บทที่4
แสงจันทร์ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างส่องลงบนเตียงเล็กขนาดนอนคนเดียว เอสแตลล์ยิ้มให้กับเตียงนอนว่างเปล่านั้น ก่อนจะถอดชุดที่สวมออกกองทิ้งไว้บนพื้นแล้วพาเรือนร่างขาวโพลนท่ามกลางแสงจันทร์ก้าวไปที่เตียง หล่อนตวัดผ้าห่มหนาที่คลุมเตียงออกแล้วพาร่างตัวเองซุกหาความอุ่นไปพลางขณะนอนรอเจ้าของห้องกลับมา
ไม่นานหรอก...เดี๋ยวฟรองซัวร์ก็กลับมา เสียงทุบประตูปังนั่นน่าจะทำให้สองคนนั้นตกใจเพราะกลัวใครจะมาเห็นเข้า
แล้วก็จริงอย่างที่เอสแตลล์คิด ไม่กี่อึดใจต่อมาบานประตูไม้ก็เปิดออกด้วยความระมัดระวังก่อนที่เรือนร่างสูงของฟรองซัวร์จะย่องเข้ามาแล้วปิดประตูตามหลัง เอสแตลล์นอนคลุมโปงแต่ก็แอบมองลอดผ้าห่มเห็นเจ้าของห้องยืนพิงประตูห้อง เสียงหายใจที่ดังกว่าปกตินั้นน่าจะเพราะเหนื่อย...หรือไม่ก็...ตื่นเต้น
“บ้าเอ๊ย!” เขาสบถออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าจนเหลือเพียงเสื้อกับกางเกงตัวใน
เอสแตลล์จ้องกึ่งกลางกายอีกฝ่ายตาแทบไม่กะพริบเมื่อเห็นบางอย่างพุ่งตระหง่านเด่นชัดท่ามกลางแสงจันทร์ ครั้นเขาล้วงเข้าไปในกางเกงตัวในแล้วควักท่อนเนื้อที่แข็งเต็มที่ออกมารูดจนสุดความยาวพร้อมกับสูดปากพ่นลมพลางส่งเสียงกระเส่า เลือดในกายหญิงสาวก็ร้อนขึ้นมาในทันที ฟรองซัวร์ทรุดนั่งตรงขอบเตียงทั้งที่ยังคงคร่ำเคร่งกับการสาวท่อนลำแกร่งของตนอย่างเมามัน
เขาอยากจะปลดปล่อยเต็มแก่แล้ว ถ้าไอ้บ้านั่นไม่ทุบประตู ป่านนี้เขาคงได้ฝังฝากกายและคงได้ครอบครองมารีแล้ว มันน่านัก...อย่าให้รู้เชียวว่ามันเป็นใคร!
ความเสียวซ่านตลอดทั่วลำแกร่งทำให้ฟรองซัวร์ไม่ทันสำเหนียกว่าตนไม่ได้อยู่เพียงลำพัง และกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เรือนร่างขาวโพลนเลื่อนตัวออกจากผ้าห่มมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
ฟรองซัวร์ตกใจแทบผงะเมื่อนึกว่าโดนดีเข้าให้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเขาก็อุทานชื่อของหล่อนออกมา
“เอสแตลล์!”
น้องเลี้ยงของเขาจุ๊ปาก ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แก่นกายแข็งแกร่ง เนื้อตัวของหล่อนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์สะท้อนแสงจันทร์จนขาวไปทั้งร่าง
“ให้ข้าช่วยเถอะ”
สิ้นคำเอสแตลล์ก็ครอบครองปลายมนด้วยริมฝีปากอิ่มของหล่อน ดวงตาของฟรองซัวร์เบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่คาดคิดว่าเอสแตลล์จะทำเชนนี้ เขาเห็นหล่อนเป็นน้องสาว แม้จะคนละสายเลือดแต่ก็อยู่ร่วมบ้านกันมาหลายปี
“ข้า...อา...ข้าเป็น...เป็น...พี่ชายเจ้า...นะ...”
อา...แต่น้องที่ไหนกันจะเปลือยกายอวดเรือนร่างอวบอัดไปเสียทุกสัดส่วนให้พี่ชายได้เชยชมเล่า...
ชายหนุ่มร้องห้ามอีกหลายคำแต่ก็สู้อารมณ์กระสันที่แผ่จากกึ่งกลางไปยังทุกส่วนของร่างกายไม่ได้ เขาผงะหงายลงไปนอนผึ่งบนเตียงปล่อยให้เอสแตลล์ดูดท่อนลำของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายจึงผงกหัวขึ้นมองศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมยาวสยายสีแดงที่ขยับขึ้นลงอยู่ตรงหว่างขาด้วยสายตาฉ่ำปรือ นึกอยากรู้ว่าเจ้าหล่อนไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากไหน
เอสแตลล์ไม่นึกว่าจะได้ใช้สิ่งที่เคยนึกขยะแขยงรังเกียจมาเป็นประโยชน์ในวันนี้ ...แล้วความคิดก็พาหล่อนย้อนไปยังวันที่ถูกจับได้ว่าแอบดูมารดากับบิดาเลี้ยงร่วมรักกัน คืนนั้นนอกจากบิดาเลี้ยงจะสอนให้รู้จักรสชาติยามที่กลีบกุหลาบถูกดูดกลืนจนหล่อนได้เอื้อมแตะขอบสวรรค์เป็นครั้งแรก เขายังสอนให้รู้จักวิธีการทำให้ผู้ชายมีความสุขด้วยปากของหล่อนอีกด้วย
คราวนั้นหล่อนขยะแขยงเหลือเกินยามที่ท่อนลำยักษ์ขยับเข้าออกปากราวกับเครื่องจักร แถมสุดท้ายมันยังพ่นพิษจนแทบสำลัก แต่กลับต้องถูกบังคับให้กลืนกินน้ำขุ่นข้นนั้นทุกหยาดหยด มิให้เหลือ
วันนี้...หล่อนทำมันด้วยความเต็มใจ และเฝ้ารอเวลาที่จะได้ดูดกลืนน้ำรักที่พ่นออกมาจากปลายมน
“อา...เอสแตลล์ ข้า...ทน ข้าทน...ไม่ไหว...แล้ว” ฟรองซัวร์บอกด้วยเสียงกระเส่า เขาเสียวสะท้านจนไม่อาจจะทานทนต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว
ศีรษะที่โยกขยับอยู่ตรงกลางกายเขายิ่งเร่งจังหวะทั้งเพิ่มแรงดูดเสียจนชายหนุ่มครวญครางไม่เป็นภาษา เขาหลับตาเห็นดาวพร่างพรายระยิบระยับ เมื่อความรู้สึกทั้งมวลมารวมกันอยู่ที่จุดเดียว ก่อนที่ทุกอย่างจะระเบิดออกเมื่อความอดทนมาถึงจุดสิ้นสุด ฟรองซัวร์ไม่เคยเสียวสะท้านเท่านี้...เขาเคยแต่ใช้มือตนเองเหนี่ยวนำไปสู่ปลายทาง แต่ไม่เคยลิ้มรสสวรรค์จากริมฝีปากผู้หญิงมาก่อน
เอสแตลล์ยังคงดูดกลืนน้ำรักขุ่นข้นที่ทะลักจากปลายท่อนลำไม่จบสิ้น รสของมันคาวหน่อยๆ แต่กลับทำให้เรือนร่างของหล่อนลุกเป็นไฟด้วยความปรารถนาที่มากล้น
กุหลาบงามแฉะชื้น...รอเวลาให้คนมาฉกชิมน้ำหวาน
แต่หล่อนไม่รอ...เอสแตลล์เงยหน้าจากท่อนลำที่บัดนี้หมดฤทธิ์นอนสงบราบคาบน่าเอ็นดู หล่อนขยับลุกและขึ้นทาบทับเหนือร่างที่ยังนอนแผ่หมดแรงทันที จรดริมฝีปากที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวของน้ำรักลงบนริมฝีปากฟรองซัวร์ แล้วสอดลิ้นควานรอบโพรงปากเขา
ความร้อนแรงของเอสแตลล์ปลุกอารมณ์ของฟรองซัวร์ขึ้นมาอีก กลิ่นและรสที่ได้จากปากหล่อนทำให้เขารู้สึกประหลาด มันกระตุ้นให้สิ่งที่เพิ่งหลับใหลหมดฤทธิ์พองตัวขึ้นอีกครั้ง ยิ่งเมื่อหญิงสาวบดเบียดกลีบกุหลาบกับท่อนลำของเขา มันก็ยิ่งขยับขยายเร็วขึ้นอีกหลายเท่า
