บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

“เรื่องเกิดช่วงที่พี่สาวของข้าจะเข้าวังพอดี เคยพบกันตามงานเลี้ยงอยู่บ้าง นางงดงามมาก เจาจ้าวหลงทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนี้หัวปักหัวปำเลยทีเดียว แต่เท่าที่จำได้ก็ดูจะชอบยั่วให้สามีกินน้ำส้มด้วยการมีสหายต่างเพศไม่ซ้ำหน้าคอยพาไปโน่นมานี่”

“แล้วแม่นางน้อยบุตรสาวของคหบดีหลี่กงจาน ก็หน้าตาเหมือนซูเหมยหนี่อย่างกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา” เสียงซึ่งฟังว่าจะเป็นเสียงที่สามขัดขึ้น ก่อนเรื่องจะแตกออกไป

“แค่คล้ายน่ะ พี่สาวฉันเคยคบค้ากับคุณหนูซู ลูกสาวหลี่กงจานดูงดงามแบบอ่อนหวานมากกว่า ไม่พอยังอ่อนกว่ามาก จำได้ว่าเมื่อซูเหมยหนี่เสียชีวิตอายุเลยยี่สิบมาไกล อายุน้อยกว่าเจาจ้าวหลงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น”

“เช่นนี้มันก็คิดกันไปได้ ว่าที่เจาจ้าวหลงเลือกแต่งงานกับแม่นางผู้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรชาย ทั้งที่ไม่เคยปรากฏว่ารสนิยมชอบเด็กสาวๆ เพียงเพราะคุณหนูลูกพ่อค้านั่นหน้าตาเหมือนคนรักที่ตาย”

“ก็ไม่มีอันใดต้องสงสัยอีก แม่นางนั่นหมดจดก็จริงอยู่ แต่ที่เจาจ้าวหลงมีข่าวหลุดรอดออกมาด้วยก็ล้วนแต่งดงามกันทั้งสิ้น”

“จริงอย่างเจ้าว่า เจาจ้าวหลงเห็นจะไม่มาหลงรักสตรีอายุน้อยกว่าเป็นรอบสองรอบอย่างนี้ ที่ชอบพอคงเพราะเห็นว่าหน้าตาเหมือนฮูหยินเดิมที่ตายไปแล้วเสียมากกว่า”

“พูดถึงเหมยหนี่ เท่าที่ข้ารู้มา ฟังออกจะประหลาดอยู่มาก มีอย่างหรือ แล่นไปต่างเมืองที่อยู่ในพื้นที่สงครามตามลำพัง จนถูกโจรภูเขาฆ่าตาย”

มีเสียงปิดพัดรวบเอาไว้ในมือ ตามด้วยเสียงปิดตลับใส่แผ่นชาด หลี่เซวียนอี้ถอยกลับด้วยความมึนงง แทบไม่รู้ตัวว่าเดินกลับเข้าสู่บริเวณงานได้อย่างไร

ที่นางบอกตัวเองซ้ำไปซ้ำมาขณะนั้นก็คือ ไม่ควรเลย ไม่ควรคิดมาทำธุระเอายามนี้ กระทั่งทำให้มาได้ยินเสียงลักลอบนินทาถึงอดีตของสามี โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับฮูหยินเก่าของเขา

นี่นะหรือ เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เขาอยากดื่มสุรามงคลร่วมกันกับนาง ยอมให้คนครหาเพราะเข้าใจผิดว่าเจาจ้าวหลงไปแย่งคู่หมายของบุตรชายมาเป็นของตน ยอมเสียเงินทองมากมาย นี่ใช่หรือไม่ เขาถึงไม่บอกรักนางแม้เพียงสักครั้ง

หรือที่เขาไม่บอก เพราะไม่อยากโกหกโดยไม่จำเป็น

เขายอมทุ่ม เพื่อให้ได้ครอบครองหลี่เซวียนอี้ ซึ่งถ้าหลี่เซวียนอี้เป็นบุตรสาวชาวบ้านธรรมดา เขาก็อาจใช้วิธีอื่นเข้ารุกประชิด โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินทองมากมาย แต่เมื่อหลี่เซวียนอี้บุตรสาวในตระกูลคหบดีใหญ่ที่เคยรุ่งเรืองมาหลายรุ่น และเผอิญว่าบิดาเป็นพ่อค้ารายเดียวที่ไม่ขึ้นราคาของเกินจำเป็นในช่วงสงครามหรือภัยพิบัติ ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับนับถือกันอยู่ในสังคมเมืองหลวง จึงจำเป็นที่เจาจ้าวหลงจะต้องทำให้ถูกต้องเพื่อกันคำครหา

แต่ทั้งหมดที่เขาทำไป ไม่ใช่เพราะเขาอยากได้ อยากรัก หรือต้องการหลี่เซวียนอี้จริงๆ เขาเพียงต้องการเงาของฮูหยินที่ตายไปแล้วเท่านั้นเอง แค่เพียงเท่านั้นจริงๆ

