บทที่ 3 ห้ามแตะต้องตัวข้า
ชายหนุ่มหรี่ตามองท่าทางท้าทายราวกับลูกแมวตัวน้อยกำลังพองขนต่อหน้าพยัคฆ์ร้ายของอีกฝ่าย ใบหน้าที่มักเคร่งขรึมเย็นชามาบัดนี้แต้มสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์สุรา ยามเมื่อยกมุมปากยิ้มระอาจึงทำให้มองดูคล้ายคุณชายเสเพลอยู่บ้าง ทว่ากลับเพิ่มเสน่ห์ให้คนมองไม่อาจถอนสายตาได้
“สามปี...” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเจืออารมณ์ไม่อินังขังขอบ “ไม่คิดว่านานไปหน่อยหรือ” เขาวางหนังสือหย่าไว้บนโต๊ะกลมแล้วโน้มใบหน้าลงมาหาด้วยท่าทางหยาบช้า กรุ่นกลิ่นสุราผสานความหอมหวานของดอกท้อจากกายนางก่อให้เกิดบรรยากาศคลุมเครือชนิดหนึ่งขึ้นมา พาให้จิตใจผู้คนล่องลอยไปไกล
จ้าวรั่วถิงหลุบเปลือกตา ไม่กล้าจ้องมองอีกฝ่ายใกล้ๆ แม้ผ่านการเข้าหอมาแล้ว แต่อย่างไรนางก็ยังรู้สึกประหม่าทุกคราที่ชิดใกล้
สามปี...เขายังติว่านานอีกหรือ สำหรับนางแล้วนี่นับเป็นระยะเวลาที่แสนสั้น แต่สำหรับคนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ช่วงเวลาสามปีคงจะยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์เลยกระมัง
เสิ่นเลี่ยงหรงเห็นนางเอาแต่ก้มหน้าไม่ปริปากจึงเอ่ยต่ออย่างแช่มช้า
“เกรงว่าท่านหญิงผู้สูงศักดิ์คงไม่อาจฝืนทนปรนนิบัติสามีต้อยต่ำเช่นข้าได้นาน ท่านแน่ใจหรือว่าสามารถตื่นก่อนนอนทีหลัง ยืนปรนนิบัติยามข้ากินข้าว จัดการบ้านเรือนและบ่าวไพร่ แม้แต่เสื้อผ้าล้วนต้องตัดเย็บเอง ตัวข้ามันคนยากไร้ ครั้นจะให้จ่ายเงินจ้างหอแพรพรรณมาตัดชุดให้คงไม่ไหว ท่านหญิงคิดว่าทนทำเรื่องเหล่านี้ได้จริงหรือ” น้ำเสียงเจือแววเย้ยหยันขณะยืดตัวขึ้นถอดเกี้ยวหยกเนื้อดีโยนไปทางโต๊ะหน้าคันฉ่อง “ข้าอยากอาบน้ำ หวังว่าท่านหญิงจะจัดการได้” ชายหนุ่มเดินตรงไปยังหลังฉากกั้น “อ้อ เดิมทีเรื่องเหล่านี้ข้าล้วนทำเองมาโดยตลอดเพราะไม่ชอบให้บ่าวไพร่เข้ามายุ่มย่าม ต่อไปในฐานะภรรยา ข้าหวังว่าเสี้ยนจู่จะลงมือทำเองทั้งหมด”
จ้าวรั่วถิงได้ยินดังนั้นพลันยืนนิ่งงันเป็นไก่ไม้ หากเอ่ยอย่างสัตย์ซื่อแล้วแบบอย่างภรรยาที่เขาต้องการนั้นแสนเรียบง่าย สามารถหาได้ทั่วไปตามท้องถนน ทว่าจนใจที่เรื่องเหล่านั้นนางเคยทำเสียเมื่อไร ในจวนอ๋องนางจะตื่นเมื่อใดมีใครกล้าปริปากบ้าง อีกทั้งเสื้อผ้าข้าวของทั้งหลายล้วนมีสาวใช้คอยจัดการ
“หรือแค่นี้ทำไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะได้ลงลายมือในหนังสือหย่าฉบับนั้นเสีย”
“ท่านจงใจเล่นแง่ด้วยรู้อยู่เต็มอกว่าข้าไม่สันทัดเรื่องเหล่านั้น” นางถลึงตาจ้องกลับอีกฝ่าย
เสิ่นเลี่ยงหรงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจนใจ “มิใช่เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องพื้นฐานที่สตรีควรร่ำเรียนหรอกหรือ”
