บท
ตั้งค่า

4.เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย

เตียวหยวนหยวนนึกแล้วจึงอมยิ้มชอบใจ ผู้ชายของนาง หรือว่าที่เจ้าบ่าว เลียม หยางตง เป็นคนหล่อเหลา เสียดายอยู่นิดเดียวที่เขาหวงเนื้อหวงตัวไปหน่อย มิเช่นนั้นนางคงนอนหลับฝันดีทุกคน หากได้ล่วงเกินเขาด้วยสายตา และสองมือ!

“โถ คุณหนู ท่านคงไม่ยังหายป่วย คนทั้งกองทัพล้วนมาพึ่งใบบุญใต้เท้าเตียวและก็เมืองของเราอย่างไรล่ะเจ้าคะ หลังจากพวกเขาแพ้สงครามให้เผ่าคนเถือนที่ร่วมมือกับแคว้นอื่น ฮองเต้กัวผิงมีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายกองทัพมาที่เมืองซีเฉิง จุดหมายคือหมู่บ้านหลัวโปอันอุดมสมบูรณ์ที่สุดให้แคว้นสือ

นอกจากนั้น พวกเขามีหน้าที่เฝ้าพืชผักสวนครัวและสัตว์เลี้ยง พร้อมสร้างแนวกำแพงใหม่ป้องกันการโจมตีของศัตรูที่หมายตายึดหมู่บ้านของเรา”

“อืม ฟังแล้วก็เข้าท่า ผู้ชายตัวโตแข็งแรง แถมถูกฝึกมาอย่างดี และพวกเขารับหน้าที่ปกป้องสตรีบอบบางเช่นข้า”

หมีหลิงอึ้งจัด ฟังคำพูดของเตียวหยวนหยวนแล้ว ก็เหมือนได้ยินสตรีในตรอกโคมเขียวพูดเล่นหัวกัน!

“โอ๊ะ จะดีอย่างไรเจ้าคะคุณหนู!”

“อืม มีทหารมาอยู่ในหมู่บ้าน ย่อมเท่ากับการช่วยรักษาความปลอดภัย”

หมี่หลิงส่ายหน้า เตียวหยวนหยวนช่างเสียชาติเกิดที่ได้เป็นคุณหนู ความคิดความอ่านนางห่างไกลจากบุตรคนอื่นของใต้เท้าเตียวนัก

“คุณหนูลืมแล้วหรือไรว่ากองทัพเดินด้วยท้อง”

“ข้าทราบ คนก็ต้องกิน ต้องถ่ายหนักถ่ายเบา”

หมี่หลิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆ ก่อนกล่าวต่อ

“แต่ท้องของพวกเขา ฝากไว้กับหมู่บ้านเราเจ้าค่ะ”

“หา เจ้าพูดเป็นเล่น!”

“นี่คือเรื่องจริง มิเช่นนั้น บ่าวจะร้อนใจรีบปลุกให้คุณหนูหยวน ลุกขึ้นมาสะสางงานหรือ”

เตียวหยวนหยวนนึกถึงสิ่งที่รับรู้ ในเรื่องราวที่เคยอ่านผ่านตา ชีวิตของนางเป็นหญิงงามแสนอาภัพ ต้องดูแลคนในครอบครัว มีการชิงรักหักสวาทกับเตียวเยว่ซือส่วนเรื่องการดูแลเหล่าทหารอะไรเทือกนั้น ผู้เขียนไม่ได้ลงรายละเอียดอันใด เขียนไว้หยาบๆ แบบนิยายแนวเรืองอุ่นเตียงจัดหนัก ว่ามันเป็นนิยายรักที่อยู่ท่ามกลางไฟสงคราม จบอย่างสุขนิยม เพียงแต่นางร้ายของเรื่องได้รับผิดกรรมที่ก่อไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามันร้ายแรงเข้าขั้นแย่ ทว่าเมื่อนางผู้มาจากโลกปัจจุบันฟื้นขึ้นมาในร่างของตัวละครเตียวหยวนหยวน นางก็จะพลิกบทบาทครั้งสำคัญ นอกจากไม่ตายอย่างอนาถ นางยังจะถล่มศัตรูของนางให้ราบคาบเสียด้วย

“ละแล้ว พวกเขามีทั้งหมดกี่คน”

“เท่าที่ข้ารู้ ทัพหน้าราวๆ สามหมื่นชีวิต”

“บัดซบ! แค่คนในสกุลเตียว ข้าก็เหนื่อยยากต้องรับมือ นี่มาตั้งสามหมื่นคนข้าจะมีปัญญาต่อกรอย่างไร”

