บทที่8
ร่างสูงใหญ่กระโดดลงจากหลังม้าลงมายืนบนพื้น ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มมาให้เมื่อมองเห็นว่ามารีแหวกม่านออกดู เขาผูกม้าไว้ก่อนจะเดินขึ้นบันไดมาถึงหน้าประตูบ้าน มารีเปิดออกรับพลางถอนสายบัวให้อย่างสวยงาม ดวงหน้างามก้มงุดเพราะเขินเกินกว่าจะสบตาอีกฝ่าย...หล่อนกลัวเขาจะจับความรู้สึกตนเองได้
“คุณหนู...เมื่อครู่มีรถม้าขับออกไป?”
“ค่ะ แม่เพิ่งจะออกไปก่อนที่ท่านจะมาถึงนี่แหละ”
“น่าเสียดาย...ข้าทราบมาว่าท่านมาร์กีส่งนัดหมายในวันพรุ่งนี้มาแล้ว จึงอยากจะมาเรียนมาดามด้วยตนเองว่า เหตุที่ท่านมาร์กีมามิได้ เพราะต้องกลับเข้าปารีสด่วน แต่ก็เป็นห่วงเรื่องทางนี้ จึงมอบหมายให้ข้าเป็นผู้จัดการแทน ท่านมาร์กีเกรงว่ามาดามจะเข้าใจผิด แต่ไม่เป็นไร...ที่มาวันนี้ข้าตั้งใจจะมาเจอคุณหนูด้วยเช่นกัน ข้ามีข้อความจากท่านมาร์กีฝากมาถึงคุณหนูเป็นพิเศษ คุณหนูจะว่ากระไรไหม...ถ้าข้าจะชวนออกไปชมนกชมไม้แล้วคุยกัน”
“ค่ะ...เอ่อ...ข้ายินดี” ...หล่อนยินดีที่ได้ไปกับเขาแน่นอน...มารีบอกตนเอง
โอลิวิแยร์ยื่นแขนมาให้มารีเกาะ แล้วพาเดินออกไปหน้าบ้าน...ตรงที่ผูกม้าไว้แล้วหันมาถาม
“คุณหนูเคยเห็นทุ่งดอกไม้ตรงอีกฟากของทุ่งหรือยัง” มารีสั่นหน้า...แม้จะเคยออกไปเดินเล่น ขี่ม้าในทุ่งบ้าง แต่ก็ไม่เคยไปไกลถึงฟากนั้นสักที “สวยมาก รับรองว่าคุณหนูเห็นแล้วจะหลงรักทุ่งดอกไม้นั่นแน่นอน คุณหนูรังเกียจไหมถ้าจะนั่งบนหลังม้าตัวเดียวกัน?”
คำถามนั้นทำให้มารีนิ่งไปอึดใจ...ไม่ใช่เพราะคิดมากหรอกน่า หล่อนแทบจะตอบตกลงไปนับตั้งแต่เขายังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ แต่ที่นิ่งก็เพราะสงวนท่าทีต่างหากเล่า...
“ด...ได้สิ...”
“ถ้างั้นไปกันเลย”
โอลิวิแยร์โหนตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้าแล้วส่งมือให้มารีจับ หญิงสาวมองมือใหญ่แข็งแรงตรงหน้านิ่งด้วยไม่กล้าเงยหน้ามองสูงไปกว่านั้น เมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าสายตาของเขาทอดจับแน่วแน่อยู่ที่ตน แค่รู้ว่าเขามอง...มารีก็ใจเต้นโครมคราม พยายามที่จะบังคับมือมิให้สั่นเมื่อยื่นมือไปวางในอุ้งมือใหญ่ของเขา
มือใหญ่ที่ทั้งอุ่นและร้อนจนมารีสะดุ้งเกือบจะชักมือกลับถ้าไม่ถูกอีกฝ่ายจับไว้เสียก่อน แรงดึงมหาศาลจากคนบนหลังม้าทำให้ร่างบอบบางลอยหวือขึ้นไป และเพียงชั่วพริบตาหล่อนก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้า...โดยมีอ้อมแขนแข็งแรงโอบสองด้าน ลมหายใจที่เป่ารดตรงใบหูทำให้มารีขนลุกทั่วทั้งตัว
“ไม่ต้องเกร็ง” เขากระซิบบอก
...แต่ทำไมยิ่งฟังเสียงเขาแล้วมารีกลับยิ่งหายไม่ทั่วท้อง...
