3.เขาเป็นบิดาของบุตรในท้องข้า
เตียวหยวนหยวนขยับตัวและลุกขึ้นยืน แต่เป็นตอนนั้น ที่นางคิดถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นในโลกจีนโบราณ
ซึ่งมันไม่ใช่ความฝัน นางจำได้อย่างแน่ชัดว่า ตนยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอกห้องพัก ด้านล่างมีสระว่ายน้ำ ยามนั้นนางแต่งชุดพลิ้วบางแนบเนื้อ ด้วยเป็นคืนที่ตั้งใจขอให้เลียม แฟนหนุ่มมาง้อ ทว่าคนขณะที่นางจัดท่าทางสวยๆ พร้อมบีบน้ำตาอยู่นั้น ใครบางคนที่โผล่มาจากด้านหลังได้ผลักนางอย่างแรง แรงมากจนร่างบอบบางผลัดตกจากระเบียง ล่วงลงสู่สระว่ายน้ำ
ยามนั้น สิ่งเดียวที่เตียวหยวนหยวนคิดคือ นางไม่อยากตาย และความเย็นโอบคลุมไปทั่วร่าง เมื่อนางลืมตาตื่น จึงพบว่าถูกหมอตำแยที่มีใบหน้าเหี่ยวย่น พยายามป้อนน้ำแกงขมปี๋ให้ดื่ม
นั่นคือภาพแรกที่นางลืมตาตื่นในโลกจีนโบราณ และนางเชื่อเหลือเกินว่าตนไม่ได้ฝันไป
การตื่นครั้งนั้น ทำให้นางรีบทบทวนหลายสิ่ง ก่อนจะได้ยินใครบางคนเรียกชื่อนาง
“กินสิเจ้าคะคุณหนูหยวน มิเช่นนั้นจะต้องถูกต้มในน้ำเดือดๆ เพื่อขับไล่วิญญาณร้ายนะเจ้าคะ”
หมอตำแยบอกเตียวหยวนหยวน พลางมองไปยังนักพรตของหมู่บ้าน ซึ่งเขายืนยันว่าวิธีรักษานางได้คือการขับไล่วิญญาณชั่วร้าย แน่นอนอีกฝ่ายได้รับคำสั่งชั่วมาจากไป๋สิงฝู และนี้ก็เป็นสาเหตุให้นางต้องมาอยู่เรือนนอกของสกุลเตียวเป็นการชั่วคราว
“คุณหนูกินยาของข้าเถิด ไม่เช่นนั้น จะต้องถูกต้มในกะทะใบใหญ่นะเจ้าคะ” เมื่ออีกฝ่ายเตือนเตียวหยวนหยวนอีกหน นางจึงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนกลั้นใจกลืนน้ำแกงถ้วยนั้นอย่างเสียไม่ได้
และหลังจากโผล่เข้าได้มาอยู่ในโลกนิยายจีน เตียวหยวนหยวนก็เข้าใจแล้วว่านางจะต้องใช้ชีวิตอย่างที่ตนต้องการด้วยการพลิกบทนางร้ายของเรื่องให้คนทั้งใต้หล้าต้องจดจำ
หมี่หลิงมองคนเป็นนายของตน มองแล้วจึงเอ่ยถาม
“คุณหนูหายจริงๆ แล้วใช่ไหมเจ้าคะ บ่าวไม่อยากเห็นใครถูกต้มในกระทะ แบบนั้นคงไม่ต่างจากจับเป็ด จับไก่ถอนขน!”
“ถ้ายังไม่หยุดพูดถึงเรื่องนั้นอีก ข้านี่แหละจะจับเจ้ามัด และโยนลงใส่กองไฟร้อนๆ ด้วยมือข้าเอง” เอ่ยจบเตียวหยวนหยวนพลันเซแซดๆ เสียหลัก
“โอ้ ผะ แผ่นดินไหว!”นางร้องและหาที่หลบภัยทันที
หัวใจเตียวหยวนหยวนหล่นหายไปไหนก็ไม่รู้ ให้ตายเถิด เหตุใดชีวิตในโลกโบราณ ถึงได้มีเรื่องราวชวนให้น่าหวาดกลัวเหลือเกิน
หมี่หลิงก็ตกใจและขวัญหายพอกัน ทว่านางกลับตั้งสติได้เร็วกว่า เมื่อชะเง้อชะแง้ มองออกไปด้านนอก จึงได้ยินเสียงคนงานเคาะไม้ และร้องบอกต่อๆ กันดังไม่ขาดสาย
“มาแล้ว ผู้มาเยือนมาแล้ว!”
“นรกช่างกลั่นแกล้งนางได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ด้วยนางยังไม่ทันได้ตั้งหลัก พระเอกของเรื่องผู้มีนามว่า กัวเจิ้งอี้ ก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านหลัวโปเสียแล้ว!!”
ต้าหยวนยกมือลูบหน้าอกตนเองป้อยๆ เพื่อลดความตื่นตกใจ พอนึกถึงคำพูดที่ตะโกนอยู่ข้างนอกเรือน นางก็มีลางสังหรณ์ในแง่ร้าย
“คุณหนู ต้องออกจากเรือนไปทำงานเดี๋ยวนี้! ท่านผู้นั้นมาถึงแล้ว!”
หมี่หลิงเร่งต้าหยวนอย่างลืมตัวทั้งที่นางเป็นสาวใช้ แต่หลายครั้งหลายหนไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกถึงการกระตุ้นเตือนบางอย่างแปลกๆ เลยต้องเคี่ยวเข็ญปลุกสตรีขี้เซาให้ลุกจากเตียง ทั้งที่ความจริง หากเป็นคุณหนูห้าและฮูหยินรอง หมี่หลิงแทบไม่กล้าเอ่ยคำใด ฝ่ายนั้นมักอ้างกฎต่างๆ และข่มขู่อยู่เสมอว่า จะเรียกคนค้าทาสแล้วขายหมี่หลิงออกไปเสีย
“ให้ข้านอนอีกสักงีบไม่ได้หรือ” เตียวหยวนหยวนเอ่ย และไม่วายอ้าปากหาวนอน
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ภาระในสวนผัก และโรงเรือนมากมาย อย่างไรต้องทำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว มิเช่นนั้นฮูหยินรองคงหาเรื่องจับผิดคุณหนูอีก”
หมี่หลิงกล่าวเช่นนั้น หากงานไม่เรียบร้อย คนแรกที่จะถูกลงโทษคือนาง
“ข้ารู้แล้ว ส่วนเจ้าไปบอกคนงานเตรียมรถม้าให้ข้าที”
“รถม้า!”
หมี่หลิงทำตาโตด้วยความพยายามอย่างหนัก เพราะดวงตานางเรียวเล็ก นัยน์ตาดำมองเผินๆ คล้ายเมล็ดถั่ว!
“ใช่ จะให้ข้าเดินรึ”
“หามิได้ เรือนนอกนี้ไม่มีรถม้า และที่คุณหนู ใช้ได้เพียงก็คือ รถวัวลาก หรือลาเท่านั้นเจ้าค่ะ!”
ต้าหยวนกำหมัดแน่นในตอนนั้น พลางคิดถึงเจ้าของนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาในทันที เหตุใดถึงต้องให้นางต้องมาลำบาก นั่งรถลากที่ใช้วัว หรือขี่ลาด้วยเล่า!
ต้าหยวนนั่งรถลากที่มีวัวสองตัวเดินไปตามถนนที่มุ่งตรงไปยังสวนผัก อีกทั้งมีพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ทั้งหมู เป็ดไล่ทุ่ง ไก่ไข่ บ่อกบ นอกจากนั้นยังมีโรงเลี้ยงไหม ทอผ้า และแมลงสวยงาม รวมถึงอีกหลายสิ่ง ทั้งหมดเป็นทรัพย์ฝ่ายเจ้าสาวของมารดาเตียวหยวนหยวน ทว่าน่าเสียดายที่ฝ่ายนั้นสิ้นอายุไขก่อนวัยอันควร นอกจากมีบุตรยากจนอายุล่วงเข้าเกือบสามสิบสามปี พอคลอดเตียวหยวนหยวนสุขภาพก็แย่ลง ตู้เจวียน ลูกสาวของเจ้าบ้านตู้ผู้มีทรัพย์สินมากมายถึงแก่กรรมในขณะที่เตียวหยวนหยวนอายุเก้าขวบ
และไม่เพียงมารดาด่วนจากไป ตระกูลตู้ยังถูกโจรเข้ามาปล้นครั้งใหญ่จนแทบจะกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน ซึ่งนับแต่นั้นชีวิตของเตียวหยวนหยวนก็เหมือนดาวตก มันตกลงโคลนตมจนผู้คนไม่อยากเฉียดใกล้ นอกจากกลัวจะแปดเปื้อน ยังไม่อยากให้ความอัปมงคลของนางเป็นเสนียดติดตัว
แม้ตระกูลตู้เกือบสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ทรัพย์สินเดิมจากบ้านเจ้าสาวซึ่งมาจากสกุลไช่ กลับเพิ่มพูนขึ้นเมื่อตกอยู่ในมืออดีตราชครู ที่ตอนนี้เป็นขุนนางระดับสี่ มีตำแหน่งพิเศษด้วยความชำนาญการเรื่องปลูกผักและการเลี้ยงสัตว์ และนั่นทำให้เขาเป็นเตียวเหิงกลายผู้กว้างขวางในแคว้นซีเฉิง
หมี่หลิงมองผู้เป็นนายของตน มองและได้แต่ถอนหายใจ นางไม่อยากรับใช้เตียวหยวนหยวน ทว่าชะตากำหนดไว้เช่นนี้ และโชคยังเข้าข้างนางอยู่บ้าง หลังจากเตียวหยวนหยวนสิ้นสติเมื่อทราบว่าหญิงรับใช้ของนางตายที่แปลงผัก คุณหนูสามก็กลายเป็นหญิงที่นอกจากโง่เขลา ยังพูดจาผิดๆ ถูกๆ เมื่อประเมินอย่างถ้วนถี่ จึงเชื่อได้ว่านางคงเป็นสตรีที่ลูกชายบ้านไหนคงไม่อยากแต่งเข้าสกุล ชาตินี้คงได้อยู่รับใช้พี่น้อง และคนในเรือนไปจนตายอย่างแน่นอน
“เจ้าไม่อยากรับใช้ข้ารึ หมี่หลิง”
เมื่อถูกถามอย่างไม่อ้อมค้อม สาวใช้พลันหน้าซีดเผือด
“หะ หามิได้ เพียงแต่บ่าวยังใหม่ในการปรนนิบัติคุณหนู ขอโอกาสด้วยเจ้าค่ะ”
เตียวหยวนหยวนมองหมี่หลิง นางหรี่ตาลงเล็กน้อยตอนนั้นจอภาพเบื้องหน้าก็ปรากฏ
และนางหาได้ตื่นเต้นอันใด เรื่องนี้คือสิ่งที่สวรรค์ประทานพรให้นางมีความสามารถเรียนรู้ผู้คนจากโลกโบราณ
เพศหญิง นาม หมี่หลิง
อายุ 28 ปี
นิสัย พูดมาก ชอบนินทา ขี้ขลาดเป็นทุน แต่จงรักภักดี
ข้อเสีย ภายในภาคหน้านางอาจเป็นนกสองหัว
ความสำคัญในเรื่อง ตัวประกอบระดับ 4
เตียวหยวนหยวนหลับตาลงเพื่อปิดจอภาพตัวละครดังกล่าว และเอ่ยว่า“ไม่เลว เจ้ายังรู้จักเจียมตน หากรับใช้ดี ข้าจะส่งเสริมหาบุรุษสักคนให้เจ้า แก่ตัวไปจะได้มีลูกหลานดูแล”
หมี่หลิงพูดไม่ออก นางอึ้งจัดจนมือเท้าเย็นเฉียบและอดดีใจไม่ได้ เมื่อเตียวหยวนหยวนเอ่ยถึงการออกเรือนของนาง กระทั่งรถลากเคลื่อนผ่านไปอีกหน่อย จึงเห็นกลุ่มทหารที่ก่อนหน้านี้เสมือนเกิดแผ่นดินไหว จากการเคลื่อนทัพของพวกเขามายังหมู่บ้านหลัวโป
“นั่นคือทหารที่เดินทางมาเมืองซีเฉิงงั้นรึ”
“ใช่แล้วคุณหนู ดูเหมือนจะเป็นชายฉกรรจ์ทั้งสิ้น”
“เอิกเกริกอะไรปานนั้น พวกเขากินอยู่เช่นไร ผู้ชายตัวโตๆ กล้ามเป็นหมัดๆ”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เตียวหยวนหยวนจึงหัวเราะคิก นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพชายหนุ่มเนื้อตัวแน่น ภาพพวกนี้นางเห็นจากโลกปัจจุบันจนชินตา ทว่าเห็นเพียงผ่านจอมือถือ หากได้เห็นในระยะประชิด และสัมผัสด้วยมือคงวิเศษยิ่งนัก