
บทย่อ
หลี่เซวียนอี้นึกว่าได้ดื่มเหล้ามงคลเพราะเจาจ้าวหลงรักนางสุดหัวใจ จึงได้หาทุกทางบันดาลงานแต่งงานนี้ให้เกิดขึ้น แต่แท้ที่จริงมันมีความจริงที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ ความสุขของคุณหนูหลี่มลายหายไปสิ้น นางเป็นเพียงผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนคนรักของเขาที่ตายไปแล้วเท่านั้น นั่นจึงทำให้เซวียนอี้เจ็บปวด จนต้องขอแยกทาง
บทนำ
แสงแดดยามสายสะท้อนลงบนผืนน้ำทะเลเป็นระยิบระยับ เสียงนกทะเลร้องแข่งกับเสียงพ่อค้าแม่ขายที่ขานเรียกลูกค้า เมืองท่าฉางไห่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดค้าขายระหว่างเหนือใต้ ทั้งเครื่องเทศ ผ้าแพรพรรณ และหยกจากดินแดนห่างไกลล้วนมารวมอยู่ที่นี่
รถม้าสีครามหยุดลงตรงหน้าตลาด เสียงล้อไม้ที่บดกับพื้นหินหยาบทำให้เหล่าพ่อค้าหันมามองอย่างสนใจ ภายในรถม้านั้นมีหญิงสาวร่างบางนั่งอยู่ในอาภรณ์ผ้าไหมหิมะสีอ่อน หน้าตาแม้ยังเยาว์วัย แต่ดวงตากลับเปล่งประกายมั่นใจไม่ต่างจากสตรีที่ผ่านโลกมาหลายปี
“เซวียนอี้ อย่าไปไหนไกลเกินสายตาพี่ เข้าใจหรือไม่” เสียงของหลี่เซวียนหลงดังขึ้นอย่างเคร่งครัด เขาก้าวลงจากรถก่อน คิ้วเข้มขมวดแน่นเพราะรู้ดีว่าน้องสาวตนหาได้เชื่อฟังง่ายๆ
“เจ้าก็พูดอย่างนี้ทุกครั้ง แต่ทุกครั้งข้าก็ยังกลับมาพร้อมของเต็มมือมิใช่หรือเจ้าคะ” หลี่เซวียนอี้ยิ้มกว้าง รอยยิ้มนั้นทั้งซื่อและท้าทายในคราวเดียวกัน นางคว้ามือ เหยาเหยาหญิงรับใช้คนสนิทที่ตามมาด้วย แล้วกระโดดลงจากรถม้าอย่างคล่องแคล่ว
“ไปเถอะเหยาเหยา! ข้าว่าแผงขายหยกข้างท่าน้ำคงมีของงดงามแปลกตามากมายแน่”
“คุณหนูเจ้าคะ อย่างน้อยก็บอกคุณชายก่อน”
“อย่าชักช้า! เดี๋ยวแดดร้อนเสียก่อน”
เสียงหัวเราะใสของนางดังขึ้นกลางตลาดราวกับระฆังเงิน เสียงเรียกลูกค้า เสียงคลื่น เสียงเด็กเล็กวิ่งเล่น ล้วนกลายเป็นฉากหลังให้กับความร่าเริงนั้น
หลี่เซวียนอี้เดินดูของไปเรื่อย ทั้งผ้าแพรสีอ่อน พัดวาดลาย และกำไลหินสีแปลกตา เหยาเหยาคอยตามติดอย่างเหนื่อยอ่อน ในใจนึกว่าคุณหนูของตนจะถูกคุณชายเอ็ดเป็นแน่
จนเมื่อเดินมาถึงตรอกข้างโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง กลิ่นน้ำคาวทะเลผสมกลิ่นเหล้าหอมอบอวลอยู่ในอากาศ นางตั้งใจจะนำของที่ซื้อไว้ไปเก็บบนรถม้าเสียก่อน แล้วจึงออกมาเดินดูอีกสักรอบ ทว่าเสียงฝีเท้าหนักๆ และเสียงโลหะกระทบกันกลับดังแว่วมาแต่ปลายตรอก
“เหยาเหยา... เจ้าได้ยินหรือไม่”
ยังไม่ทันที่สาวใช้จะตอบ ร่างหนึ่งในชุดคลุมดำซึ่งมีผ้าผูกปิดหน้า เว้นไว้เพียงดวงตาได้วิ่งพรวดออกมาจากตรอกนั้น เลือดสีเข้มเปื้อนชายเสื้อของเขา ขณะอีกสี่ห้าคนในชุดดำติดอาวุธครบมือกำลังไล่ตามมา
หลี่เซวียนอี้เบิกตากว้าง ชายผู้นั้นดูราวคนกำลังหนีเอาชีวิตรอด เสี้ยววินาทีหนึ่งที่สายตาของทั้งคู่ประสานกันใต้ผ้าคลุมหน้า นางเห็นแววความแน่วแน่และเฉียบคมแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา แววตาของคนที่มีภารกิจ ไม่กลัวตาย
“คุณหนู อย่าเข้าไปใกล้!” เหยาเหยากระซิบอย่างตระหนก
แต่หลี่เซวียนอี้กลับยืนนิ่ง หัวสมองพลันแล่นวาบด้วยความคิดบ้าๆ บางอย่าง ชายคนนั้นคงหนีจากการถูกลอบทำร้าย หากไม่ถ่วงเวลาไว้ เขาคงไม่รอดแน่
นางจึงสูดหายใจลึก แล้วแผดเสียงสูงขึ้นทันที “โอ้สวรรค์! วิญญาณทะเลโบราณจงมอบพลังให้แก่ข้า!”
เสียงนั้นดึงความสนใจของชายชุดดำทั้งหมด หญิงสาวเหยียดแขนออก ร่ายรำอย่างแปลกประหลาด ริมฝีปากขยับเอื้อนคำพึมพำเป็นเสียงแปลกประหนึ่งภาษาผี แม้แต่หน้าตาอันงดงามก็ยังไม่ได้ช่วยให้ท่าทางนั้นน่าเกลียดปนตลกน้อยลดลงไป
“ผู้ใดกล้าทำร้ายบุรุษผู้นั้น วิญญาณเจ้าเรือที่จมใต้คลื่นจะลากพวกเจ้าลงสู่ห้วงน้ำ! บิดาคนหนึ่งของพวกเจ้าส่งสารจากปรโลกบอกให้หยุด”
ชายชุดดำหยุดชะงักไปชั่วครู่ เหยาเหยาถึงกับอ้าปากค้าง มองคุณหนูของตนร่ายรำกลางถนนอย่างคนเสียสติ เสื้อผ้าโบกสะบัดตามแรงลม เส้นผมดำขลับปลิวว่อนไปทั่ว
“คุณหนู!” เหยาเหยาเรียกเสียงหลง แต่เจ้านายของนางกลับยิ่งใส่เต็มเสียง “ข้าคือผู้สื่อวิญญาณ! เห็นไหมเห็นหรือไม่ว่ามีเงาอยู่เหนือศีรษะพวกเจ้า! วิญญาณร้ายโปรดนำไปแต่ดวงจิตชั่วช้า โอ้คนบริสุทธิ์อย่าได้กล้ำกราย”
ชายชุดดำบางคนเริ่มขยับถอยหลังด้วยความลังเล “บะ...บ้าหรือไม่ แม่นางผู้นี้วิปลาสหรือเป็นผู้วิเศษจริง!”
“อย่าเชื่อ นางทำกลหลอก!” อีกคนตะโกน
หลี่เซวียนอี้เห็นดังนั้นก็รีบตวัดนิ้วชี้ “กล้าดูหมิ่นวิญญาณรึ! ทะเลจะพลิกกลืนพวกเจ้าให้หมด! สามวันเจ็ดวันไม่มีพ้น เมื่อเจ้าสมุทรหมายตาแล้วย่อมไม่พ้นมือ!”
นางย่อตัวลง ขีดวงกลมด้วยปลายเท้าราวกับเขียนยันต์ แล้วทำเสียงครางต่ำๆ อย่างคนเข้าสมาธิ เหยาเหยาเองถึงกับยกมือปิดหน้าไม่กล้ามอง
ขณะที่ชายชุดดำมัวลังเล เสียงกลองไม้ของหน่วยตรวจการเมืองดังขึ้นมาจากปลายถนน “นี่คือผู้ตรวจการเมืองท่า! หยุดเดี๋ยวนี้!”
