16.ยิ่งต้องทำ
ฟูหรงพาบุตรสาวเดินตรงไปยังห้องพัก ซึ่งมีเห่ยฟางตามมามิห่าง ทำราวกับเขาเป็นห่วงภรรยานักหนา
“ข้าขอคุยกับเฟยเฟยตามประสาแม่ลูกได้หรือไม่ เจ้าไปคุยกับท่านอ๋องและท่านโหวทางโน้นเถอะ” เอ่ยอ่อนโยนเช่นเคย
“เอ่อ ขอรับ ทว่าลูกเขยมีเรื่องจะคุยกับน้องหญิงสักสองสามคำ ขอตัวนางจากท่านแม่สักประเดี๋ยวนะขอรับ” เขาไม่เพียงแต่เอ่ย ทว่ายังเดินเข้ามารั้งมือนางให้เดินตามมาด้วย
คนแก่จึงได้แต่ยิ้มอ่อนส่งให้ ปล่อยบุตรสาวไปคุยกับสามีเสียก่อน เท่าที่ได้ยินมา เห่ยฟางก็ไม่ได้เจอเฟยเฟยมาหลายวันแล้วเช่นกัน คงมีเรื่องถามไถ่กันนั่นแหละ นางจึงเข้าไปรอด้านใน
เห่ยฟางพาร่างเล็กมาหยุดที่ข้างเรือน เขามองนางด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่ต่างจากเฟยเฟยเช่นกัน
“เรื่องคืนนั้นข้าจะไม่รื้อฟื้นถึงมันอีก ขอแค่เจ้ากลับไปกับข้า ในเมื่อเจ้าแข็งแรงดีแล้ว ต่อไปเราก็อยู่กันเช่นสามีภรรยาคู่อื่นได้ ข้าจะมอบความสุขให้เจ้าทุกคืน เจ้าอยากได้สิ่งใดข้าจะหาให้ไม่ต้องกลัวว่าจะน้อยหน้าสตรีชั้นสูงในเมือง ขอแค่เจ้าไม่หย่ากับข้าก็พอนะเฟยเฟย” เสียงทุ้มอ่อนดังมาให้ได้ยิน จนเกือบจะเคลิ้มตามอยู่แล้วหากไม่ได้ยินประโยคต่อมา
“แต่ถ้าเจ้ายังดื้อดึง เรื่องคืนนั้นก็จะแพร่สะพัดไปทั่วเมือง มาดูกันสิว่าสกุลมู่จะเป็นเช่นไรต่อไป อย่าลืมว่าท่านหญิงเป็นถึงราชนิกูลเก่า ทำนางขายหน้าถึงเพียงนี้ ดูท่ามารดาเจ้าคงตรอมใจตายเป็นแน่” สุดท้ายเขาก็มิวายขู่นาง
“หึหึ ข้าก็หลงคิดว่าเจ้าจะอ่อนโยนมากกว่านี้ ที่ไหนได้หางโผล่ออกมาเสียแล้ว แต่เอาเถอะ ถือว่าข้าทำเพื่อสกุลมู่ก็แล้วกัน ข้าจะกลับไปกับเจ้าเมื่อครบกำหนดอยู่ที่นี่ แล้วไม่ต้องมาย้ำเรื่องนี้กับข้าอีก เพราะข้าไม่ชอบคนพูดมาก” สิ้นคำนางก็เดินจากไป
“ก็ดี อย่าลืมข้อตกลงของเราเสียล่ะ” ยังมิวายเอ่ยตามหลัง ก่อนจะยกยิ้มอย่างชอบใจ สตรีตัวแค่นี้หรือคิดจะต่อกรกับเขา กลับจวนเมื่อไหร่เขาจะให้นางร้องครางอยู่ใต้ร่างทั้งวันทั้งคืน เอาให้สมความต้องการของนางเมื่อครั้งที่อยากแต่งเข้ามาเลย
เฟยเฟยถึงกับถอนใจก่อนจะหยุดลงใกล้หน้าประตู นางไม่อยากให้มารดาเจ้าของร่างเป็นกังวล
“คุณหนู ทำอย่างไรดีเจ้าคะ” เสี่ยวจูผู้อยู่ในเหตุการณ์และรู้เรื่องไม่น้อยกว่าคนของชินอ๋องเอ่ยถามเสียงเบา
“ในเมื่อเขาอยากให้ข้ากลับ ข้าก็จะจัดให้สมอยาก” บอกอย่างมีเลศนัย คราวนี้นางจะไม่ประมาทอีกแล้ว หนามยอกก็ต้องใช้หนามบ่ง รับรองว่าจะจัดให้เลือดซิบเลย
“เสี่ยวจู สองสามวันนี้เตรียมของให้ข้าที อย่าให้ใครรู้ล่ะ” สิ้นคำนางก็กระซิบกับสาวใช้ อีกฝ่ายก็ยิ้มรับ ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินออกไป และมันก็ไม่พ้นสายตาชินอ๋องที่เฝ้ามองอยู่