หมี่หลิงพยักหน้าเข้าใจ และเอ่ยต่อ “แต่กองทัพทั้งหมด ที่จะเดินทางมาหมู่บ้านเรา คือสิบหมื่นชีวิตนะเจ้าคะ และคุณหนูยังจำสัญญาที่ลงนามไว้ก่อนที่ใต้เท้าเตียวจะลงเรือไปเมืองเจียงซานได้หรือไม่ คุณหนูจะดูแลพืชผักของสกุลเตียว และส่งไปให้กองทัพผู้มาเยือนอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งไข่เป็ดไข่ไก่ ข้าวสาร เนื้อสัตว์ ด้วยเจ้าค่ะ”

“พูดเป็นเล่น ข้าจะไปมีปัญญาทำเช่นนั้นได้หรือ”

“นั่นสิเจ้าคะ วันนั้นบ่าวได้ยินแล้วแทบจะล้มทั้งยืน ถึงต้องการเอาชนะฮูหยินรองมากเพียงใดก็ไม่ควรทำอย่างนั้น จริงอยู่คุณหนูมีท่านชายคอยเป็นที่ปรึกษา รวมถึงพวกคนงานที่มาจกสกุลตู้ แต่...เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย เมื่อก่อนหน้านี้คุณหนูเอาแต่...คอยส่องกระจก และพูดถึงเรื่องงิ้ว กับการไปเที่ยวเตร่ที่ตลาดในเมือง อ่อรวมถึงคอย...เลือกชุดสวยๆ แต่งให้ท่านดู!”

ได้ฟังหมี่หลิงร่ายยาวแล้วเตียวหยวนหยวนก็อยากเอาเท้าขึ้นก่ายหน้าผากตัวเอง และเป็นยามนั้นที่นางเห็นภาพ ในวันที่ตนโผล่เข้ามาในร่างนี้ก่อนจะล้มป่วยเป็นหนที่สอง ซึ่งนางหาญกล้าเล่นนอกบท หวังจะทำให้นางร้ายผู้นี้ ยึดอำนาจการดูแลหลังบ้านมาเป็นของตน ทว่าช่างเป็นเรื่องน่าหัวเราะ เพียงแค่นางออกปากจะดูแลสวนผัก และโรงเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นสินเดิมของมารดา กลับไม่มีใครขัดขวาง ดังนั้นก่อนที่นางจะนอนหลับยาว ภาระอันใหญ่หลวงในการดูพืชผัก และสัตว์เลี้ยงจึงตกเป็นของนางโดยปริยาย

หญิงสาวบีบขมับที่ปวดตุบๆ ของตน ก่อนเอ่ยเสียงแหบแห้ง “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้สัญญาฉบับนั้นอยู่ที่ใด ข้าจะได้รีบนำมันไปเผาทิ้งเสีย”

สาวใช้ฉงนกับสิ่งที่เตียวหยวนหยวนถาม แต่นางไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใด ตอนนั้นมีทหารสองคนวิ่งมาตรงมายังรถลากของพวกนาง หนึ่งในสองเอ่ยถามว่า

“พี่สาวทราบหรือไม่ เรือนของใต้เท้าเตียวไปทางใด”

หมี่หลิงมัวแต่ขัดเขินจัด จนไม่อาจตอบคำถามใด เตียวหยวนหยวนจึงเอ่ยแทน

“ทหารทั้งสองท่านมีสิ่งใดที่เรือนข้าอย่างนั้นหรือ”

ปี้โหลวมองสตรีใบหน้าขาวนวลเนียนดุจไข่ต้มปลอกเปลือก ก่อนประสานมือคำนับอย่างให้เกียรติ เขาพอจะเดาออกว่าหญิงสาวสวมชุดเหลืองสดใส ย่อมเป็นคุณหนูจากสกุลใหญ่

“โอ้ ขออภัยที่เสียมารยาท ข้าเพียงแต่ต้องรีบไปส่งหนังสือขององค์ชายสี่ เพื่อรายงานเรื่องต่างๆ ให้ใต้เท้าเตียวทราบ”

“บิดาข้าไม่อยู่ ไปราชการต่างเมือง”

“เอ่อ...เป็นเพราะพวกเราเดินทางเร่งด่วนจึงถึงก่อนกำหนด อย่างไรข้าต้องส่งจดหมายไปที่เรือนของใต้เท้าเตียว เพื่อแจ้งสิ่งต่างๆ” ปี้โหล่วอธิบาย ท่าทางเขายังไม่หายเหนื่อยจากการเดินทางทั้งวันทั้งคืน

“เช่นนั้น เจ้าก็เดินทางตามถนนสายนี้ราวๆ ครึ่งลี้ จะพบกับร้านขายสมุนไพร จากนั้นเรือนอันใหญ่โตของข้าก็หาไม่ยาก”

“ขอบคุณคุณหนู เช่นนี้ข้าไม่รบกวนแล้ว”

ปี้โหลวเอ่ยจบจึงค้อมตัว และขึ้นม้าตัวโตจากไป

“โอ้ คุณหนู ดูเอาเถิด แค่ผู้ติดตามขององค์ชายสี่ ยังรูปงามเพียงนี้ แล้วหากเป็นตัวเขาเล่า จะทำให้ใจข้าสั่นไหวเพียงใด”

“ฮึ หมี่หลิง ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ บุรุษผู้นั้นถึงจะหล่อเหลาเพียงใดก็ต้องสยบอยู่แทบเท้าข้า และไม่เพียงสยบเท่านั้น เขายังมีวาสนาดี ได้เป็นบิดาของบุตรในท้องข้าด้วย!”

เตียวหยวนหยวนเอ่ยอย่างไม่ทันระวังปาก ด้วยเรื่องราวที่นางรู้ มันผุดขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว

“คุณหนู กะ กล่าวอันใด บ่าวกลัวจนจะถ่ายเบาเรี่ยราดแล้ว!”

3

ท่อนแขนกำยำกับหน้าท้องแกร่ง

เตียวหยวนหยวนรีบดึงสติตนกลับ นางย่อมฉลาดกว่าหมี่หลิงเพราะมาจากโลกปัจจุบัน เป็นหญิงสาวที่นับว่ามหัศจรรย์คนหนึ่งในหมู่กลุ่มเพื่อนๆ ดังนั้นจึงบอกกับอีกฝ่ายว่า “อ่อ... ข้าแค่ท่องบทละครที่เคยอ่าน หาใช่พูดความจริง”

“บทละคร! คุณหนูสามหมายถึงงิ้วในโรงละครฝูไฉ อย่างนั้นหรือ”

“ใช่ เจ้าไม่รู้รึ หญิงงามมักได้บุรุษที่องอาจ มากด้วยบารมีเป็นสามี”

“แต่บุรุษที่ทั้งองอาจ มากบารมีที่คุณหนูเอ่ยถึงคือองค์ชายสี่นะเจ้าคะ”

เตียวหยวนหยวนไม่ตอบ นางได้แต่พยายามนึก นึกว่าบุรุษแซ่กัว นามว่าเจิ้งอี้ เขามีคุณสมบัติใดที่นางควรปีนขึ้นเตียง คิดแล้วใจก็คอไม่อยู่กับเนื้อตัว ทั้งที่ไม่ชอบอ่านนิยายสักเท่าไหร่ แต่งานเขียนของแม่ว่าที่สามีกลับหลอกหลอนนาง กระทั่งทำให้ทะลุมิติมาอยู่ในโลกที่คล้ายจีนโบราณนี้ หลังจากถูกใครบางคนผลักตกระเบียง

และก่อนที่จะไปดูสวนผักกับแม่หมูสาวที่กำลังจะคลอดลูก เตียวหยวนหยวนต้องร้อนรุ่มไปทั้งร่าง ด้วยเบื้องหน้านางมีลำธารกว้าง บรรยากาศร่มรื่น คราแรกนางไม่คิดจะสนใจสิ่งใด ทว่าเป็นเพราะเสียงร้องเพลงที่ดังทุ้มกังวาน ส่งให้นางต้องทอดสายตาลงไปมองร่างของชายหนุ่มหลายชีวิตที่กำลังตักน้ำ มีบางคนกำลังล้างเนื้อล้างตัว!

อากาศยามนี้เย็นอยู่สักหน่อย แต่มันไม่เป็นอุปสรรคต่อบุรุษร่างกำยำที่เปลือยท่อนบน และท่อนล่างคือกางเกงผ้าบางๆ ซึ่งเปียกน้ำ

“โอ้... ตายแล้วคุณหนู ไม่ได้นะเจ้าคะ สตรียังไม่ออกเรือนทำกิริยาไม่งามเช่นนั้น เป็นการไม่บังควรเจ้าค่ะ”

หมี่หลิงบอกเตียวหยวนหยวน แต่นางกลับสอดส่ายสายตามองทหารหนุ่มที่อยู่บริเวณลำธาร ยามนั้นทั้งคุณหนู ทั้งหญิงรับใช้ ต่างพากันลำคอแห้งผาก ส่วนที่อยู่ในเนื้อผ้าก็ร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้

และการเป็นสตรีที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ หากไม่ค่อยได้มีเวลาใช้ดรรชีร้อยเล่ห์ ทำให้นางต้องเป็นเช่นนี้!

“รถลากคันนี้ จะไปให้เร็วขึ้นไม่ได้หรือ!”

เตียวหยวนหยวนออกำคำสั่ง เป็นเพราะนางกลัวเหลือเกินว่าตนจะเผลอไผลต่อร่างกายของทหารหุ่นกำยำ

อึดใจต่อมาก็เกิดความโกลาหล เมื่อวัวทั้งสองตัวตกใจเสียงเห่าของสุนัขป่าที่มากับทหารเหล่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel