5. เสียสติไปแล้ว
เฟยเฟยมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างสนใจ เพราะเห็นว่าเป็นน้องสาวเจ้าของร่าง แต่ทำไมหน้าตาถึงได้ห่างชั้นกันขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังปากเสียและดูร้ายกาจมากด้วย เห็นทีตนต้องช่วยสั่งสอนให้รู้จักสัมมาคาระวะในฐานะพี่สาวเสียแล้ว
“ปกติสมัยนี้มักจะสั่งสอนบุตรให้เคารพผู้อาวุโสกว่า โดยเฉพาะผู้ที่มีลำดับขั้นไม่ว่าในจวนหรือนอกจวน แต่ดูจากท่าทางและน้ำเสียงเจ้าที่ส่งเสียงเช่นนี้กับข้า มารดาเจ้าที่อยู่ในจวนสกุลมู่ไม่เคยสั่งสอนเจ้ากระนั้นหรือ เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะเป็นพี่สาวที่ดีสั่งสอนเจ้าแทนมารดาก็แล้วกัน” ว่าพร้อมกับเดินเข้ามายืนตรงหน้าด้วยสายตาคมดุ
ซึ่งต่างออกไปจากที่เคย จนซูฉีต้องถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว ด้วยอาการตื่นตระหนกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มู่เฟยเฟยไม่เคยมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้สักครั้ง ไม่ว่าที่จวนสกุลมู่หรือที่นี่
“ซูฉี ข้าจะสอนมารยาทให้เจ้านะ หนึ่ง ข้าคือพี่สาวเจ้า ข้อนี้เจ้าก็ไม่ควรตวาดหรือพูดจาไม่มีหางเสียงแล้ว สอง เจ้าเป็นเพียงบุตรอนุ อย่าได้ปีนเกลียวกับบุตรสาวคนโตที่เป็นถึงภรรยาเอกเชียว สาม ที่นี่ข้าคือเฉินฮูหยินสะใภ้ใหญ่ของจวน เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาซักไซ้หรือต่อว่าข้ากระนั้นหรือ” ถ้อยคำตำหนิเปล่งออกมาจากผู้ที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยวาจากับใคร คนที่นี่รู้ดีว่ามู่เฟยเฟยออกจากห้องนับครั้งได้เลยตั้งแต่แต่งเข้าจวนมา
ทว่ายามนี้นางกำลังจัดการกับน้องสาว ทำให้บ่าวไพร่ที่กำลังเดินอยู่ในสวนต่างก็ให้ความสนใจ แต่ก็นั่นแหละ ใครจะกล้าหยุดดู ทำได้เพียงแค่เดินผ่านแล้วเงี่ยหูฟังเท่านั้น
“คุณชายไม่เข้าไปหรือขอรับ” จินเตาเอ่ยถามผู้เป็นนายซึ่งยืนนิ่งอยู่ในมุมสวน ดีที่มีก้อนหินใหญ่สูงฉลูดกั้นเอาไว้ จึงทำให้สองพี่น้องไม่เห็นเขา เห่ยฟางจึงได้สัมผัสและได้ยินอะไรใหม่ ๆ
“นางเปลี่ยนไป ออกมายืนรับลมไม่มีทีท่าว่าจะล้มทั้งยืนเช่นแต่ก่อน และยังต่อปากต่อคำเก่งเสียด้วย” เขาเอ่ยสิ่งที่คิดออกมา ก่อนนี้ไม่ได้ใส่ใจนางเลยเพราะยุ่งกับงานราชการ
ทว่าหนึ่งเดือนต่อมามู่เฟยเฟยก็กลายเป็นคนละคนไปได้
“หรือหัวกระแทกจนทำให้คิดอะไรได้มากขึ้นขอรับ” คนสนิทยังคงออกความคิดเห็น ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปอย่างที่เขาเอ่ยเลย
“เจ้าอยากลองหัวกระแทกดูบ้างหรือไม่ เผื่อจะฉลาดขึ้น” เสียงประชดดังมา คนฟังก็ได้แต่ยิ้มแหย
ไยนางถึงได้เปลี่ยนไปมากเช่นนี้
เห่ยฟางยังคงความสงสัยอยู่ในใจ สตรีที่เคยอ่อนแอขี้โรค แม้แต่ถูกลมยามเปิดหน้าต่างนางยังล้มป่วย ทว่ายามนี้กลับยืนสั่งสอนน้องสาวต่างมารดาด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ โดยไม่มีท่าทีสะทกสะท้านต่ออากาศอันหนาวเหน็บนี้เลย และมันยิ่งทำให้เขาอยากรู้ว่าต่อไปนางจะทำเช่นไรอีก
“เจ้าบอกว่ายามหน้าประตูรายงานว่านางปีนหน้าต่างออกมากระนั้นหรือ” หันมากระซิบถามคนของตน
“ขอรับ นางวางเพลิงในกระถางทิ้งไว้ ก่อนจะปีนออกไปทางหน้าต่าง คงหมายจะสร้างเรื่องวุ่นวายขอรับ”
“สมใจแล้วสิท่า” พึมพำออกมา ก่อนจะสนใจฟังสตรีของตนถกเถียงกัน หากเขาเห็นสีหน้านางด้วยคงฉงนมากกว่านี้
ซูฉีถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เพราะสิ่งที่พี่สาวเอ่ยมันจริงจนนางเถียงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางแข็งกร้าวพร้อมเอาเรื่องตลอดเวลานี้ มู่เฟยเฟยไปหัดมาจากที่ใดกัน
“ข้าจะบอกท่านแม่ว่าท่านคิดจะแอบหนีออกจากจวน สตรีที่ใดเขาทำกันบ้าง” ว่าแล้วก็หมายจะหมุนตัวเดินออกไป
“เหอะ! หนีที่ไหนกัน ก็เห็นอยู่ว่าข้าเดินออกไปทางประตู บ่าวไพร่ในจวนก็เห็นตั้งเยอะแยะ เจ้าเองก็เห็น แล้วการที่ข้าจะออกจากจวนจะต้องใช้คำว่าหนีด้วยหรือ นี่ถ้าท่านแม่ข้ารู้ว่าแต่ละวันข้าอยู่ที่นี่ทุกข์ทรมานเพียงใด จะว่าเช่นไรกันนะ น้องสาวที่แต่งเข้ามาใช้สามีคนเดียวกับข้า ก็ยังเอ่ยวาจาหยามหมิ่นราวกับข้าเป็นลูกคนใช้ ไม่รู้ผู้ใดกันที่สั่งสอนมาให้ทำเช่นนี้” ร้ายมาก็ร้ายกลับนี่คือนิยามของคนในยุคปัจจุบันอย่างเฟยเฟย
คนที่กำลังจะก้าวเดินออกไปหยุดชะงักเท้าทันที หากท่านหญิงรู้ว่าตนรังแกบุตรสาวนางอยู่ตลอด คงไม่ได้ตายดีเป็นแน่ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดร่างสูงของเห่ยฟางก็เดินออกมาจากที่ซ่อน พร้อมกับสายตาคมดุจ้องมองฮูหยินตน
มาอีกคนละ คงแอบฟังนานแล้วสิท่า
ใช้สายตาเดียวกันมองกลับไปอย่างไม่เกรง แรงมาแรงกลับ เฟยเฟยคนนี้ไม่กลัวอยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าตนเป็นบุตรใคร บอกเลยคำว่า ‘เบ่ง’ ยังน้อยไป นางจะทำให้ทุกคนที่เคยรังแกเจ้าของร่างได้รู้ซึ้งถึงคำว่า ‘ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว’ อย่างทั่วถึงแน่
“ท่านพี่ พี่หญิงกำลังจะหนีออกไปข้างนอก หลังจากที่นางเผาเรือนแล้วเจ้าค่ะ” ซูฉีรีบรายงานทันทีที่ได้โอกาส
เฟยเฟยยกยิ้มตรงมุมปาก มองน้องสาวด้วยสายตาเหยียด ก่อนจะหันมาหาคนตัวโตที่ยืนนิ่งมองนางอยู่
“ข้าไม่ได้เผาเรือน แค่เผาเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ เพราะรู้สึกว่ามันเก่ามาก และคงเป็นของที่ใส่มานานหลายปีแล้ว ไม่รู้คนสกุลเฉินเลี้ยงเมียยังไง ถึงได้ดูไม่ต่างจากคนใช้เลย” เอ่ยเสียงเรียบ
และมันก็สร้างความขุ่นมัวในใจของเห่ยเฟยยิ่งนัก เพราะคำที่นางเอ่ยมันก็จริงดั่งว่า อาภรณ์ของมู่เฟยเฟยแม้แต่ชุดที่ใส่อยู่ก็ยังเก่าซอมซ่อ มันซีดไม่ต่างกับชุดคนงานชายในจวนใส่ ต่างจากซูฉีที่สวมอาภรณ์หลากสีดูแล้วสบายตากว่ามาก
