15. ข่มขู่
ชินอ๋องนั่งมองท่าทางของเฉินเห่ยฟาง ซึ่งดูเหมือนจะห่วงใยภรรยาเอามาก ๆ ก็นึกขันขึ้นมา ได้ยินว่าเขาไม่เคยใส่ใจนางเลยสักนิด ทว่ายามนี้กลับทำเหมือนห่วงใยนักหนา
“เอามือที่แสนสกปรกของเจ้าออกห่างจากตัวข้า” เปล่งเสียงรอดไรฟันใส่เขาโดยไม่เกรงใจสักนิด
“อย่าทำเช่นนี้เลยนะ ไม่เจอเจ้าหลายวันพี่คิดถึงเจ้ามากรู้หรือไม่เฟยเฟย” เห่ยฟางโผเข้ากอดร่างเล็กจนทุกคนในศาลาตื่นตระหนก โดยเฉพาะเฟยเฟยที่ไม่ทันตั้งตัว รวมถึงชินอ๋องด้วย
“มีเรื่องใดหรือ ไยถึงมาชุมนุมกันที่นี่” เสียงทุ้มทรงอำนาจดังขึ้น ทำให้ทุกคนต้องหันไปยังที่มาทันที
“ท่านโหว ท่านหญิง” เสียงคนในจวนเอ่ยเรียก ก่อนจะหลบทางให้ผู้มาใหม่เดินเข้ามาร่วมวง
“ท่านอ๋องก็อยู่ด้วยหรือ ครึกครึ้นดีเหลือเกินนะ” เสียงอ่อนของท่านหญิงฟูหรงดังขึ้น สมกับเป็นราชนิกูลจริง ๆ แม้จะมีอายุเลยสี่สิบไปแล้ว ทว่านางยังดูงดงามต่างจากคนรุ่นเดียวกันมาก
‘พ่อแม่ของมู่เฟยเฟยงั้นเหรอ’ นึกในใจมองผู้อาวุโสทั้งสอง ซึ่งทั้งคู่กำลังทำความเคารพชินอ๋องตามฐานะ
“เรื่องคืนนั้นหากเจ้าไม่อยากให้ชาวเมืองรับรู้ว่าตนคบชู้สู่ชาย ก็จงบอกบิดามารดาว่าจะกลับไปกับข้า และห้ามเอ่ยถึงเรื่องหย่าอีก ไม่เช่นนั้นสกุลมู่คงจบสิ้นแน่ รวมถึงบุรุษผู้นั้นที่อยู่กับเจ้าด้วย เมื่อใดที่ข้าหาตัวมันพบ ข้าจะนำหัวมันมาฝากเจ้านะเมียรัก” เสียงกระซิบที่สามีเอ่ย มันเข้าหูทุกคำไม่มีขาดหาย
จากที่ตกใจในคราแรก ยามนี้นางแทบจะยืนไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ เพราะไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ สรุปบุรุษผู้นั้นไม่ใช่สามีหรือ แล้วเป็นใครกันล่ะ ใครกันที่นางเล่นบทรักอันเร่าร้อนด้วย ถึงกับร้าวระบมไปทั้งตัวจนจับไข้ เขาคือใคร?
หรือเห่ยฟางคิดจะใช้เรื่องนี้มาขู่นางเพื่อไม่ให้คิดหย่า แต่แท้ที่จริงก็เป็นเขานั่นแหละ ก็ในคืนนั้นนางจำได้ดีว่าใบหน้าเขาชัด ๆ หรือว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยากันแน่
ในใจยามนี้นางไม่อาจตั้งรับเรื่องต่าง ๆ ได้ทัน วัน ๆ เจอแต่อะไรไม่รู้ แทบไม่ได้หายใจหายคอเลยด้วยซ้ำ ยามนี้บิดามารดาเจ้าของร่างก็กลับมาอีก หากนางยังยืนกรานว่าจะหย่า แล้วเห่ยฟางป่าวประกาศเรื่องนั้นล่ะ จวนสกุลมู่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
ยามนี้ในหัวตีกันยุ่งเหยิงไปหมด จนไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ถูก เป็นเพราะนางลำพองใจว่าตนเก่งและทันคน ทว่าที่นี่ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน ความคิดของผู้คนยากเกินจะคาดเดา เล่ห์ที่ใช้ก็ล้วนแต่แพรวพราวและเต็มไปด้วยกลโกงเพื่อประโยชน์ของตน นางคิดผิดจริง ๆ ที่ปรามาสเฉินเห่ยฟางเกินไป
ใบหน้างามเศร้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงเฟยเฟยจะปากร้ายดูเหมือนคนเย็นชา แต่นางก็ไม่ใช่คนใจดำถึงกับทำร้ายครอบครัวเจ้าของร่างได้ ถึงอย่างไรตนก็ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในฐานะบุตรสาวของจวนนี้อยู่ คิดอ่านสิ่งใดก็ต้องให้รอบคอบ
“เฟยเฟยมาหาแม่มาลูก ดูเจ้าหน้าซีดลงนะ ได้ยินว่าป่วยหนักจนจวนสกุลเฉินต้องส่งกลับมาเลยหรือ” ร่างเล็กขยับเท้าเดินไปเพราะแรงดันจากมือเรียวด้านหลัง
ก่อนที่เห่ยฟางจะคุกเข่าลงตรงหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง
“ลูกเขยผิดเองขอรับที่ไม่ดูแลน้องให้ดี ก่อนนี้พานางออกไปเที่ยวนอกเมือง เพราะเห็นว่าร่างกายแข็งแรงดีแล้ว พอได้ออกไปก็เพลิดเพลินจนลืมไปว่าน้องหญิงร่างกายไม่สู้ดี นางหมดสติไปกระทันหัน ลูกเขยจึงพาไปพักที่เรือนนอก เพราะไม่อยากให้ใครรบกวน ทว่ามีงานด่วนเข้ามาซึ่งท่านอ๋องเป็นคนสั่งการให้ไปทำ ลูกเขยจึงออกไปอย่างรีบร้อน ยามนั้นคนของลูกเขยไม่รู้จะทำเช่นใด พวกเขาจึงพานางมาฝากให้คนที่นี่ดูแลขอรับ”
เขาร่ายยาวราวกับสิ่งที่เอ่ยมานั้นคือเรื่องจริง เฟยเฟยถึงกับหน้าแดงก่ำทว่าทำสิ่งใดไม่ได้ นางมองเขาด้วยอารมณ์คุกรุ่น มือที่จับแขนมารดาอยู่ก็ออกแรงบีบโดยไม่รู้ตัว
“อย่างนี้เองหรือ” ท่านโหวกล่าวราวกับเข้าใจสิ่งที่บุตรเขยเอ่ย ก่อนที่เขาจะหันมาหาบุตรสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน
“พี่เขามารับ เจ้าก็ควรจะกลับไปได้แล้ว ประเดี๋ยวชาวเมืองจะหาว่าสกุลเฉินไม่อยากได้เจ้าเป็นฮูหยิน ถึงต้องเอามาส่งคืนนะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” บิดายังไม่วายเอ่ยเย้าเช่นเคย
ท่านโหวรู้ว่าบุตรสาวรักเห่ยฟางมาก เรื่องหย่านางคงแค่งอนสามีเท่านั้น เฟยเฟยจึงได้ส่งจดหมายไปให้พวกเขาช่วยพิจารณา แต่พอเห็นบุตรเขยยอมรับผิดเช่นนี้เขาก็ปลื้มใจ
คาดหวังว่าทั้งสองจะครองคู่กันอย่างเป็นสุขในวันหน้า เพราะบุตรสาวดูแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เห็นเช่นนี้ก็เป็นสุขยิ่งนัก
เฟยเฟยนิ่งไป นางเข้าใจว่าบิดาเจ้าของร่างอาจจะเห็นแก่ผลประโยชน์เช่นกัน จึงไม่คิดจะถามไถ่บุตรสาวเช่นนี้ ทว่าความเป็นจริงแล้วบุพการีทั้งสองต่างก็เห็นความสุขนางมาก่อน
เพราะมู่เฟยเฟยรักเฉินเห่ยฟางมาก พวกเขาเองก็รักนางดั่งแก้วตาดวงใจ จึงได้ยอมให้นางแต่งงานกับขุนนางชั้นผู้น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นสามีก็ยังยอมขอโทษแต่โดยดี จึงคิดว่าทั้งคู่อาจจะแค่มีเรื่องงอนกันตามประสาสามีภรรยาเท่านั้น เห่ยฟางมาง้อเช่นนี้อีกไม่นานก็ใจอ่อนยอมกลับไปเหมือนเดิม
ทว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดสักนิด นางกำลังเข้าใจไปอีกอย่างซึ่งมันตรงข้ามกัน เพราะไม่รับรู้ถึงความหวังดีของทั้งคู่
“มีเรื่องใดหรือเปล่า” ท่านหญิงเอ่ยถามบุตรสาวแผ่วเบาให้ได้ยินกันสองคน “ไม่อยากกลับไปหรือ” น้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งนัก ทำเอาเฟยเฟยแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา เพราะรับรู้ถึงความเป็นห่วงของอีกฝ่ายได้ดี ความคิดก่อนหน้านั้นจึงแทบมลายหายไป