“ช้าก่อน...” จ้าวรั่วถิงยกมือขึ้นห้ามก่อนจะนวดขมับที่กำลังเต้นตุบๆ “ไยข้าต้องเล่าเรียนสิ่งเหล่านั้น ตัวข้าเกิดมามีบริวารล้อมอยู่รอบกาย ต้องการสิ่งใดไหนเลยต้องลงมือเอง ในซีเป่ยมีผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าข้าอ่อนแอถึงขนาดที่ถูกลมพัดก็ล้มได้...” เอ่ยเพียงแค่นี้พลันลอบกลืนน้ำลายเมื่อสบเข้ากับดวงตาดำสนิทเรียบนิ่งประดุจบ่อน้ำลึกสุดหยั่ง ไพล่คิดไปถึงยามที่ตนปีนขึ้นเตียงเขาอย่างอาจหาญ แล้วรีบเอ่ยต่อก่อนอีกฝ่ายจะพลันคิดได้ “ที่สำคัญ...มีใครกล้าสั่งให้ข้าปรนนิบัติรับใช้”
ชายหนุ่มยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่ง ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหา ก้มตัวลงจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับนาง ให้สายตาทั้งคู่สอดประสานแล้วเอ่ยอย่างเนิบช้า “คนชั้นต่ำอย่างข้านี่อย่างไรที่จะใช้งานท่าน หากเสี้ยนจู่ไม่เต็มใจกระทำ...” มือใหญ่เอื้อมไปคว้าหนังสือหย่ายื่นส่งให้ “ข้าจะลงลายมือให้เดี๋ยวนี้”
หญิงสาวถูกเขาขู่สำทับจึงทำได้เพียงเม้มริมฝีปาก ถลึงตา เดินกระแทกเท้าอย่างเสียกิริยาตรงไปยังประตูแล้วเอ่ยเรียกบ่าวไพร่ให้ยกน้ำร้อนเข้ามา เรื่องพวกนี้คนด้านนอกล้วนเตรียมไว้คอยท่า ใช้เวลาเพียงครู่อ่างไม้หลังฉากกั้นก็ถูกเติมเต็ม
เสิ่นเลี่ยงหรงนอนแช่น้ำในอ่างอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาที่เคยถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกกระจ่างชัด สายน้ำช่วยให้รู้สึกสร่างเมาและบรรเทาความร้อนรุ่มที่กระพือขึ้นในกายจนต้องเพียรกดข่มไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ชายหนุ่มแหงนหน้าหนุนศีรษะกับขอบอ่างพลางคิดทบทวนคำท้าพนัน นางคิดว่าขอเพียงได้นอนร่วมห้องกันก็จะอาศัยเสน่ห์ราคะมัดใจเขาได้เช่นนั้นหรือ แต่นางคงลืมคิดไปเรื่องหนึ่งว่าในระยะเวลาสามปีนี้ เขาจะได้พักอยู่ในจวนเสียกี่วันเชียว ที่ผ่านมาชีวิตส่วนใหญ่ล้วนใช้ไปกับการต่อสู้ฆ่าฟันศัตรูในทุ่งกว้าง หรือมิเช่นนั้นก็ฝึกทหารในค่าย จวนโหวกว้างใหญ่ที่ไทเฮาพระราชทานให้ก็เป็นเพียงสถานที่ที่ให้มารดาใช้พักผ่อนเท่านั้น
จ้าวรั่วถิงถลึงตามองเสื้อผ้าที่ผู้เป็นสามีถอดโยนทิ้งไว้กระจัดกระจาย แม้จะไม่มีกลิ่นเหงื่อไคลแต่นางไหนเลยจะเคยจับเสื้อผ้าสกปรกของผู้อื่น คนผู้นี้นับว่าคิดหนทางแก้หมากที่นางตั้งใจวางไว้อย่างว่องไว แต่แล้วอย่างไรเล่า ใต้หล้านี้ยังมีคำกล่าวที่ว่า รักเขาต้องรักอีกาบนหลังคาบ้านเขาด้วย13 แค่เพียงเสื้อผ้าสกปรกจะนับเป็นอะไร เทียบกับระยะเวลาหลายปีที่นางเฝ้าคะนึงหาพี่ชายที่แสนดีผู้นั้นยังไม่ได้
เบื้องหน้าเขาแสร้งทำเย็นชาใส่ แต่ในใจคงลอบยิ้มเยาะว่านางกำลังทำการค้าที่ขาดทุนอยู่
ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าสามปีนี้เขาจะได้พักที่จวนเสียเท่าไร แต่อย่างไรการยื่นข้อเสนอเช่นนี้ย่อมทำให้มีโอกาสได้ชิดใกล้มากกว่าปล่อยให้เขาทำตัวห่างเหินแยกเรือนกันนอน หากเป็นเช่นนั้นกระทั่งตายจากนางก็อาจทำได้เพียงแค่เฝ้ามองเขาไกลๆ
