแล้วคลึงเคล้นอย่างหนักหน่วง มารีก็แทบจะลืมหายใจ
ความเสียวซ่านแล่นเป็นริ้วไปทั่วทั้งตัวจนเผลอร้องครางออกมาเสียงแผ่ว กระนั้นหญิงสาวก็ยังไม่ลืมภารกิจที่ได้รับ...มารีนำความกระสันที่ได้รับจากสัมผัสของโอลิวิแยร์มาแปรเป็นจูบร้อนแรง ลิ้นของหล่อนพัวพันอยู่กับลิ้นของเขา ผลัดกันแพ้และชนะด้วยการครอบครองลูกกวาดแสนหวาน โรมรันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร กระทั่งหล่อนได้ครอบครองลูกกวาดไว้ในปากตนในที่สุด โอลิวิแยร์ผละออกพลางประกาศชัยชนะของหล่อนออกมา
“เจ้าชนะแล้วมารี” เสียงของเขาสั่นพร่าและดวงตาก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งปรารถนา มือใหญ่ยังคงตะโบมคลึงเคล้นอยู่บริเวณทรวงอกที่สะท้อนสะท้าน “ข้ายกลูกกวาดเม็ดนั้นให้เจ้า แต่...ข้าขอชิมลูกกวาดเม็ดนี้เป็นการทดแทน”