เขาหันไปหาคนสนิทและออกคำสั่งด้วยสายตาโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยอันใด จางเหยาจึงแสร้งขอตัวไปทำธุระ
“ปล่อยท่านอ๋องรอนานเลยขออภัยนะพ่ะย่ะค่ะ” ท่านโหวเดินออกมาพร้อมบุตรเขย ซึ่งมีท่าทางชื่นมื่นยิ่งนัก
“ที่นี่ก็เปรียบเสมือนบ้านข้าอีกหลัง ไยท่านโหวต้องเกรงใจ ข้าเสียอีกที่มาบ่อยจนจะถูกชังน้ำหน้าอยู่แล้ว” เอ่ยติดตลก
“ฮ่าฮ่า นั่นสิ นี่ถ้าหม่อมฉันยังเหลือบุตรสาวที่ยังไม่แต่งออกไป ผู้คนคงคิดว่าพระองค์มาเกี้ยวบุตรกระหม่อมเป็นแน่” คนแก่ก็เย้ากลับ ก่อนที่จะนั่งลงตรงข้ามกัน
*************************
ภายในห้องพักของเฟยเฟย ยามนี้นางนั่งให้มารดาหวีผมเหมือนสมัยเด็ก และก่อนจะออกเรือนไป
“มีเรื่องในใจหรือ? เล่าให้แม่ฟังได้หรือไม่”
ดวงตาสวยมองไปยังกระจกทองเหลืองที่ส่องสะท้อนมา แววตาห่วงใยของมารดาทำเอานางพูดไม่ออกจริง ๆ เกรงจะทำคนแก่คิดหนักและล้มป่วยไปเสียก่อน
“เปล่าเจ้าค่ะ ท่านแม่เดินทางมาเหนื่อย ๆ ลูกว่ากลับไปพักดีกว่านะเจ้าคะ” หันกลับมากอดเอวอีกฝ่ายไว้
“เด็กดีของแม่ เดี๋ยวนี้รู้จักห่วงคนอื่นด้วยหรือ แต่ก่อนเห็นเจ้านึกถึงแค่เห่ยฟาง หายใจเข้าออกก็มีแต่คนผู้นี้ ร่ำร้องอยากแต่งงานด้วยจนในที่สุดก็สมหวัง เหตุใดยามนี้ถึงได้ดูรังเกียจเขานัก คิดว่าแม่ดูไม่ออกหรือ” กล่าวพร้อมกับลูบหัวไปด้วย
ทำให้ใบหน้างามเงยขึ้นสบตามารดาทันที
“มีเรื่องใดเอ่ยมาเถอะ เห่ยฟางหรือผู้ใดกันที่รังแกเจ้า”
“ทะ ท่านแม่” เสียงเครือเปล่งออกมา หากตนเอ่ยมารดาเจ้าของร่างจะทุกข์ใจเพียงใด ไม่ว่าทางไหนนางก็ไม่ควรพูด
“เฟยเฟยการที่แม่และพ่อยอมให้ลูกแต่งกับเห่ยฟางมิใช่เพราะผลประโยชน์ เป็นเพราะเจ้าร้องขอจึงได้เกิดงานมงคลนั้นขึ้นมา แต่ถ้าวันนี้เจ้าไม่อยากเป็นภรรยาเขาแล้วก็แค่บอก แม่กับพ่อจะเอาลูกคืนมาเอง” บอกเสียงอ่อนโยน พร้อมกับยกมือขึ้นลูบแก้มเนียน ซึ่งยามนี้น้ำตาคลอเบ้าไปแล้ว
ท่านหญิงช่างดีกับบุตรสาวเหลือเกิน ทว่าตนมิใช่ ใจดวงนี้ไม่กล้าพอที่จะทำร้ายพวกเขา เพราะถ้าทำเช่นนั้นมันก็ไม่ต่างจากการกระทำของเฉินเห่ยฟางที่เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนน่ะสิ
“ลูกแค่ยอมรับที่เขามีอนุไม่ได้ ท่านแม่อย่าได้เป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ ยามนี้ลูกทำใจได้บ้างแล้ว หากรักษาตัวจนแข็งแรงดี เชื่อว่าภายหน้าลูกคงทำหน้าที่ได้เช่นสตรีทั่วไปแน่ ท่านพี่ก็คงไม่มีอนุอีก” นางประดิษฐ์คำพูดออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายเบาใจ
“งั้นหรือ จะให้แม่เรียกตัวซูฉีกลับมาหรือไม่ ต่อไปเห่ยฟางจะได้มีเจ้าเพียงคนเดียว ที่ยอมให้นางแต่งไปเป็นอนุ ก็เพราะทางนั้นขอมา อ้างว่าไม่อยากเกี่ยวดองกับสกุลอื่นอีก อยากให้ทายาทเป็นคนจากสกุลมู่เราถึงได้ยอม ซูฉีเองก็บอกว่าจะไปดูแลเจ้า แม่เห็นว่าเป็นพี่น้องกันน่าจะดีกว่าให้คนอื่นมาแทรกแซง เช่นนั้นก็คุยกับเขาวันนี้เสียเลย”
เฟยเฟยถึงกับตาโต ไม่คิดว่ามารดาจะเข้าใจไปแบบนั้นได้ แต่ก็อย่างว่านางเอ่ยขึ้นมาเองนี่
“เอ่อ อย่านะเจ้าคะท่านแม่ ประเดี๋ยวท่านพี่จะเข้าใจว่าลูกเป็นสตรีไม่รู้จักความ อีกอย่างต่อให้ซูฉีไม่อยู่ที่นั่น สกุลเฉินก็คงหาอนุให้เขาอีกอยู่ดี น้องสาวอยู่ด้วยข้าก็ยังมีเพื่อน อีกอย่างนางก็เชื่อฟังมาก ไม่เคยทำเรื่องให้ลูกหนักใจเลยเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ ดีเลย แม่ต้องตบรางวัลให้นางเสียแล้ว” ยกมือลูบหัวบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มอ่อนส่งให้ด้วย
ให้คิดแบบนี้แหละ
เพราะไม่อยากให้คนดีดีอย่างท่านหญิงต้องทุกข์ใจ นางดูรักบุตรสาวมาก หากรู้ว่าถูกรังแกถึงเพียงนี้คงตรอมใจจนล้มป่วย
“ท่านอ๋องมาเจ้าค่ะ” คนสนิทฟูหรงเอ่ยขึ้น
“ข้าคงไม่ได้มารบกวนพี่หญิงกับบุตรสาวกระมัง” ถือวิสาสะเดินเข้ามา ก่อนจะเผยยิ้มให้สองแม่ลูก
“เจ้านี่ช่างพูดช่างเจรจาขึ้นทุกวันนะ แต่ก่อนมิเห็นเคยเป็นเช่นนี้ เฟยเฟยรู้หรือไม่ชินอ๋องเป็นคนเช่นไร ชอบเก็บตัว เย็นชาไม่ค่อยพูด แต่ดูตอนนี้สิ” คนแก่กว่าเย้า
“นั่นมันเมื่อก่อน คนเราก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันบ้าง” บอกแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะมุมห้องโดยที่เจ้าของไม่ได้เชิญเลย
เฟยเฟยมองคนตัวโตที่เหมือนจะคุ้นหน้าเขาขึ้นเรื่อย ๆ พยายามคิดว่าระหว่างที่มาอยู่ในร่างนี้เธอจะไปเห็นเขาตอนไหน จนกระทั่งเริ่มนึกออก คราวนี้ดวงตาสวยเบิกกว้างทันที
‘ตายล่ะ! อีตาอ๋องคือผู้ชายที่เราเจอในร้านบะหมี่นี่หน่า และยังเสียมารยาทยกเท้าทำท่านักเลงใส่ด้วย ตายแน่เฟยเฟยเอ๋ย ถึงว่าทำไมเขาถึงได้ดุเราตลอด เจอโจทย์เข้าแล้วสิ '
เมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นแล่นเข้ามาในโสดประสาท เฟยเฟยก็เบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง เพราะไม่กล้าสบตาเขาเลย
แต่เอ๊ะ! ก่อนที่ทุกคนจะมา เขาบอกว่าเป็นคนพาเรามาส่งที่นี่และยังให้คนสนิทเฝ้าไว้ด้วย เห่ยฟางก็ยอมรับแล้วว่าเขากับเราไม่ได้มีอะไรกัน แล้วใครล่ะที่อยู่กับเราคืนนั้น คงไม่ใช่….
นางหันไปมองใบหน้าคมคายอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะไหลเข้ามาในหัว และใบหน้าเขาที่มันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
#น้องทำเพื่อคนอื่นอีกแล้ว