เสิ่นเลี่ยงหรงใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนานกว่าปกติเพื่อให้สร่างเมา อาจเพราะลึกๆ แล้วเขาอยากให้เหล่าทหารที่ติดตามมาได้สรวลเสเฮฮาหลังจากต้องเผชิญหน้ากับสงครามใหญ่มาตลอด มาวันนี้จึงถือโอกาสยอมปล่อยให้คนเหล่านั้นมอมสุรา หาใช่ความปีติยินดีในงานแต่งครั้งนี้ไม่ กระทั่งรู้สึกสดชื่นขึ้นบ้างค่อยหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางพาดไว้ขึ้นมาพันกาย เมื่อย่างเท้าออกมาจึงพบว่าในห้องเรียบร้อยเป็นระเบียบ ราวแขวนด้านข้างมีชุดของเขาพาดเตรียมไว้ให้ ในขณะที่หญิงสาวยืนรออยู่ไม่ไกล
“ข้าต้องช่วยท่านแต่งตัวหรือไม่...เจ้าคะ” จ้าวรั่วถิงแสร้งเหลือบตามองแผงอกเปลือยเปล่าตึงแน่น ริมฝีปากอมยิ้มเล็กน้อยเปี่ยมมารยาท ทว่าดวงตาวับวาวคู่นั้นกลับเสเพลราวชายหนุ่มเจ้าชู้ที่กำลังเกี้ยวพาหญิงสาวดีๆ สักคน
ทำเอาแม่ทัพใหญ่ผู้ถูกจ้องหน้าร้อนผ่าว มือหนาเอื้อมไปคว้ากางเกงมาสวมอย่างว่องไว พลันได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะคิกคักดั่งระฆังแก้ว ห้องที่เคยเงียบขรึมอึมครึมราวกับสว่างไสวขึ้นมา ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า กระแอมกระไอแล้วเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่หันกลับไปว่า
“มาช่วยข้าใส่เสื้อตัวใน”
“เจ้าค่ะท่านพี่” หญิงสาวตอบรับเสียงหวานแล้วช่วยอีกฝ่ายแต่งตัวอย่างคล่องแคล่วรู้งาน ในเมื่อเขาสวมกางเกงไว้ก่อนแล้ว นางแค่ช่วยสวมเสื้อทับ นับว่าไม่ยากเย็นอันใด ทว่าเมื่อได้มองใกล้ๆ กลับพบรอยแผลเล็กใหญ่เกลื่อนไปทั่วทั้งแผ่นหลังกว้าง
“แผลเหล่านี้ได้จากตอนออกรบหรือเจ้าคะ” นิ้วมือนุ่มนิ่มเยียบเย็นลูบไล้ผ่านแผลเป็นนูนยาวด้านหลัง มองผาดๆ อาจยากจะแยกแยะ แต่จ้าวรั่วถิงกลับแน่ชัดว่านี่คือรอยแส้
ผู้ใดที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมต่อเขาถึงเพียงนี้
คำถามนี้ทำให้เสิ่นเลี่ยงหรงหวนนึกไปถึงปีนั้นที่ถูกโบยในจวนเจ้าเมืองโม่เป่ยโดยไร้ความผิด แต่ความนึกคิดกลับถูกปัดเป่าด้วยปลายนิ้วอ่อนนุ่ม รอยสัมผัสแผ่วเบาราวกับกลัวว่าเขาจะเจ็บนั้นตกกระทบลงบนกลางหัวใจแกร่งที่เคยแห้งผาก ราวกับน้ำเย็นใสที่ค่อยๆ ผุดขึ้นจากตาน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
เขาเบี่ยงกายหลบด้วยท่าทางคล้ายรังเกียจ
“ต่อไปห้ามแตะต้องตัวข้าส่งเดช”
“เจ้าค่ะท่านพี่” จ้าวรั่วถิงเก็บมือกลับ ลอบเบ้ปากแสร้งย่อตัวคารวะราวกับสาวใช้ที่กระทำผิด
คงต้องปล่อยไปก่อนแล้วค่อยสืบหา นางไม่มีทางยอมให้สามีขาดทุนผู้อื่นเป็นแน่
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทีว่าอยากใช้ความคิดเงียบๆ จ้าวรั่วถิงจึงหลบไปด้านหลังฉากกั้น ก้าวไปเปิดหีบเลือกชุดออกมาส่งๆ โชคดีที่ยอมตั้งใจฟังแม่นมพร่ำบ่นว่าแต่ละหีบบรรจุสิ่งใดไว้บ้าง ยามต้องหาข้าวของเองจึงไม่ยากเท่าไร แน่นอนว่าคนลงมือทำอะไรเองครั้งแรกย่อมใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะก้าวกลับเข้ามาในห้องเพื่อพบว่า สามีล้มตัวนอนไปก่อนแล้ว
จ้าวรั่วถิงเหล่ตามองพลางคิดว่าจะแอบให้จูอวี๋เข้ามาปรนนิบัติดีหรือไม่ แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นหนังสือหย่าก็ได้แต่ทอดถอนใจ
ช่างเถอะ แค่เช็ดผมง่ายๆ...
