บทย่อ
'สามีที่ดี คือสามีใหม่' คำนิยามของสาวยุค 2024 หนึ่งในนั้นคือเฟยเฟย นักสืบสาวมือฉมัง เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่ในนิยาย แต่ดันแต่งงานมีสามีแล้ว และเขาก็ไม่ใช่สามีที่ดีเลย ชีวิตนี้จะมีวันหลุดพ้นไหมนะ 'สามีที่ดี คือสามีใหม่' คำนิยามของสาวยุค 2024 หนึ่งในนั้นคือเฟยเฟย นักสืบสาวมือฉมัง เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่ในนิยาย แต่ดันแต่งงานมีสามีแล้ว และเขาก็ไม่ใช่สามีที่ดีเลย ชีวิตนี้จะมีวันหลุดพ้นไหมนะ
1. ไม่ได้ดั่งใจ
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก ทว่ามันยังไม่เท่าใจของสตรีนางหนึ่ง มือเล็กพยายามยกขึ้นด้วยอาการสั่นเทา เปิดบานหน้าต่างที่ไม่ได้ใส่กลอนออก แสงไฟด้านในเล็ดลอดออกมา ส่องกระทบกับดวงตาสวยที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำใส มันล่วงแหมะลงมาไม่ขาดสาย เมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของสามีกำลังกอดก่ายอยู่กับน้องสาวของตนบนเตียงกว้างในคืนเข้าหอของทั้งคู่
มันไม่ควรต้องเป็นเช่นนี้
ใจร้าย! ใจร้ายยิ่งนัก
“อ๊า…ท่านพี่...อื้อ…ข้าเสียว” เสียงคนด้านในครางออกมา พร้อมกับกอดร่างแกร่งไว้อย่างแนบชิด
“ชอบมิใช่หรือที่ข้าอยู่บนตัวเจ้าเยี่ยงนี้…ฮึ่ม…ข้าจะกระแทกให้ลุกไม่ขึ้น เอาให้สมใจอยากของเจ้าเลย” เสียงรอดไรฟันเปล่งดังลั่นห้อง พร้อมกับอัดเอวสอบของตนลงกระแทกใส่หว่างขาที่อ้ารอราวกับจะลงโทษเสียอย่างนั้น
ทว่าคนด้านนอกที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างกลับรู้สึกต่างออกไป
“ฮูหยินอย่าดูเลยนะเจ้าคะ” เสียงเตือนของสาวใช้ดึงสติให้นางหันหนีจากภาพตรงหน้า ซึ่งมันทำให้ใจเจ็บยิ่งนัก
“เพราะข้าไม่อาจมีบุตรให้เขาได้ เขาจึงไม่ไยดีความรู้สึกข้าใช่หรือไม่ ข้ามันคนขี้โรคอ่อนแอสินะ” ต่อว่าตนเองที่ไม่อาจร่วมหอกับบุรุษอันเป็นที่รักได้ แม้มู่เฟยเฟยจะรู้ว่าเขาไม่ได้มีใจให้นางแต่แรกก็เถอะ ทว่าเห่ยฟางก็ยังดูแล แม้จะไม่ดีเท่าใดนัก เพราะเขาจะพูดดีด้วยแค่ยามอยากได้บางสิ่งเท่านั้น
“ฮูหยินอย่าโทษตนเองเลยนะเจ้าคะ ต่อให้ท่านมีบุตรได้ อย่างไรเสียคุณชายก็ต้องแต่งอนุคนอื่นเข้ามาอยู่ดี แม้แต่บิดาท่านที่รักท่านหญิงมากยังต้องรับอนุเข้ามาเสริมบารมีให้ตนเลย” สาวใช้วัยสิบหกเตือนสติให้รู้ว่าอย่างไรเรื่องเหล่านี้ก็ต้องเกิดขึ้น
“อื้อ…ท่านพี่แรงไปแล้วเจ้าค่ะ อ๊ะ...อ๊า…ข้าเสียว” เสียงจากด้านในแว่วมากระทบโสตประสาทของคนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง
จากที่ช้ำระทมอยู่แล้ว ใจดวงน้อยก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
นางมองร่างแกร่งของสามีอัดเอวสอบเข้าใส่คนใต้ร่างอย่างเมามัน เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง ชักพาให้หยดน้ำตาไหลรินลงมาไม่หยุด มือไม้สั่นเทาใจเต้นรัว ทุกอณูในร่างกายยามนี้แทบจะแตกดับสลายไปกับสายลมเพราะภาพเบื้องหน้า