หลี่เซวียนอี้ไม่เคยรู้รสของความขมขื่นมาก่อน ทว่าขณะนี้นางกำลังลิ้มรสความขมนั้นเต็มส่วน

ทำได้เพียงแต่คิดไปว่า ตลอดเวลาที่สามีของนางร่วมรักกับนาง แสดงความปรารถนาในตัวนาง เขาเห็นนางเป็นตัวแทนสตรีนางอื่น เป็นตัวแทนฮูหยินของเขา ที่ด่วนจากเขาไปเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว

การที่ได้ล่วงรู้ว่าสามีที่ตนรัก หาได้รักตนไม่ เจ็บช้ำพออยู่แล้ว แต่นี่…ยังต้องมารับรู้อีกว่าเขายังมองไม่เห็นค่าที่แท้จริงของนางเสียด้วยซ้ำ การเป็นเพียงเงาของหญิงอื่นที่จ้าวหลงรักไม่เคยลืม ดูว่าจะเจ็บช้ำเสียยิ่งกว่า

หลี่เซวียนอี้รู้สึกว่าตัวเองลอยคว้างไปไกล ดวงตามองไม่เห็นผู้ใด ทั้งที่รอบกายมีผู้คนมากมาย แม้แต่สาวใช้ที่มาด้วยกันพยายามสะกิดเรียกก็ไม่ช่วยให้สติของนางหวนกลับคืน

ใจล่องลอยนึกไปถึงค่ำคืนแรกหลังงานเลี้ยงมงคล เซวียนอี้ยังจดจำได้ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ที่เจ้าบ่าวมอบให้

นางมองเห็นตัวเองยืนขัดเขินอยู่กลางห้องหอภายใต้ผ้าคลุมหน้าที่ตั้งใจปักอยู่ร่วมเดือน เจาจ้าวหลงเปิดผ้าคลุมออกอย่างเบามือ และบอกให้คุณหนูหลี่ไปแช่น้ำให้ผ่อนคลายเสียก่อน

หลังจากชำระร่างกายเปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดพิธีมาเป็นชุดนอนสีแดง เนื้อผ้าบางเบา ผ้าแนบเนื้อปักลายดอกไม้เพียงเล็กน้อย สายเล็กคล้องคอสำหรับผูกด้านหลังยังหลุดลุ่ยอยู่เพราะเอื้อมไปมัดเองไม่ถึง เซวียนอี้รู้สึกว่าตนเองเงอะงะ เมื่อร่างสูงของเจ้าบ่าวก้าวตรงเข้ามาหา

เจาจ้าวหลงอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เสื้อคลุมไหมสีน้ำเงินเข้มปักลวดลายกิเลนสีทองปกปิดร่างกายสูงกำยำแทนชุดพิธีสีแดงแสบตา

หลี่เซวียนอี้อยากหลบนัยน์ตาเข้มจัดที่ฉายแวววับวาม อันทำให้เนื้อในอกของนางเต้นระทึก แต่ก็ไม่อาจกระทำได้

เนื้อตัวของคุณหนูที่แม้จะก๋ากั่นสั่นไหว เมื่อมือแข็งแรงร้อนผ่าว แตะลงบนหัวไหล่ทั้งสองดันให้เดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง เขาไม่ได้ผูกเชือกคล้องคอให้แก่นางเสียด้วยซ้ำ จ้าวหลงเพียงแค่ปล่อยมันห้อยพาดบ่าเล็กของนางไว้เช่นนั้น

นัยน์ตาคมวับกราดมองทั่วเรือนร่างภายใต้ชุดนอนเนื้อเบา จนแทบจะแลบประกายไฟปรารถนาเร่าร้อนออกมา จ้าวหลงพร้อมจะโหมไฟให้นางมอดมลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกันกับเขา

หลี่เซวียนอี้หรุบดวงตาที่คงฉายแววสะทกสะเทิ้นให้ต่ำลง จึงเห็นว่ากล้ามเนื้ออกบริเวณที่สาบเสื้อคลุมแยกออกจากกันนูนแน่น ชวนลูบไล้ หลายต่อหลายคนเอ่ยเตือนว่าชายอายุเท่าเขานั้น อาจมีข้อบกพร่องในด้านนี้ แต่เซวียนอี้ที่เห็นแม้กระทั่งแอ่งชีพจรแถวโคนลำคอของเขากำลังเต้นริกก็รู้สึกว่าคำเตือนเหล่านั้นอาจจะผิดพลาดไปทุกประการ

มือแข็งแรงทั้งสองของหนุ่มใหญ่ที่กำลังแตะไล้ไหล่เปล่าเปลือย ก่อความรู้สึกวูบวาบแล่นสู่แก่นแท้แห่งสัญลักษณ์ของอิตถีเพศ นางรับรู้ถึงความร้อนรุ่ม และเต้นตุบของปลายประสาทที่ไม่เคยรับรู้ว่ามีอยู่ตรงบริเวณนั้น

“ทะ…ท่านรองเสนาบดี”

“เรียกขานข้าว่าท่านพี่” เสียงกระซิบแหบพร่าสั่งคนงาม
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel