บทที่ 1 จุดเริ่มต้น (2/2)
คาร์ลินตอบกลับในแบบที่ฟังแล้วจุกอก เขาเจอกับคาร์ลินตอนไปเรียนต่อที่เยอรมัน และเป็นเพื่อนคนเดียวที่เขามี คาร์ลินเป็นลูกกำพร้าไม่มีพ่อและแม่ ตอนที่กลับมาไทยเขาจึงชวนคาร์ลินกลับมาด้วยกันและใช้เงินที่มีรวมหุ้นกันสร้างลายพยัคฆ์ ไนต์คลับขึ้นมา
“เออ” ลายพยัคฆ์แต่ตอบห้วน ๆ
“พยัคฆ์ได้ข่าวว่าพ่อมึงรวยมากไม่ใช่เหรอ มึงไม่ลองขอให้เขาลงทุนให้ว่ะ” หลังจากที่เงียบไปครั้งใหญ่คาร์ลินก็เสนอความคิดขึ้นมา
“พ่อกูไม่สนับสนุน”
“มึงลองอีกครั้งไม่ดีเหรอ เผื่อพ่อมึงจะใจอ่อน”
“เออ กูขอคิดก่อน มึงจะไปไหนก็ไปเถอะ” มาเฟียหนุ่มโบกมือไล่เมื่อเพื่อรักหมดประโยชน์
“หมดประโยชน์ก็ไล่กูเลยนะมึง” คาร์ลินบ่นอุบอิบเบ้ริมฝีปากมองลายพยัคฆ์ด้วยความหมั่นไส้
“หน้าที่มึงคือหาผู้หญิงสวย ๆ แจ่ม ๆ มาประดับไนท์คลับเท่านั้น นั่นคือหน้าที่มึง” มาเฟียหนุ่มยังคงโบกมือไล่เพื่อนไม่เลิกรา
“สวย ๆ กูจะเก็บไว้เอง ไอ้พยัคฆ์ ฮ่า”
“อ่าว ไอ้เวรนี่”
“กุไปล่ะ” คาร์ลินเดินออกไปหลังจากที่โดนลายพยัคฆ์ยกเท้าขึ้นถีบอย่างแรง
หลังจากที่คาร์ลินกลับไป ลายพยัคฆ์ได้แต่ครุ่นคิดจนรู้สึกปวดศีรษะ บุหรี่ถูกจุดมวนแล้วมวนเล่าจนแทบจะพาไทเกอร์สำลักควันจนขาดอากาศหายใจ ดูท่าแล้วเขาคงต้องแบกหน้ากลับบ้านเข้าแล้วจริง ๆ
ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาเรียบหรู พร้อมทั้งเอียงลำคอไปมาเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจนเสียงดังกร๊อบ ก่อนจะเอ่ยบอกไทเกอร์ที่รอรับคำสั่งมานานหลายชั่วโมง
“ไปคฤหาสน์ เดชะเกษตริน”
“ครับ ลูกพี่”
เมื่อได้รับคำสั่งไทเกอร์ก็รีบทำตามคำบอกของมาเฟียหนุ่มทันทีรถ Mercedes-AMG G63 สีดำสนิทที่ดูดุดันไม่ต่างจากผู้ครอบครอง
เทียบท่าหน้าไนท์คลับเพื่อรอรับเจ้านายแบบรวดเร็วทันใจ
ลายพยัคฆ์นั่งอยู่บนรถด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย มีเพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเท่านั้นที่ดูจะกังวลไม่น้อย เขาเองไม่ค่อยจะลงรอยกับผู้เป็นพ่อสักเท่าไหร่ หลังจากที่แม่จากไปเขาก็แทบจะไม่ได้กลับมาเหยียบคฤหาสน์ เดชะเกษตรินของตระกูลอีกเลย
คฤหาสน์ เดชะเกษตริน ไทเกอร์เลี้ยวรถเข้ามาในพื้นที่กว้างขวางที่ตั้งของตระกูลเดชะเกษตริน ไม่นานรถหรูของเขาก็ถูกนำมาจอดบริเวณด้านหน้าของคฤหาสน์ ลายพยัคฆ์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพาร่างสูงของตัวเองเข้าไปด้านในด้วยใจหวั่น
“คุณหนู...มาหานายท่านหรือคะ” แม่บ้านวัยชราเดินออกมาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มเช่นเคย
“ครับ ป้าลมัย”
เขายกมือขึ้นไหว้ป้าลมัยด้วยความนอบน้อม ด้วยความที่ป้าลมัยเป็นคนสนิทกับแม่ของเขา หลังจากนั้นเขาก็เดินมายังห้องโถงกว้างของคฤหาสน์ก็พบเข้ากับร่างท้วมของบิดาที่กำลังนั่งจิบชาอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยท่าทางที่สบายใจ
“ลมอะไรหอบแกมาถึงที่นี่ได้ล่ะ ลายพยัคฆ์”
นี่คือคำแรกหลังจากที่ณรงค์เดช เดชะเกษตรินเอ่ยขึ้นหลังจากที่ไม่เคยได้พบหน้าลูกชายหลังจากที่ภรรยาหรือแม่ของลายพยัคฆ์เสียไป
“พ่อ ผมจะไม่อ้อมค้อม ที่มาวันนี้เพียงเพราะอยากให้พ่อช่วยสนับสนุนธุรกิจของผมก็เท่านั้น” ลายพยัคฆ์เอ่ยออกไปอย่างไม่รีรอ เขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่นานเกินไป
“ไอ้ธุรกิจไนท์คลับสีเทาของแกน่ะเหรอ พยัคฆ์ กลับมาช่วยพ่อสานต่อธุรกิจของตระกูลไม่ดีกว่าหรือไง เป็นมาเฟียมันดีตรงไหนกัน”
เป็นแบบที่เขาคิดเอาไว้ ว่าคนหัวแข็งอย่างณรงค์เดช ไม่มีทางยอมช่วยเหลือเขาในธุรกิจมืดเป็นเด็ดขาด
“ผมเดาไว้ไม่มีผิด ว่าพ่อต้องไม่ยอม ผมขอตัว” ลายพยัคฆ์หมุนตัวกลับในทันทีเมื่อได้คำตอบ
“พยัคฆ์ นั่งลง!” เสียงเข้มของบิดาดังขึ้นหยุดเท้าของพยัคฆ์ให้ชะงักอยู่กับที่ เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างว่าง่ายเมื่อเห็นว่าวันนี้บิดามีท่าทีที่จริงจังกว่าทุกที
“แม่แกทิ้งมรดกพันล้านไว้ให้ แต่มีข้อแม้” ณรงค์เดชเอ่ยขึ้นเมื่อคิดว่านี่คงถึงเวลาที่จะสานต่อปนิธานเพียงหนึ่งเดียวของภรรยาแก่บุตรชาย
“ข้อแม้อะไร...” ลายพยัคฆ์ยังคงเป็นตัวเองด้วยการถามกลับห้วน ๆ ดังเช่นเคย
“แกต้องแต่งงาน เอาไปดู” ซองเอกสารประทับตราสำนักทนายความถูกส่งให้กับลายพยัคฆ์ที่กำลังเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“แต่งงาน!”