“ดูท่าคุณหนูใหญ่คงคิดถึงบิดามารดากระมัง ตั้งแต่แต่งงานไปก็แทบจะไม่ได้พบกันเลยมิใช่หรือ ไยพี่หญิงไม่ให้นางพักอยู่ที่นี่สักสองสามวันก่อนเล่า จวนสกุลเฉินก็อยู่แค่นี้เอง จะกลับไปเมื่อไหร่ก็ได้ว่าหรือไม่” ซีเหยียนเอ่ยแนะ
และเขาเองก็อยากรู้ด้วยว่าเฉินเห่ยฟางเอ่ยอันใดกันแน่ เฟยเฟยถึงได้มีท่าทีกล้ำกลืนฝืนทนเพียงนี้
“นั่นสิ คราวก่อนลูกก็นอนป่วยตอนแม่ไปเยี่ยม วันนี้โชคดีที่กลับมาแล้วเห็นว่าแข็งแรงดี ลุกเดินเหินได้เช่นคนอื่น แม่ดีใจยิ่งนัก เห่ยฟาง ข้าขอตัวบุตรสาวไว้สักสองสามคืนแล้วกันนะ เจ้าคงไม่ว่ากระไรใช่หรือไม่” หันมาเอ่ยกับคนที่ยังคุกเข่าอยู่
“ขอรับท่านแม่ เช่นนั้นลูกเขยก็ขอพักอยู่ที่นี่ด้วยเลยแล้วกันนะขอรับ จะได้อยู่ดูแลน้องหญิงด้วย” ในเมื่อถูกมัดมือชกต้องยอมให้ฮูหยินพักอยู่ที่นี่ เขาก็จะมัดมือชกกลับเช่นกัน จะได้ไม่เปิดโอกาสให้นางบอกเล่าเรื่องราวใด ๆ ให้บิดาหรือมารดาฟัง
“ดี เป็นสามีก็ต้องดูแลภรรยานั่นแหละถูกต้องแล้ว ข้าดีใจยิ่งนักที่เห็นพวกเจ้ารักใคร่กัน แค่นี้ก็ตายตาหลับแล้ว”
ว่าไปตามประสาคนเป็นพ่อ ก่อนจะชักชวนทุกคนเข้าเรือน พร้อมกับเชิญท่านอ๋องอยู่ร่วมทานอาหารด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าชินซีเหยียนไม่มีทางปฎิเสธแน่ ดีที่เข้าออกที่นี่บ่อยครั้งยามอยู่เมืองหลวง เห่ยฟางจึงไม่ระแคะระคายเกี่ยวกับตน ไม่สงสัยเลยสักนิดว่าคนที่พาฮูหยินเขาออกมาคือชินอ๋อง
อนุเจียวบอกว่าคนเหล่านั้นปิดบังใบหน้าเอาไว้ไม่รู้ใครเป็นใคร สภาพของเฟยเฟยก็ดูไม่ดีเลย ไร้สติอย่างเห็นได้ชัดและมีไข้ขึ้นด้วย ทำให้อนุหลินต้องรีบพาเข้าด้านใน คนที่ยังอยู่จึงรีบถามเอาความ แต่หนึ่งในกลุ่มคนนี้ก็เอ่ยแค่ว่าพวกเขาเป็นคนของเฉินเห่ยฟาง ผู้เป็นนายให้นำตัวมาส่งที่นี่เพื่อรักษา
นึกมาถึงตรงนี้ หากมิใช่เพราะท่านอ๋องสั่งงานให้ทำ นางคงได้นอนครางใต้ร่างเขาแทนมิใช่ผู้อื่น ครั้นจะกลับไปจัดการก่อนออกไปทำงาน ท่านอ๋องก็สั่งให้คนสนิทอย่างจ้าวจงตามมา เห่ยฟางจึงปลีกตัวออกมาทำตามที่หวังไม่ได้
หากคนของเขาไม่แกล้งสลบหลังจากถูกทำร้าย และมาบรรยายเสียงครางของสตรีในห้องนั้นให้ฟัง เขาคงไม่รู้ว่าฮูหยินตนนั้นร้อนแรงเพียงใด ไม่สมกับคนที่ป่วยมาหลายปีเลยสักนิด
เขาจึงสั่งสังหารคนทั้งเจ็ดเสีย เพื่อไม่ให้เรื่องนี้แพร่งพราย ออกไป ไม่เช่นนั้นหากบิดามารดานางรู้สาเหตุที่เกิดขึ้น เขาคงไม่มีทางรอดแน่ ดีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาสืบข่าวได้ก่อน จึงรุดมาที่นี่ และเป็นจังหวะที่ท่านโหวและท่านหญิงกลับมาพอดี ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กอดนางและพร่ำพรรณนาว่ารักหรอก
เฉินเห่ยฟางเป็นคนฉลาด คิดทุกอย่างเพื่อสนองผลประโยชน์ของตน ไม่เคยนึกถึงใจของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะสตรีที่ทำให้เขาได้รับความอับอาย ตราบที่ยังหาตัวบุรุษผู้นั้นไม่พบ เขาไม่มีทางเป็นสุขแน่ มู่เฟยเฟยก็เช่นกัน
#โดนขู่ซะแล้วลูกสาวเรา
#ขอโทษที่อัพช้านะคะ ไรท์ไปหาหมอมาแล้วเพลีย วันนี้ลงให้แล้วนะคะ