“เขาทำได้เยี่ยงไร ไยไม่นึกถึงใจข้าบ้าง” เสียงตัดพ้อสั่นเครือเปล่งออกมา มันเบามากจนคนที่ยืนประกบแทบจะไม่ได้ยิน
ความเจ็บปวดทรมานใจของมู่เฟยเฟยมีมากจนไม่อาจบรรยายได้
ดวงตาพร่าเลือนไปด้วยน้ำใสยังคงมองสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับจะย้ำเตือนตนเอง ให้ตระหนักถึงความเป็นจริงของยุคนี้ บุรุษสามารถมีภรรยาได้หลายคน และหลับนอนกับพวกนางได้โดยไม่ต้องใช้ความรัก ขอแค่อีกฝ่ายอ้าขาให้ก็ยินดีจะสนอง และยามนี้สามีนางก็ทำเช่นนั้นอยู่ ใบหน้าเขาดูมีความสุขเป็นอย่างมาก หากคนใต้ร่างเป็นนางเขาจะสุขสมเพียงนี้หรือไม่
“พาข้ากลับห้องเถอะ” เอ่ยทั้งน้ำตา สองขาแทบจะก้าวไม่ออก เพราะไร้แรงเหลือเกิน ทว่าการยืนอยู่ตรงนี้มันไม่ได้ช่วยให้หลุดพ้น มีแต่จะทำให้ตนนั้นต้องทุกข์หนักยิ่งกว่าเดิม
กว่าร่างกายนี้จะกลับมาถึงห้องได้ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งก้านธูป ซึ่งเรือนพักมันไม่ได้ไกลเลย ทว่าร่างนี้เหม่อลอยจนไม่รู้ทิศทางแล้ว ดีที่มีสาวใช้คอยประคองอยู่ไม่ห่าง
“ฮูหยินอย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าคะ ท่านรักษาตนเองให้หายดีกว่า ภายหน้าแข็งแรง คุณชายต้องหันมาสนใจท่านแน่” เสี่ยวจูปลอบผู้เป็นนายซึ่งน่าสงสารยิ่งนัก ตั้งแต่แต่งเข้ามาก็ไม่ได้รับการเอาใจใส่จากสามีเท่าที่ควร วันนี้ก็ยังเสพสมกับน้องสาวของฮูหยินตนได้โดยไม่นึกแคลงใจเลยสักนิด
คงเป็นเพราะมู่เฟยเฟยเจ็บป่วยมาตั้งแต่อายุสิบขวบ และมันยาวนานมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งนางอายุสิบแปดแล้ว ร่างกายก็ยังทรุดโทรมไร้แรงเช่นเดิม ที่สำคัญท่านหมอบอกว่านางมิอาจตั้งครรภ์ได้ จึงทำให้มารดาสามีแต่งเอาน้องสาวนางเข้ามา เพื่อให้สกุลทั้งสองยังคงผลประโยชน์ร่วมกัน
ความเจ็บช้ำจึงตกที่ผู้แต่งเข้ามาก่อนอย่างมู่เฟยเฟย หากนางมิใช่บุตรของท่านหญิงก็คงไม่มีทางได้แต่งเข้าจวนใดทั้งนั้น เพราะอำนาจของท่านโหวผู้เป็นบิดามีมาก ทำให้สกุลเฉินอยากเกี่ยวดองด้วย และมารดานางก็ยังเป็นถึงท่านหญิงบุตรสาวอดีตราชวงค์ก่อนมีทั้งบารมีและผู้คนนับหน้าถือตา
ทำให้สกุลเฉินยอมแต่งนางเข้ามาเป็นฮูหยิน แม้จะรู้ว่านางไม่อาจตั้งครรภ์มีทายาทให้กับสกุลเฉินได้ จึงเป็นสาเหตุที่คนในจวนไม่สนใจใยดีมู่เฟยเฟยอย่างที่เห็น
“เจ้าไปนอนเถอะ ข้าอยากนั่งรับลมอยู่ตรงนี้ซักพัก” หันมากล่าวกับสาวใช้ หลังจากกลับเข้าห้องมาแล้ว นางตรงมาที่หน้าต่างแล้วเปิดมันออก ให้สายลมเย็นยามค่ำคืนกระทบหน้า ซึ่งยามนี้มันชาจนไม่รู้สึกหนาวเหน็บอย่างที่ควรจะเป็น
“โถว ฮูหยินอย่าทำเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ ปิดหน้าต่างเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูยังคงเตือน
“เจ้านี่นะ” บ่นไม่จริงจังนัก ก่อนจะลุกเดินไปที่เตียงราวกับว่าในใจไม่มีเรื่องให้คิด ซึ่งมันทำให้สาวใช้แปลกใจเป็นอย่างมาก
ฮูหยินไม่ร้องแล้วหรือ?