อย่างนั้นหรือ!
เมื่อก่อนเคยแต่เอนตัวนอนบนตั่งแล้วให้ผู้คนปรนนิบัติ ครั้นต้องมาจัดการผมยาวสลวยที่เปียกชื้นเองค่อยรู้สำนึกว่าหาใช่เรื่องง่าย กว่าจะจัดการธุระต่างๆ ของตนจนเสร็จสิ้น สองแขนให้เมื่อยล้า ผนวกกับที่ต้องถูกปลุกแต่เช้าตรู่ ผ่านขั้นตอนพิธีอันแสนยุ่งยากมาทั้งวัน ท่านหญิงที่เคยสง่างามจึงแทบหมดสภาพ ได้แต่ลากเท้าปีนขึ้นเตียง
ฮึ่ม... เหตุใดการได้นอนเคียงข้างชายที่รักจึงไม่น่าอภิรมย์เท่าที่เคยนึกฝันไว้เล่า
จ้าวรั่วถิงก้มมองพยัคฆ์ร้ายที่นอนขวางอยู่หน้าเตียงแล้วจู่ๆ พลันเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีขึ้นมาเช่นว่า การยกเท้าถีบสามีให้หลีกทาง
“มิใช่ภรรยาต้องนอนด้านนอกรึไงกัน” หญิงสาวได้แต่บ่นพึมพำขณะค่อยๆ ก้าวข้ามอุปสรรคชิ้นใหญ่ไป เมื่อทิ้งศีรษะลงบนหมอนได้ก็หลับไปทันทีประหนึ่งถูกวางยา
แต่ใครอีกคนที่เหมือนหลับไปก่อนกลับลืมตาตื่นขึ้นมา เสิ่นเลี่ยงหรงเอียงหน้าไปด้านข้าง มองเห็นเสี้ยวหน้าขาวนวลที่ต้องแสงเทียน เพียงแค่นอนเคียงข้างก็ได้กลิ่นหอมจางๆ อันคุ้นเคย เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของนางขดตัวกันเป็นก้อนกลม เผยให้เห็นลำคอขาวผ่อง ฉับพลันภาพค่ำคืนอันเร่าร้อนยามที่นางเคลื่อนไหวอยู่บนร่างเขาค่อยๆ กระจ่างชัด ใบหน้างามแหงนไปด้านหลังส่งเสียงครางแว่วหวาน เปิดเปลือยช่วงลำคอล่อใจให้เขาฝังคมเขี้ยวลงไป ผิวเนื้อของนางทั้งนุ่มเนียนทั้งหอมหวานราวกับผลไม้สุกงอมล่อลวงให้หมู่ภมรเข้าไปดอมดม
เสิ่นเลี่ยงหรงบดสันกรามอย่างข่มกลั้น ดวงตาที่เคยนิ่งสงบไร้ก้นบึ้งมาบัดนี้กลับเต็มไปด้วยประกายสับสน
เขาทำถูกแล้วหรือไม่ที่ยอมแต่งกับนาง
ชายหนุ่มหลับตาพยายามสงบใจ ทว่าผ่านไปครึ่งค่อนคืนกลับไม่อาจฝืนบังคับตนเอง สุดท้ายจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเปิดประตูออกจากห้องหอท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของบ่าวไพร่ แล้วเดินตรงไปยังห้องหนังสือโดยไม่สนใจท่าทางใคร่รู้เหล่านั้น