โอลิวิแยร์ฟาดแส้ลงไปที่สะโพกม้าเบาๆ สั่งให้มันโจนทะยานไปข้างหน้า ทุ่งดอกไม้ที่เขาบอกนั้นอยู่อีกฟากของทุ่ง...ที่หากจะเดิน ก็คงใช้เวลาหลายชั่วโมงทีเดียวกว่าจะไปถึง ชายหนุ่มนึกถึงคำสั่งของญาติสนิทที่ฝากฝังไว้ก่อนจะขึ้นรถม้าไปปารีสเมื่อเช้ามืดวันนี้
. . . . . . . . . . . . . .
‘โอลิวิแยร์...ช่วยข้าด้วย ข้ารอให้ถึงวันแต่งงานแทบไม่ไหว แต่ทุกทีที่คิดถึงคืนเข้าหอ ข้าก็กังวลใจ’ ใบหน้าของญาติสนิทเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อนึกถึงเรื่องอันน่าอายของตน
‘เจ้าจะกังวลไปไย’
‘ข้าต้องกังวลสิ ก็นางยังบริสุทธิ์ ยังไม่เคยผ่านมือชายใด นางจะรู้ได้อย่างไรว่าจะช่วยข้าได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่า...ข้าไม่เหมือนคนอื่น...ไม่เหมือนเจ้า!’
‘ท่านก็สอนนางสิ เดี๋ยวนางก็เรียนรู้เองแหละน่า’ เขาตอบอย่างที่คิด...ก็เรื่องบนเตียง อย่างไรเสียพอผ่านคืนแต่งงาน ก็เป็นกันทุกคนนั่นแหละ
‘ใช่แล้ว!’ แววตาวิบวับดีใจนั้นทำให้โอลิวิแยร์ขมวดคิ้วสงสัยขึ้นมาทันที ‘เจ้านั่นแหละ ต้องสอนนาง สอนนางก่อนที่จะมาเจอข้า’
‘อะไรนะ!’
‘เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก เจ้าต้องสอนนาง เจ้าจะสอนนางอย่างไรก็ได้ ข้าขออย่างเดียว...พรหมจรรย์ของนาง...เป็นของข้า!’
. . . . . . . . . . . . . .
และนั่นเองคือที่มาของการเดินทางมาหามารีในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้เป็นการนัดพบอย่างเป็นทางการซึ่งจะมีมาดาม เดอ โบมองต์ คอยเฝ้ามองสังเกตการณ์ เขาคงไม่มีโอกาสจะได้คุยเรื่องทีได้รับการฝากฝังมาแน่นอน
โอลิวิแยร์ควบม้าทะยานไปเบื้องหน้า...เพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางอันเป็นทุ่งดอกไม้แสนสวย ที่เขามั่นใจว่าน่าจะรอดพ้นจากสายตาผู้คนในหมู่บ้านอันเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ เดอ โบมองต์ เนื่องด้วยทุ่งดอกไม้นั้นอยู่ในเขตที่ดินของตระกูล เดอ ปาปิญง!
“นั่นไง! ทุ่งดอกไม้ที่ข้าบอก สวยไหม?” คำถามข้างหูคล้ายจะปลุกคนที่นั่งตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนให้ตื่นจากภวังค์
มารีเหลียวมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย ...สวยจริงๆ อย่างที่เขาบอกนั่นแหละ...ดอกไม้หลากสีบานกระจัดกระจายไปจนทั่วท้องทุ่งกว้างใหญ่
“สวย...สวยมากค่ะ”
“ทำตัวตามสบายเถอะ” มือข้างหนึ่งของโอลิวิแยร์ปล่อยบังเหียนแล้วแตะหลังหญิงสาวอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงลูบลงมาช้าๆ ก่อนจะเลื่อนไปวางนิ่งตรงเอวคอดกิ่ว อากัปกิริยาทุกอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติ
ทว่ากลับปลุกเร้ามารีจนหายใจแทบไม่ทั่วท้อง