ความฉงนเกิดขึ้นในใจ ทว่าเสี่ยวจูก็ไม่กล้าสะกิดให้ผู้เป็นนายต้องคิดถึงมันอีก จึงคิดว่าเงียบไปน่าจะดีกว่า
นางเดินตามผู้เป็นนายมาจนถึงเตียง ก่อนจะดึงผ้ามาห่มให้เช่นทุกคืน และไม่ลืมวางเตาไฟไว้ใต้เตียงเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
“ข้าน้อยจะไปต้มน้ำขิงมาให้อย่าพึ่งหลับนะเจ้าคะ ดื่มก่อนนอนจะได้ไม่เป็นหวัดนะเจ้าคะ” บอกราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็ก ทั้งที่ตนนั้นอายุน้อยกว่าถึงสองปี ทว่านางก็ดูแลมู่เฟยเฟยมาเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว เสี่ยวจูรักผู้เป็นนายดั่งพี่สาวแท้ ๆ
“อืม เจ้าไปเถอะ” ตอบรับแล้วก็ส่งยิ้มให้ ต่างไปจากก่อนหน้านี้มาก ที่สำคัญคือใบหน้านางเรียบเฉยเกินไป
เสี่ยวจูผูกคิ้วเป็นปมทันที ทว่านางก็จำต้องออกไปทำอย่างที่พูด ไม่เช่นนั้นผู้เป็นนายต้องจับไข้หนักเป็นแน่ ออกไปโดนลมในยามค่ำคืนเช่นนี้ ไม่ทรุดกองกับพื้นก็ดีแค่ไหนแล้ว
ทันทีที่เสียงประตูปิดลง ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงก็ขยับกายลุกขึ้นก่อนจะเดินไปยังประตูแล้วเปิดออกไป
ข้าจะอยู่ได้เยี่ยงไร หากต้องทุกข์ทรมานใจเพียงนี้
ข้ารักท่านเฉินเห่ยฟาง ทว่าข้าก็แค่สตรีขี้โรค ไม่อาจอยู่เป็นภาระสกุลเฉินได้อีก และยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่อาจทนเห็นท่านหลับนอนกับผู้อื่นได้ ใจข้ามิอาจทนรับไหวอีกแล้ว
พร่ำเอ่ยกับตนเองในใจ และยามนี้มู่เฟยเฟยก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลาโลกนี้ไปเสีย จะทนอยู่รับความขมขื่นเช่นนี้ไปเพื่ออันใดกัน ภายหน้าหากน้องสาวตั้งครรภ์ นางยิ่งไม่มีที่ยืนในจวนแห่งนี้ สู้ตายไปให้พ้นเสียยังจะดีกว่า
“เห้อ! อ่อนแอชะมัด เขียนออกมาได้ไงแบบนี้ ให้นางเอกขี้โรค ผัวแต่งน้องสาวเข้ามาทำเมียอีกคน ฮึ่ม! แล้วจะบอกว่ามู่เฟยเฟยเป็นนางเอกทำไม ไม่เข้าใจเลย”
เสียงบ่นดังขึ้นในห้องทำงานฝ่ายกองปราบ ทำเอาเพื่อนร่วมงานถึงกับส่ายหัว เพราะคนที่พูดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฟยเฟย นักสืบคนเก่งของกรมตำรวจวัยยี่สิบเจ็ดปี
#ฝากกดใจเติมพลังกันด้วยนะคะ