บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

“ผู้ใดเจ้าคะ” เซวียนอี้เอียงคอถามด้วยความสงสัย

“คนที่อยู่ต่อหน้าเซวียนอี้ในคืนนี้น่ะ”

“คนผู้นี้ไม่แก่หรอกเจ้าค่ะ”

“รองเสนาบดีเจาสามสิบแปดแล้วนะ เรียกได้ว่าเฉียดสี่สิบ น่าจะอยู่ในพวกแก่แล้วสำหรับเซวียนอี้ คนเลยพากันสงสัย”

“ท่านพี่จะบอกว่าเซวียนอี้เด็กไปอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าแค่กังวลว่าอาจจะเป็นคนน่าเบื่อสำหรับแม่นางน้อยอย่างอี้เออร์”

“ไม่เบื่อเจ้าค่ะ ท่านพี่ไม่แก่สักหน่อย สตรีบ้านใดก็แต่งให้บุรุษที่มีอายุมากกว่าทั้งสิ้น”

“ยี่สิบ” เขาบอกพลางดึงตัวฮูหยินมากอดเอาไว้

“เจ้าคะ” เซวียนอี้ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจนัก

“บุรุษผู้นี้อายุยี่สิบแล้ว เมื่อเซวียนอี้ลืมตาดูโลก เป็นบิดาอี้เออร์ได้ด้วยซ้ำ”

“เปรียบเทียบอย่างนี้ก็ฟังดูมีอายุจริงๆ เจ้าค่ะ”

เจาจ้าวหลงหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาทุ้มนุ่มหู เช่นเดียวกับเสียงพูด ซึ่งนางชอบฟังเป็นที่สุด

“ยอมรับเองอย่างนี้สงสัยจะต้องถูกลงโทษที่หาว่าสามีมีอายุ” เขาพูด “หรือต้องให้รีบมีลูกตอนนี้เลยดี”

“ตรงนี้ได้ที่ไหนกันเจ้าคะ เลิกพูดเรื่องเซวียนอี้อายุน้อยพอจะเป็นลูกท่านพี่ได้แล้ว แล้วเซวียนอี้ก็ไม่อยากเป็นบุตรสาวหรอกเจ้าค่ะ เป็นอย่างนี้ดีแล้ว”

“เป็นอย่างนี้น่ะ เป็นเช่นไร”

“ฮูหยินไงเจ้าคะ”

“เซวียนอี้ชอบหรือ เป็นฮูหยินของขุนนางกรมคลัง”

“ชอบเจ้าค่ะ” นางตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด

“แปลว่าข้าสามารถให้ความสุขอี้เออร์ได้เต็มอิ่มเท่าที่อี้เออร์ต้องการใช่หรือไม่” หลี่เซวียนอี้นิ่วหน้าเมื่อถูกถามอย่างนั้น

“ทำไมท่านพี่ถามอย่างนี้เล่าเจ้าคะ เซวียนอี้จะไปรู้ได้อย่างไรว่า...เท่าใดที่จะเรียกว่าเต็มอิ่มสำหรับเซวียนอี้ เซวียนอี้ไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้อื่นมาก่อนอย่างท่านพี่ ที่จะได้มีตัวเปรียบเทียบ แต่ถ้าท่านรองเสนาบดีกังวลว่าเซวียนอี้อาจจะไม่มีความสุขที่เป็นฮูหยินสกุลเจา ก็ขอบอกว่าเซวียนอี้มีความสุขดีและพอใจในความสุขที่ได้รับ”

เจาจ้าวหลงมองสบตาคู่งามราวนิลน้ำเอก วงแขนของเขารัดร่างนุ่มเนียนแน่งน้อยอุ้มขึ้นหาตัวโดยที่ตัวเองก็แทบจะไม่รู้ตัว

“ข้ายังไม่ได้บอกใช่หรือไม่ คืนนี้ฮูหยินของข้างดงามกว่าแม่นางคนใด สวยกว่านางสวรรค์ หากจะต้องวาดภาพหญิงงามล่มเมืองออกมาสักคนหนึ่ง คงต้องอาศัยให้เจ้าเป็นแบบ”

“ท่านพี่ชมเซวียนอี้เกินไปแล้ว” น้ำเสียงเขินอายของสตรีกล่าวแย้งออกมา หลงลืมไปเสียแล้วว่ากำลังน้อยใจผู้เป็นสามี

“ไม่เกินไปแม้เพียงสักหยดชา ไม่เชื่อถามผู้ใดดูก็ได้”

“ถามผู้อื่น เขาก็ต้องตอบว่างามเพื่อรักษามารยาทเอาไว้ ต่อให้เซวียนอี้จะสู้คุณหนูบ้านอื่นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”

“ซึ่งก็เผอิญว่าฮูหยินข้ายิ่งกว่าสู้ได้ เพราะความสวยงามหยาดเยิ้มไปทั้งตัวแต่หัวจรดเท้า” เขาหมุนตัวโดยที่ยังอุ้มฮูหยินคนงามไว้ในอ้อมแขน

“ท่านพี่น่ะ ชอบทำปากหวานเอาตัวรอด” เซวียนอี้บ่นอุบเมื่อนึกออกว่าแท้จริงแล้วตนเองกำลังโกรธเคืองอยู่ “หยุดหมุนนะเจ้าคะ”

“ปากข้าไม่หวานหรอก ปากเซวียนอี้ต่างหากที่หวาน” เขากระซิบเข้าข้างหูของเซวียนอี้ เมื่อหยุดหมุนและเปลี่ยนมากอดเอาไว้หลวมๆ แทน

เจาจ้าวหลงทำเสียงล้อ มือข้างที่แตะแผ่นหลังนุ่มขยับลูบไล้เบาๆ “เซวียนอี้” เขาเรียกเสียงพร่า

“เจ้าขา” นางขานรับเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน แข้งขาแทบจะอ่อนยวบเมื่อสบเข้ากับประกายเรียกร้องในดวงตาคม

“ไปลาท่านเสนาบดีกลับบ้านกันเถิด”

“เจ้า...คะ”

“ข้าอยากอยู่กับเซวียนอี้ตามลำพัง ในจวนของเรา”

หลี่เซวียนอี้เลียริมฝีปากที่จู่ๆ ก็แห้งผากกะทันหัน ไม่รู้เลยว่าปลายลิ้นเล็กสีชมพูที่เจ้าตัวแลบออกมาเลียริมฝีปาก เป็นภาพที่เย้ายวนยิ่งนัก

“อยากร่วมหอกับอี้เออร์จนกว่าฟ้าจะสาง” เจาจ้าวหลงพูดให้ชัดขึ้น ด้วยเสียงแหบห้าวไปด้วยอารมณ์ปรารถนาคุกรุ่น

“ข้าจะทำให้อี้เออร์มีความสุขอย่างที่เจ้าจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต”

“ท่านพี่!”

ดวงตางามกว่านิลเจียระไนเหลือบขึ้นมองเขาคล้ายจะปราม เกรงว่าจะมีคนมาแอบได้ยิน

“ข้าจะค่อยๆ ลูบไล้ให้ทั่วกระทั่งเซวียนอี้ต้องร้องขอจากข้า”เขาพูดต่อ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เลยถูกค้อนให้ขวับหนึ่ง

“กลับได้แล้ว” เขาชวนแกมบังคับ

หลี่เซวียนอี้แสร้งถอนใจทั้งที่เส้นประสาทภายในเริ่มสั่นระริกไปกับภาพที่สามีบรรยาย “กลับก็ได้เจ้าค่ะ แต่เซวียนอี้ขอไปทำธุระก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ได้สิ ให้ข้าไปด้วยหรือไม่”

“เซวียนอี้ไปคนเดียวได้เจ้าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น ข้ารออยู่แถวประตูใกล้ทางออกงานเพื่อไปขึ้นรถม้าก็แล้วกัน”

หลี่เซวียนอี้พยักหน้าให้สาวใช้น้ำทางไป จุดที่อนุญาตให้เหล่าสตรีผู้มาร่วมงานเลี้ยงไปทำธุระส่วนตัวอยู่ทางปีกซ้ายมือของจวนรับรอง

ทางเดินมีจุดที่ให้หลบพักจากบรรยากาศงานเลี้ยงหลายจุด ซึ่งมักจะถูกใช้เป็นสถานที่ลักลอบนินทาแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยไม่ให้บุรุษที่มาร่วมงานเห็นว่าตนเป็นคนขี้นินทา

“เห็นฮูหยินของเจาจ้าวหลงแล้วสงสารนางเหลือเกิน”

มือขาวบางเตรียมจะเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปยังจุดที่กำหนด แต่ขากลับต้องชะงักค้างเอาไว้ก่อน

“ฮื่อ น่าสงสาร” มีเสียงเห็นด้วย

“นางจะรู้หรือไม่”

เสียงนี้แปลกจากสองเสียงแรกที่ได้ยิน บอกให้รู้ว่ากลุ่มชอบพูดถึงเรื่องชาวบ้านมีมากกว่าสอง

“เรื่องใดเล่า”

“ก็เรื่องที่เจาจ้าวหลงเลือกที่จะแต่งงานด้วย ทั้งที่มีข่าวว่าอยู่กับแม่นางรำจากหอคณิกาเยว่หมิงอะไรนั่นเป็นปีๆ จนหลายคนนึกว่ารองเสนาบดีเจาคงจะใจอ่อนรับนางออกมาอยู่ในจวน แต่แล้วก็ต้องตกลงมาหากินแข่งกับคณิกานางอื่น เพราะฝ่ายบุรุษบังเอิญไปเจอแม่นางที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายอดีตฮูหยินเก่าที่ตายไปแล้วเข้า”

“ซูเหมยหนี่ตายไปตั้งนาน เป็นสิบปี มาเกี่ยวอะไรด้วยเจ้าคะพี่หญิง”

“ตัวตายแต่ความรักไม่ตายนี่ ผู้ใดรุ่นราวคราวเดียวกับข้าก็รู้กันทั้งนั้น ว่าที่เจาจ้าวหลงไม่ยอมแต่งงานใหม่ ก็เพราะยังคงลืมฮูหยินที่ตายไม่ได้”

เสียงคนทั้งสามเงียบลงไปครู่หนึ่งก่อนหนึ่งในสามจะกระแอมออกมาเบาๆ “ช่วงนั้นข้าเติบโตไม่ทัน แต่ข่าวเกี่ยวกับนางใช่ว่าจะดีนะเจ้าคะ พี่หญิงทั้งหลาย ทั้งแม่และท่านน้าต่างพูดถึงนางอย่างไม่ชอบใจนัก”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel