2. อุบัติเหตุ
เพื่อนในห้องทำงานดูเหมือนจะชินชากับพฤติกรรมนี้แล้ว เพราะมันเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่เธอขัดใจกับบทบาทของตัวละครในนิยาย เรียกง่าย ๆ ก็อินนั่นแหละ ด่าโน่นด่านี่ไปเรื่อย แต่ว่าก็ยังอ่านมันไม่วาง แต่วันนี้ดูเหมือนจะใส่อารมณ์มากกว่าปกติ ถึงได้ส่งเสียงต่อว่าไม่หยุดปาก
“ฉันว่าเธอไปเขียนเองเลยดีไหม อยากให้จบยังไงก็จรดปลายปากกาเองเลย ดีกว่าจะมานั่งด่าตัวละครอยู่แบบนี้” เพื่อนตัวโตเดินเข้ามา พร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งหน้าโต๊ะเธอ กอดอกมองเพื่อนสาวที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย ซึ่งตอนนี้ทำหน้าบูดบึ้งเหมือนคนแบกโลกเอาไว้
“ก็มันขัดใจนี่ ดูสิใกล้จะจบอยู่แล้ว เมียหลวงดันคิดฆ่าตัวตาย มันไม่สมเหตุสมผลสักนิด” ยังพูดถึงบทสุดท้ายที่เธอกำลังอ่าน ซึ่งมันขัดใจเอามาก ๆ ตอนแรกสามีก็ดูรักใคร่ดี แต่พักหลังมันดูเหมือนจะไม่ใช่ เขาทำดีแค่ตอนหวังผลเท่านั้น
พอมีคำสั่งจากแม่ เฉินเห่ยฟางก็รับปากและร่วมเตียงกับน้องสาวเมียซะงั้น จะไม่ให้เธอโมโหได้ยังไง ก็รู้หรอกว่าคนเขียนสื่อถึงขนบธรรมเนียมในยุคสมัยโบราณที่ผู้ชายสามารถมีหลายเมียได้ แต่ก็ไม่น่าจะแต่งน้องเมียเข้ามาเหยียบย่ำน้ำใจกัน
“ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะตัวละครชื่อเหมือนกับเธอใช่ไหม”
จางรั่วหยิบนิยายขึ้นมาอ่าน เขายกยิ้มมองเพื่อนสาวที่ทำหน้าเหม็นบูด ดูท่าคงจะอินหนักและคงคาดหวังว่านิยายจะจบดี พระเอกรักเดียวใจเดียว ไม่มีเล็กมีน้อยสิท่า
“เหมือนก็แค่ชื่อแหละ ถ้าฉันเป็นมู่เฟยเฟยในนิยายนะ ไม่เอาชีวิตมาทิ้งง่าย ๆ แบบนี้หรอก ผัวที่ดีคือผัวใหม่ไม่รู้เหรอ” พูดแล้วก็ดึงหนังสือกลับคืนมา เพราะเธอยังอ่านไม่จบ ยังไงก็ต้องไปให้ถึงหน้าสุดท้าย ถึงแม้ว่ามันจะขัดใจอย่างหนักก็เถอะ
“กลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ ถ้านายว่างก็แวะไปแล้วกัน” พูดพร้อมกับเก็บของใส่กระเป๋าสะพาย
“อืม เจอกันพรุ่งนี้” อีกฝ่ายรีบรับคำ ก่อนจะมองตามร่างเล็กของเพื่อนสาวที่เขาแอบชอบมานาน แต่กลัวจะเสียมิตรภาพดีดีไปเลยไม่กล้าบอกเธอให้รู้ ปล่อยเวลาล่วงเลยจนเข้าปีที่แปดแล้ว
‘เราควรจะสารภาพต่อหน้าคุณน้าคุณอาไหมนะ’ นึกในใจ มันเป็นโอกาสดีที่เขาจะบอกความรู้สึกกับเธอโดยมีพ่อแม่ของเฟยเฟยเป็นพยาน เชื่อว่าพวกท่านอาจจะช่วยให้เขาสมหวังก็ได้
‘แต่ถ้าเฟยเฟยไม่ได้รู้สึกอะไรกับเราล่ะ’ ความกังวลเริ่มเกิดขึ้น ซึ่งมันเป็นปกติของคนที่แอบรักอีกฝ่ายมานาน แต่ความสัมพันธ์ก็ยังเป็นได้แค่เพื่อนสนิท หากไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ก็กลัวว่าจะมองหน้ากันไม่ติด ทำให้เขาลังเลมาจนถึงวันนี้
จางรั่วนั่งคิดเรื่อยเปื่อยอยู่พักใหญ่ เพราะยังไม่อยากกลับห้องที่มันดูอ้างว้างไม่มีใครมาเติมเต็มเสียที แล้วเสียงมือถือของเพื่อนร่วมงานก็ดังขึ้นเรียกสติ และหนักไปกว่านั้นเมื่อคนรับตะโกนขึ้นมาเสียงดังจนทุกคนแทบลืมหายใจ
“เฟยเฟยเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ผู้กองบอกว่าอาการแย่มาก” คนรับสายซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยอีกทีรายงานข่าวให้ทุกคนทราบเรื่อง ซึ่งตอนนี้จางรั่วพุ่งออกไปก่อนแล้ว ตั้งแต่ได้ยินว่าเพื่อนสาวเกิดอุบัติเหตุนั่นแหละ
ณ โรงพยาบาล
จางรั่วเดินไปมาไม่ต่างจากหนูติดจั่น เพื่อนร่วมงานก็ไม่ต่างกันนัก เพราะร้อนใจไม่รู้ข่าวของคนด้านใน ซึ่งตอนนี้หมอกำลังปั๊มหัวใจที่มันหยุดเต้นไปแล้ว
เกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมา หมอหนุ่มร่างสูงก็เดินออกมาแจ้งข่าวกับทุกคนที่ยืนรอฟังอย่างใจจดจ่อ คงมีแค่จางรั่วที่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ เพราะรายงานที่ได้ยินมาคืออาการเฟยเฟยหนักมาก
“ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ คนไข้เจ็บหนัก เราไม่สามารถยื้อชีวิตเธอได้” น้ำเสียงของหมอสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
เพราะเขาเองก็เป็นเพื่อนอีกคนของเฟยเฟย และวันนี้เขาก็พยายามเต็มที่และใช้เวลานานกว่าปกติเพื่อดึงเพื่อนสาวกลับมา แต่ว่าเขาไม่สามารถสู้กับโชคชะตาที่มาพรากเธอไปได้
สุดท้ายเลยต้องยอมปล่อยไปทั้งน้ำตา ซึ่งมันไม่ต่างจากคนที่มายืนรอฟังข่าวในตอนนี้เลย โดยเฉพาะจางรั่วที่ทรุดนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง กอดเข่าตัวเองร้องไห้ไม่อายใคร
“ฉันยังไม่ได้บอกรักเธอเลยนะเฟยเฟย ทำไมถึงหนีกันไปแบบนี้ เธอไม่ชอบฉันก็ไม่เป็นไร แต่อย่าจากไปแบบนี้ได้ไหม กลับมาเถอะนะเฟยเฟย เธอไม่ต้องรักฉันก็ได้ ฉันยอม” เสียงเครือเล็ดลอดออกมา ทำเอาพวกรุ่นพี่ต้องวิ่งมาปลอบเป็นพัลวัน
***********************************************
ท่ามกลางความมืด ร่างโชกเลือดของเฟยเฟยกำลังเดินวนหาทางออก ซึ่งมองไปทางไหนก็มืดมิดไปหมด เธอใช้มือคลำหาทางอย่างทุลักทุเล จนเจอเข้ากับบางสิ่งซึ่งมันเหมือนจะเป็นผนังหิน จึงใช้สิ่งนี้นำทางไปเรื่อย ๆ
ความหนาวเหน็บเริ่มมาเยือนทีละนิดจนขนลุก อีกมือต้องยกขึ้นมากอดตัวเองไว้เพิ่มความอบอุ่น จนกระทั่งเท้าไปสะดุดเข้ากับบางสิ่ง และมันก็ทำให้เธอล้มในความมืดจนหัวกระแทกเข้ากับบางอย่าง ก่อนที่เธอจะนอนแผ่หราที่พื้น
“เกิดอะไรขึ้นกับเรากันเนี่ยะ” บ่นพึมพำกับตัวเอง มองภาพเบื้องบนซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าต้องเป็นปากบ่อ ไม่ก็ปากท่อ เพราะจำได้ว่าตัวเองเกิดอุบัติเหตุตอนที่ขับรถกลับห้อง
สงสัยจะกระเดนตกท่อแน่เลย
นี่คือสิ่งที่คิดได้ในตอนนี้ น่าแปลกที่เธอยังมีสติดี และมองเห็นภาพต่าง ๆ ได้ชัดเจนรวมถึงพระจันทร์ด้านบน ซึ่งมันลอยเหนือปากบ่อพอดี มองแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ
“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เช่นนั้นก็ใช้ชีวิตแทนข้าไปแล้วกันนะ เจ้าอยากให้มู่เฟยเฟยมีจุดจบเช่นไร ก็แล้วแต่เจ้าเลย ข้าไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเธอจึงรีบหันไปดู
มันคือเงาเลือนลางที่ไม่อาจสัมผัสได้
ดวงตาสวยกะพริบถี่มองอีกฝ่ายที่อยู่ห่างเพียงคืบ พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เพราะคนตรงหน้ามีหน้าตาไม่ต่างจากเธอเลย เพียงแต่ดูเด็กกว่าเหมือนตอนเธอพึ่งเข้ามหาลัย แต่ดวงตาคู่นี้กลับเศร้าจนเฟยเฟยรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย ก่อนที่มันจะเลือนหายไปเพียงเสียววินาที
“ผะ..ผี..ผีเหรอ” ถอยกรูดไปจนติดผนัง ดวงตาเบิกกว้างระคนตกใจ อาการตื่นกลัวเกิดขึ้นฉับพลัน เกิดมายังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้เลย จับคนร้ายมีปืนก็ยังไม่นึกหวั่น
แต่นี่คือผีแน่ ๆ ใครมันจะไปกล้าต่อกรกันล่ะ
“แหง้!! จางรั่วช่วยด้วย ฉันโดนผีหลอก” ร้องเรียกหาเพื่อนสนิททันที ก่อนจะค้นหามือถือที่อาจจะหล่นมาด้วย
แต่สิ่งที่พบมีเพียงแผ่นกระดาษใบหนึ่ง และเสื้อผ้าบนตัวที่มันไม่ใช่ชุดเดียวกับที่เธอใส่ ยิ่งไปกว่านั้นคือมันน่าจะเป็นชุดของคนโบราณ ซึ่งมันไม่ควรมาอยู่บนตัวเธอได้
“ฝันเหรอ เราต้องฝันอยู่แน่ ๆ” หยิกตัวเองไปหนึ่งทีก่อนจะร้องออกมา เพราะความเจ็บปวดมีประมาณว่าเธออยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ใจดวงน้อยก็เต้นรัวจนกลัวมันจะทะลุออกมา
“ใจเย็นเฟยเฟย เธอแค่ตกใจจนเห็นภาพหลอน ไม่ก็อาการข้างเคียงหลังเกิดอุบัติเหตุ หลับตาลงพักรอคนมาช่วยดีกว่า” ปลอบตัวเองเพื่อให้สบายใจ
#น้องถูกผีหลอกแล้ว