ตอนที่ 5. ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“คุณหนู! หายไปที่ใดมาเจ้าคะ บ่าว...”
เพี๊ยะ! ใบหน้าของสาวใช้ข้างกายสะบัดไปตามแรงฝ่ามือ แน่นอนว่ามันดูจะหนักไปสักหน่อย หากเทียบกับเรี่ยวแรงของคุณหนู ที่แม้แต่ตบยุงยังไม่ตาย
“คุณหนูตบบ่าวทำไมเจ้าคะ บ่าวผิดหรือเจ้าคะที่เป็นห่วง”
เชียวอวิ๋นยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะขยับเข้าใกล้สาวใช้ ที่ตั้งใจพูดเสียงดัง คงจงใจที่จะให้ทุกคนในจวนรู้ถึงการกลับมาของนาง และคงพร้อมจะเอ่ยถึงความอัปยศ ที่สาวใช้ตัวดีจงใจให้มันเกิดขึ้น
เชียวอวิ๋นปล่อยห่อผ้าลงตรงหน้าของสาวใช้ ก่อนจะเดินเลยไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำเพียงก้มมองเท่านั้น ปึก! ตุบ! เท้าบางเตะเข้าที่ขาพับของสาวใช้
ทำให้สองเข่าของสาวใช้ทรุดลงกระแทกกับพื้น สาวใช้กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้น ก่อนจะจ้องไปที่ห่อผ้า สิ่งที่โผล่พ้นออกมาให้เห็น มันคือนิ้วมือของบุรุษ สิ่งนั้นทำให้สาวใช้ถึงกับสั่นเทาไปทั้งร่าง
“อ๊ะ! คุณหนู!”
ใบหน้าของสาวใช้แหงนขึ้นสบตากับผู้เป็นนาย เมื่อมือบางรวบดึงเส้นผมของนางอย่างแรง เพื่อบังคับให้เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความชิงชังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“เกิดสิ่งใดขึ้น! เจ้าหายไปที่ใดมาเชียวอวิ๋น”
คำถามของผู้เป็นอา หาได้ละมุนหูแม้แต่น้อย คนพวกนี้อาศัยเงินทองจากบิดาของนาง แต่กลับไม่เคยใยดีนางเท่าที่ควร สายตาที่เปลี่ยนไปของหลานสาว ทำให้เชียวหลางขมวดคิ้วจนชิดกัน
เขากลับมาจากการค้า ก็ได้ยินว่าหลานสาวหนีออกไปเที่ยวเล่นยังไม่กลับบ้านมาหลายวัน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีโทสะอยู่แล้ว แต่จากที่เขาเห็นในตอนนี้เห็นทีต้องสืบสาวราวเรื่องให้ดี หาไม่แล้วคงต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดข้นเป็นแน่
กระดาษกับพู่กันถูกนำมาให้แก่เชียวอวิ๋น เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้เป็นอา หญิงสาวมองเลยไปยังอาสะใภ้ ก่อนจะจรดปลายพู่กันเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นลงไป
แน่นอนว่าก่อนกลับมา นางเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี พยานที่มีย่อมยากที่ใครจะชนะได้ เพราะตัวนางยังต้องก้มหัวให้แก่เขา หญิงสาวยื่นส่งกระดาษให้แก่ผู้เป็นอา ก่อนจะมองไปยังห่อผ้าที่อยู่บนพื้นตรงหน้าของสาวใช้
เมื่อเห็นสายตาของคุณหนู สาวใช้รีบคว้าห่อผ้าแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ทุกการกระทำหาได้รอดพ้นสายตาของเชียวหลาง เขาได้พยักหน้าให้แก่คนสนิทเข้าคุมตัวสาวใช้เอาไว้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ่าวที่ละเลยต่อนาย จะต้องรับโทษเช่นไร”
“นายท่านบ่าวมิได้ทำนะเจ้าคะ คุณหนูแอบหนีไปเที่ยวกับชายหนุ่มในเมืองเองนะเจ้าคะ” สาวใช้ละล่ำละลักแก้ตัวในทันที
“เจ้าว่าอะไรนะ! ท่านพี่เรื่องนี้เห็นทีท่านต้องจัดการให้ดีนะเจ้าคะ หลานสาวของท่านไยทำเรื่องเสื่อมเสียเยี่ยงนี้ได้”
เชียวหลางเหลือบมองภรรยาด้วยสายตาแข็งกระด้าง สิ่งที่เขาพยายามมองข้ามมาตลอดหลายปี ซึ่งดูเหมือนเขาจะแสร้งตาบอดอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะครั้งนี้เหมือนจะมีคนร้อนตัวเผยออกมาให้เห็นเสียก่อน
“ชายหนุ่มอันใดกัน อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้เอ่ยถึงแม้แต่น้อยเลย”
สาวใช้ของเชียวอวิ๋นถึงกลับสิ้นเรี่ยวแรง ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่ฮูหยินของนายท่านเชียวหลาง แค่นี้เชียวหลางก็มีคำตอบในใจแล้ว ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับหลานสาว
“สกุลเชียวเมตตาเจ้าไม่มากพอหรือ เจ้าถึงได้กล้าทำร้ายสายเลือดของสกุลเชียวได้ลงคอ”
“ท่านพี่! ท่านคิดจะเชื่อในสิ่งที่คนใบ้พูด มากกว่าข้าที่ร่วมหมอนกับท่านเช่นนั้นรึ!”
“ข้าแสร้งหูหนวกตาบอดมาตลอดหลายปี เพื่อความสงบสุขในบ้าน อีกอย่างอวิ๋นเอ๋อร์ก็ไม่เคยถือสากับการกระทำของเจ้าสักครั้ง แต่ครั้งนี้ข้าไม่อาจช่วยสิ่งใดเจ้าได้เลย”
“ท่านพี่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
เชียวหลางหันไปยังด้านหน้าประตูจวน คนที่กำลังเดินเข้ามา ทำให้เชียวฮูหยินถึงกับเข่าอ่อน ท่านเจ้าเมืองผู้ตรงฉินเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าของทุกคน
“ท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้ข้าขอเป็นคนจัดการเองได้หรือไม่ขอรับ”
แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาเองก็เพิ่งรู้ก่อนหน้านี้เพียงครึ่งชั่วยาม ก่อนที่หลานสาวจะกลับเข้ามาในจวน ซึ่งคนที่มาแจ้งข่าวนี้คือที่ปรึกษาของท่านเจ้าเมือง
และคนผู้นั้นก็แฝงตัวควบคุมมิให้เขาช่วยเหลือภรรยา ซึ่งถ้าเขาช่วยภรรยา มันเท่ากับว่าเขาร่วมมือกับนางทำร้ายหลานสาว นั่นเท่ากับเขาดับทั้งชีวิตลงเพียงเพราะเห็นผิดเป็นชอบ