“ข้าอยากรู้จริงเชียว หากมารดาข้ามาพบในยามนี้ สามีข้าจะบอกกับนางว่าอย่างไร” ขู่เขากลาย ๆ แต่มันไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายนึกกลัวเลยสักนิด นั่นเป็นเพราะท่านหญิงไม่มีทางมาที่นี่ได้ เพราะนางเดินทางไปต่างเมืองกับท่านโหว ตรวจตราดูเขื่อนที่กำลังสร้างทางใต้ ซึ่งมันต้องใช้เวลานานน่าจะเป็นปี
“หึหึ ข้าคงต้องบอกข่าวร้ายแก่เจ้าแล้วล่ะ บิดาและมารดาเจ้าคงมาที่นี่ไม่ได้อีกนาน เพราะทั้งสองไปตรวจงานที่ต่างเมือง เสียใจด้วยนะ เจ้าคงต้องรอเป็นปีเชียวล่ะ” เย้ยกลับเมื่อได้โอกาส และมันก็ทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าเจื่อน
“ชิ! กล้าดียังไงมาขู่ท่านพี่ รีบจัดการนางเรื่องที่เผาเรือนเถอะเจ้าค่ะ หากท่านแม่กลับมาจากศาลเจ้าต้องโมโหมากแน่ ที่ท่านพี่ปล่อยนางไปโดยไม่ลงโทษอันใดเลย” ยังมิวายเสี้ยม
“ฮ่าฮ่า นี่สามีข้าถึงกับต้องให้เมียน้อย เอ๊ย! อนุเตือนสติเลยหรือ คิดเองไม่เป็นว่างั้น เหอะ! แต่ช่างเถอะ ข้าจะออกไปข้างนอก หาซื้อชุดสวย ๆ ใส่ ใครก็ห้ามข้าไม่ได้ทั้งนั้น” บอกก่อนจะยกคิ้วใส่อีกฝ่าย รวมถึงน้องสาวที่จ้องนางเขม็ง ดูท่าซูฉีคงอยากกริ๊ดออกมาด้วยนั่นแหละ แต่เผอิญอยู่ต่อหน้าคนตัวโตก็เท่านั้น
เฟยเฟยหมายจะเดินออกไปจากตรงนี้ เพราะเบื่อท่าทางของฝ่ายตรงข้ามเต็มที ทว่าแค่นางก้าวเท้าก็ถูกมือเรียวรั้งไว้เสียแล้ว และมันก็แรงพอให้ร่างเล็กเซถลาเข้าหาเขา
ทุกคนต่างก็ตกใจกับการกระทำของผู้เป็นนาย เพราะไม่เคยทำรุนแรงกับฮูหยินมาก่อน และดวงตาเขาก็แข็งกร้าวมาก
“ที่นี่จวนสกุลเฉิน ข้าคือบุตรชายคนโตของตระกูล ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งใคร ทว่าวันนี้หากเจ้าอยากออกไปข้างนอก ข้าจะอนุญาตก็แล้วกัน แต่มีข้อแม้ว่าข้าต้องไปด้วย ต้าฟู่ไปเตรียมรถม้า” สิ้นคำเขาก็ดึงแขนนางไปที่ประตูทางออก
“ทะ ท่านพี่ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ” ซูฉีรีบเอ่ยและตั้งท่าจะวิ่งตาม ทว่านางต้องหยุดชะงักเมื่อนิ้วเรียวชี้มา
“เจ้าชอบเอาใจมารดาข้ามิใช่หรือ ประเดี๋ยวท่านแม่ก็กลับมาแล้ว คุกเข่ารอรับใช้นางที่หน้าห้องโถงเถอะ” มันคือคำสั่งที่อนุอย่างซูฉีต้องทำตามแบบเลี่ยงไม่ได้
ใครจะคิดว่าอยู่ดีดีความผิดก็ตกมาอยู่ที่นาง ทั้งที่ไม่ได้เผาเรือนและไม่ได้คิดจะหนีออกไปด้วย มู่เฟยเฟยต่างหากที่ทำ สร้างความคับแค้นใจให้กับคนมาทีหลังยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะท่าทางและยิ้มหยันที่พี่สาวส่งมาให้เมื่อเห็นตนถูกลงโทษ
“ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าอยู่เป็นสุขแน่มู่เฟยเฟย” พึมพำออกมาอย่างแค้นเคือง มองบุรุษอันเป็นที่รักพาพี่สาวตนออกไป
#แสบขึ้นทุกทีแล้วลูกสาว