ชายชุดดำสบตากัน ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปทางตรอกอีกด้านทันที ทิ้งไว้เพียงชายผู้บาดเจ็บที่หยุดหอบอยู่ข้างผนังกำแพง
หลี่เซวียนอี้ผ่อนลมหายใจยาว ก่อนจะยืดตัวขึ้นอย่างคนเหนื่อย “เฮ้อ... สำเร็จไหมล่ะเหยาเหยา ข้าว่าข้าเล่นได้สมจริงทีเดียว”
“คุณหนู...ท่านจะฆ่าบ่าวให้หัวใจวายตายหรือเจ้าคะ!” เหยาเหยาร้องเสียงสั่น
ยังไม่ทันจะได้เถียงกันต่อ เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังเข้ามาใกล้ หลี่เซวียนอี้หันกลับไป เห็นชายผู้บาดเจ็บค่อยๆ พาร่างที่สั่นเทาเดินเข้ามาหา
ผ้าคลุมหน้าเลื่อนเผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มสันกรามเด่น แต่ก็เพียงเสี้ยวหน้าส่วนหนึ่ง ชายคนนั้นมีแววตาเย็นสงบอย่างคนที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตตนเองแล้ว ทั้งยามนี้พร่ามัวด้วยพิษบาดแผล ในมือถือบัญชีอยู่หลายเล่ม
“แม่นาง...” เขาเอ่ยเสียงต่ำ ทว่าเพียงเท่านั้นร่างสูงใหญ่ก็ทรุดลงตรงหน้าพวกนาง
“คุณหนู!” เหยาเหยาตกใจ
หลี่เซวียนอี้รีบก้าวเข้าไปพยุง แต่เลือดจากบาดแผลที่สีข้างของเขาเปื้อนมือของนางจนร้อนวาบ
“เจ็บถึงเพียงนี้ยังจะฝืนเดินมาอีก...คนผู้นี้โง่หรือไม่” นางพึมพำ ก่อนหันไปตะโกนเรียกผู้ตรวจการที่กำลังใกล้เข้ามา
ครู่ต่อมา เจ้าหน้าที่ตรวจการเมืองท่ารีบเข้ามาดูเหตุการณ์ ชายผู้บาดเจ็บถูกช่วยพาไปยังจวนใกล้ท่าเรือ ส่วนหลี่เซวียนอี้และเหยาเหยาก็ถูกซักถามอยู่ครู่หนึ่ง
“แม่นางมาจากต่างเมืองหรือ เห็นเหตุร้ายแล้วช่วยไว้...ถือว่ากล้าหาญนัก” ผู้ตรวจการหนุ่มพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ลอบมองของที่ดูแล้วแทบจะเหมาตลาดถูกวางกองอยู่บนพื้น
“ข้าเพียงแค่...เล่นละครเท่านั้นเจ้าค่ะ” เซวียนอี้หัวเราะเบาๆ พลางปาดเหงื่อที่ขมับ “มิได้ตั้งใจจะช่วยงานพวกท่านแต่อย่างใด”
“ตลาดนี้สำหรับผู้มาเที่ยวชม แต่หากต้องการไปจุดที่พวกเราคนพื้นถิ่นไปกันก็ยังมีอีก หากแม่นางอยากชมของแปลก ต้องไปที่ตลาดน้ำกร่อยปลายท่า จะได้เห็นเรือสินค้าจากแดนใต้ลงของจากโพ้นทะเลก่อนผู้ใด”
“ขอบคุณท่านผู้ตรวจการเจ้าค่ะ ข้าคงแวะไปแน่” นางโค้งเล็กน้อย ก่อนจะลากเหยาเหยาให้รีบไป
เมื่อพ้นสายตาผู้คน เหยาเหยาก็ถามเสียงสั่น “คุณหนู ท่านไม่คิดจะถามเลยหรือว่าชายผู้นั้นเป็นใคร”
“ถามไปก็เท่านั้น เขาคงมีเรื่องของเขา ส่วนข้า...ยังต้องรีบไปตลาดน้ำกร่อยก่อนร้านค้าจะปิดกันหมด ไม่ได้ยินหรือว่สเป็นที่จับจ่ายของคนท้องที่นี้”
คำตอบนั้นเรียบง่ายแต่ในใจนางกลับรู้สึกบางอย่างติดอยู่ในอก ไม่นานนักภาพชายแปลกหน้าที่ล้มลงต่อหน้าด้วย ก็มลายหายไปจากห้วงความคิดของคุณหนูที่ตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งรอบกายตน การพบเจอผู้คนหลากหลายสถานที่มากมายชิงพื้นที่ในความทรงจำไปเสียแล้ว
หลี่เซวียนอี้ไม่รู้เลยว่า ชายคนนั้นคือเจาจ้าวหลง รองเสนาบดีผู้มีอำนาจในราชสำนัก เขาจดจำสตรีน้อยผู้ร่ายรำท่าประหลาดกลางตรอกวันนั้นไว้ในใจ ราวกับลมหายใจหนึ่งที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก
จนกระทั่ง…หนึ่งปีต่อมาหลี่กงจานผู้เป็นบิดาของสองพี่น้องค้าขายผิดพลาด จึงสั่งวาดภาพบุตรสาวเพื่อหาคู่ ส่งนางไปให้ผู้อื่นดูแล ไม่ให้ต้องมาตกระกำลำบากสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ร่วมกันกับบิดาและพี่ชายใหญ่ของนาง นั่นทำให้เจาจ้าวหลงได้เห็นแม่นางน้อยที่ตรึงใจเขาเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง ‘หลี่เซวียนอี้’ อย่างไรเขาก็ต้องได้สตรีผู้นี้มาครอบครอง