ตอนที่4. ถึงสำนักของเราแล้ว
ร่างบางคุกเข่าลงประสานมือ เหมือนที่เคยเห็นในหนังย้อนยุค มีแค่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธคนแบบนี้ได้ เธอขอเลือกก้มหัวเพื่ออยู่รอดในยามที่ตัวเองไร้เรี่ยวแรง ดีกว่าทำตัวผยองทั้งที่ไม่มีอะไรสู้ใครได้
ไม่ว่าตอนนี้จะเรื่องจริงหรือความฝัน สิ่งแรกต้องทำคือแสดงเป็นเจ้าของร่างให้สมจริง พร้อม ๆ กับการเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว เรียนรู้ทั้งวิชาและการใช้ชีวิตของโลกที่เธอไม่รู้จักนี้ก่อน
ถ้าเป็นแค่ฝันถือว่าเธอมาท่องเที่ยว ตื่นแล้วก็แค่จดจำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้ามันคือเรื่องจริงเหมือนในหนัง ที่ตายและทะลุมิติมาโลกคู่ขนาน เธอก็ต้องสร้างตัวตนให้อยู่รอดและปลอดภัย
“ฮ่า ๆ ร้ายนักนะ เช่นนั้นเราไปที่บ้านข้าก่อน ขืนเจ้ายังอยู่ในสภาพนี้ ไม่นานก็ตายอยู่ดี มุ่ยมุ่ย อย่าขี้เกียจออกมาพาน้องสาวเจ้ากลับบ้านกัน”
หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อชายชราเรียกหาใครสักคน ก่อนที่อวิ๋นชีจะดวงตาเบิกกว้าง เมื่อทิเบตันสายพันธุ์ดังเดิม ได้โผล่หัวออกมาจากป่า ในยุคที่เธอจากมาคิดว่ามันตัวใหญ่มากแล้ว
แต่ในยุคต่างโลกนี้มันดูจะเหนือกว่านับเท่าตัว ความดุและใหญ่โตของมัน ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในโลกมิว่ายุคใดก็ตาม เจ้ามุ่ยมุ่ยเดินออกมาดมไปตามร่างกายของหญิงสาว ก่อนที่มันจะใช้หัวดุนร่างเธอเบา ๆ แต่กระนั้นอวิ๋นชีก็เซไปหลายก้าวอยู่ดี
“มันต้องการให้เจ้าขึ้นไปบนหลังของมัน หนทางมันไกลหากให้เจ้าเดินเอง ไม่รู้กี่วันจะถึง”
อวิ๋นชีอ้าปากหวอเมื่อตัวของเธอ ถูกยกด้วยมือเพียงข้างเดียวของผู้เป็นอาจารย์ ก่อนจะจับเชือกหนังที่อยู่บนคอของมุ่ยมุ่ยเอาไว้แน่น หญิงสาวหลับตาลง พร้อมหมอบราบไปบนขนหนานุ่มของทิเบตันตัวใหญ่ ตามคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์
สิ่งเดียวที่รับรู้ตอนนี้คือ สายลมที่ปะทะใบหน้าอย่างแรง คล้ายตอนที่เธอกำลังโดดร่มอย่างไรอย่างนั้น หญิงสาวหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่เห็นมันนับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เจ้ามุ่ยมุ่ยมันออกวิ่งเร็วกว่าม้าแข่งเสียอีก
ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็สงบลง สายลมที่เคยปะทะใบหน้า ก็เป็นเพียงอากาศเย็นที่เอื่อยเฉื่อย ที่แน่ ๆ ตอนนี้ใบหน้าของเธอชาหนึบ จากแรงลมในตอนที่เจ้ามุ่ยมุ่ยวิ่ง
“มา ๆ ลงมาได้แล้ว ถึงสำนักของเราแล้ว”
หญิงสาวลงจากหลังของมุ่ยมุ่ย ก่อนจะมองไปรอบ ๆ มันสวยงามมาก มีทั้งน้ำตก ดอกไม้ป่า เหมือนภาพวาดย้อนยุคของจิตกรชื่อดังหลายคนเลย
“ท่านอาจารย์ ไยข้าจึงพูดได้หรือมันแค่ความฝันเท่านั้น”
โป๊ก! พัดในมือของผู้เป็นอาจารย์ ตีลงบนหน้าผากของหญิงสาว ก่อนจะหัวเราะชอบใจ เมื่อหญิงสาวเอามือลูบหน้าผากปอย ๆ
“เจ็บไหม!”
“เจ้าค่ะ”
“แสดงว่านี่คือความจริง เจ้าไม่ได้เป็นใบ้มาแต่กำเนิดมิใช่รึ!”
“ท่านรู้ได้อย่างไร”
“ข้าเป็นหมอ เอาเป็นว่าไปจัดการกับร่างกายเหม็นเน่าของเจ้าเสียก่อน ห้องเจ้าอยู่ทางนั้น เสื้อผ้าที่มีในนั้นใส่ได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ห้องอาบน้ำอยู่ติดกับห้องนั้นแหละ มันมีบ่อน้ำอุ่นอยู่ใช้ได้เต็มที่”
“ท่านอาจารย์ ห้องนั้นของผู้ใดเล่าเจ้าคะ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า”
ไม่มีคำตอบอื่นใดอีก ผู้เป็นอาจารย์ก้าวยาว ๆ หายไปในตัวเรือนอีกด้าน ก่อนจะตะโกนกำชับให้นางรีบจัดการตนเองให้เสร็จสิ้น จะได้กินข้าวและยา
คงมีเพียงมุ่ยมุ่ยเท่านั้น ที่อยู่เป็นเพื่อนของเธอ ทั้งสองเดินไปยังห้องที่อยู่อีกด้าน เธอคงต้องทบทวน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเธอและเจ้าของร่างอีกครั้ง
และที่สำคัญเธอต้องมองหาหนทาง ที่จะอยู่ในความแปลกใหม่นี้ให้ลงตัว เห็นทีคงต้องเป็นนักแสดงมืออาชีพดูสักหน่อย จะเป็นคนดีหรือเลวก็ต้องดูตามเนื้อผ้าไปก่อน
หญิงสาวก้าวเข้าไปภายในเรือน ก่อนจะสำรวจข้าวของเครื่องใช้ นี่มันมีแต่ของผู้ชายทั้งนั้น ว่าแต่เจ้าของเดิมหายไปที่ใดเล่า ถ้าเขากลับมานางจะต้องทำหน้ายังไงมาใช้ห้องและเสื้อผ้าของเขา
สามวันถัดมา ณ จวนเชียว เมืองฮั่วโจว
อวิ๋นชีได้กลับมาที่จวน ซึ่งเจ้าของร่างได้อาศัยอยู่ ร่องรอยฟกช้ำของเธอยังคงมีอยู่ และวันนี้สิ่งแรกที่ต้องทำคือเป็นเชียวอวิ๋นให้เต็มตัว ในเมื่อพวกเขาไม่คิดใส่ใจเจ้าของร่าง เดี๋ยวเธอจะจัดการชำระความ พร้อมสร้างอำนาจในเงามืด ตามที่ผู้เป็นอาจารย์เสนอมา