8. ต่อรอง
" นางคุณหนูชิงชิงนี้ร้ายกาจกว่าที่คิดนะคะฮูหยิน นี่ถ้าท่านแม่ทัพได้มาเป็นฮูหยินจริงๆ อำนาจการควบคุมทหารคงจะหนีไม่พ้นมหาเสนาเข้าควบคุมเป็นแน่ "
" นั้นสิ แต่ก็แปลกที่ท่านแม่ทัพดูเย็นชาต่อคุณหนูชิงชิง ไม่เห็นเป็นอย่างเช่นแต่ก่อนเลย หรือว่าจะรู้แล้วว่าคุณหนูไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อท่านแม่ทัพอย่างที่เห็น "
" นั้นสิคะ เมื่อก่อนกลับจากงานเลี้ยง พี่ได้ยินแว่วๆ ว่าท่านแม่ทัพเอ่ยเรื่องที่คุณหนูชิงชิงสนใจคุณชายจางซื่อนะคะ สงสัยว่าท่านแม่ทัพคงจะรู้แล้วเป็นแน่ แบบนี้ฮูหยินก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะเพคะ "
" กังวลอะไรกันพี่ชินลี่ ถ้าท่านแมทัพตาสว่างแล้วก็หมดหน้าที่ของข้าแล้ว ข้าจะได้มีชีวิตของข้าเสียที "
" คิดว่าฮ่องเต้จะทรงปล่อยท่านไปจริงๆ หรือคะ "
ฝูหรงนิ่งไปเมื่อชินลี่เอ่ยเช่นนั้น แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่ก็คิดว่าอย่างไรแล้วฮ่องเต้ก็คงจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้เป็นแน่
ชินลี่ยกอาหารมาให้ฮูหยินตน พร้อมทั้งยา ฝูหรงเมื่อทานอาหารและยาเสร็จก็นอนพักผ่อนอีกครั้ง
ฮูหยินเฉียวเมื่อรู้ว่าสะใภ้ตนป่วยก็คิดที่จะมาเยี่ยม แต่พอรู้ว่าอีกคนหลับไปแล้วจึงไม่อยากรบกวน เมื่อฟานอวี้กลับมาถึงจวน ฮูหยินเฉียวก็รีบสอบถามทันที
" เป็นอย่างไรบ้างนี้เจ้าต้องไปทำศึกเร็วๆนี้แล้วหรือ "
" ไม่ใช่เร็วๆนี้ แต่เป็นพรุ่งนี้ขอรับท่านแม่ "
" หัะ อะไรนะนี่เจ้าต้องเดินทางพรุ่งนี้เช่นนั้นหรือ "
" เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ พ่อได้ยินว่าศึกครั้งนี้แคว้นซางไห่มีกองหนุนของแคว้งตู่เหลียงช่วยเสริม เช่นนี้เจ้าจะไหวหรือ "
" ท่านพ่ออย่ากังวล ศึกครั้งนี้หากเราเสียเปรียบ แต่ยังมีทัพของแคว้นชางกวูคอยหนุนเราเช่นกัน "
" จริงๆหรือ เช่นนั้นก็ดีนะสิ ก่อนหน้านี้เห็นว่าทัพนี้มีกุนซื่อที่ยอดเยี่ยมคอยชี้แนะ จนชนะศึกมาแล้ว หากได้ทัพซางกูวคอยหนุนก็คงไม่ต้องกังวลอะไร "
" แต่ก็คงประมาทไม่ได้ขอรับ "
ฮูหยินเฉียวได้แต่นั่งถอนใจเพราะเป็นห่วงบุตรชาย ที่ต้องออกรบอีกครั้ง ทั้งที่พึ่งจะกลับมาอยู่จวนได้ไม่ถึง 5 เดือนด้วยซ้ำ
หยางฟานอวี้แม่ทัพใหญ่ของแคว้นด้วยวัย 26 ปี ออกรบกร่ำศึกจนไม่มีเวลาหาฮูหยิน พอได้แต่งงานก็ยังต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่ผ่านการอยู่กินกับชายอื่นมาแล้วอีก
" แล้วนี้เจ้าเข้าไปดูฮูหยินเจ้าหรือยัง แม่ว่าเจ้าก็อย่าถือสาเรื่องที่นางเคยแต่งงานมาแล้วให้มาก ฮ่องเต้คงไม่เลือกคนไม่ดีให้เจ้าหรอก ท่านพี่ว่าเช่นนั้นหรือไม่เจ้าค่ะ "
" อืม ข้าก็ไม่เห็นว่านางจะทำตัวไม่ดีจนน่ารังเกียจอะไร ต่างจากคนที่ทำตัวสูงส่งเหนือผู้อื่น แต่ทำตัวน่าเกียจบางคนเสียอีก อย่าให้ข้าเอ่ยชื่อนะ ข้าไม่อยากเอ่ยถึง "
" ท่านพี่เหตุใดจึงปากคอเราะร้ายถึงเพียงนี้เจ้าค่ะ "
ฮูหยินเฉียวหันไปเอ่ยกับสามีตนอย่างไม่เชื่อหู ฟานอวี้อดยิ้มออกมาไม่ได้ที่บิดานั้นปากร้ายขึ้นมา เพราะหญิงที่ตนเคยเอ่ยว่าจะแต่งงานด้วย
" ท่านพ่ออย่ากังวล ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนางอีก "
" ถ้าเจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก เจ้าก็คงจะโง่เต็มที เอาล่ะ ไปดูฮูหยินของเจ้าเถอะ ถ้าออกมาทานข้าวไหวก็บอกให้นางออกมา จะได้ทานข้าวพร้อมหน้ากันก่อนที่เจ้าจะไปทำศึก "
" ขอรับท่านพ่อ "
ฟานอวี้เดินไปที่ห้องของฮูหยิน ชินลี่เมื่อเห็นแม่ทัพเดินมาจึงไม่คิดที่จะเข้าไปรบกวน
ฟานอวี้เปิดประตูเข้าไป ฝูหรงกำลังพยายามใส่เสื้อผ้าหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฟานอวี้จึงเดินเข้าไปช่วยคนตัวเล็กสวมเสื้อ
" อ่ะ ท่านแม่ทัพ ข้าใส่เองได้ไม่รบกวนท่าน "
" ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าใส่เองไม่ได้ แขนยังจะยกไม่ขึ้น อย่าดื้อร่างกายเจ้าข้าเห็นหมดแล้ว เหลือก็แค่ "
ฟานอวี้พูดออกมาหน้าตาเฉย แต่คนฟังกลับหน้าแดงระเรื่อ มือหนาดึงแขนเสื้อขึ้นช้าๆสายตาจ้องมองที่บาดแผลเพราะกังวลว่าตนจะทำให้อีกคนเจ็บ
ฝูหรงมองทุกการกระทำของคนตัวโต ฟานอวี้ผูกเชือกที่เอวเล็ก ก่อนที่จะจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่
" เจ้าพอจะออกไปทานอาหารกับท่านพ่อท่านแม่ได้หรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะต้องเดินทางไปรบ ท่านพ่อเลยอยากให้เราทานข้าวกันพร้อมหน้าก่อนที่ข้าจะเดินทาง "
" ข้าจะออกไป ข้าดีขึ้นมากแล้ว "
" นั่งก่อนสิ ข้ามีเรื่องที่จะคุยกับเจ้า "
ฟานอวี้จูงมือฮูหยินมานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหารมุมหน้าต่าง ฟานอวี้มองหน้าฮูหยินแล้วจึงเอ่ยขึ้น
" ข้าจำคำพูดที่เจ้าเคยบอกไว้ว่าขอเวลาข้า 3 เดือนใช่หรือไม่ "
ฝูหรงรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น ภายในใจคิดว่าแม่ทัพคงอยากให้เรื่องราวระหว่างตนจบลงเพียงเท่านี้เป็นแน่
" ใช่ ข้าเอ่ยกับท่านแม่ทัพเช่นนั้น ท่านแม่ทัพคงอยากให้ข้าออกจากจวนของท่านแล้วสินะ "
สำหรับฝูหรงหากจะออกจากจวนตอนนี้ก็คงจะไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะท่านแม่ทัพก็ไม่ได้สนใจคุณหนูชิงชิงแล้ว ถือว่าหน้าที่ของตนนั้นสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
" ข้าไปรบครั้งนี้อาจจะใช้เวลานาน หรือไม่อาจจะไม่ได้กลับมาเลย แต่ข้าอยากขอให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อ "
ฟานอวี้พูดได้เพียงเท่านั้น ฝูหรงก็เอ่ยออกมาเสียงดังก่อน
" ไปทำศึกมีใครที่ไหนเอ่ยเช่นท่านแม่ทัพกันบ้าง ท่านไม่ควรที่จะเอ่ยเช่นนี้ "
ฟานอวี้ยิ้มกับท่าทีของคนตรงหน้า ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
" ข้าจะบอกกับเจ้าว่า ข้าอยากให้เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน รอให้ข้ากลับมา เมื่อก่อนเจ้าขอข้า 3 เดือน แต่ครั้งนี้ข้าต้องไปรบ เพราะฉะนั้น 3 เดือนของเจ้าไม่มีข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่นับ "
" ไม่นับอะไรกัน นี่ข้าจะต้องอยู่รอจนท่านกลับมาเลยหรือ "
" เจ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น ข้าจะนับอีกครั้งเมื่อข้ากลับมาเท่านั้น เพราะฉะนั้นเจ้าต้องอยู่รอที่นี่เข้าใจหรือไม่ เพราะท่านแม่ข้าแก่มากแล้ว เจ้าต้องอยู่ทำหน้าที่สะใภ้ของเจ้าต่อ จนกว่าข้าจะกลับมา"
ฝูหรงมองหน้าคนตัวโต ที่จ้องมองตนอยู่เช่นกัน มือหนายกขึ้นสัมผัสที่แก้มเนียนเกลี่ยลงเบาๆ
ฝูหรงไม่เข้าใจการกระทำของคนตัวโตเลยแม้แต่น้อย และในขณะที่กำลังคิดอยู่ ริมฝีปากหนาก็กดจูบลงทันที ฝูหรงเบิกตากว้างเพราะความตกใจ
" รอข้านะ "
ฟานอวี้ถอนจูบออกแล้วเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ฝูหรงยังคงสับสนกับการกระทำนั้นไม่หาย
ชินลี่เดินเข้ามาหลังจากเห็นท่านแม่ทัพเดินออกไป
" ฮูหยินเป็นอะไรเจ้าค่ะ ทำไมถึงนั่งนิ่งเช่นนี้ "
" ท่านแม่ทัพบอกให้ข้ารอจนกว่าจะกลับมา ท่านแม่ทัพบอกว่าท่านแม่แก่มากแล้วให้ข้าอยู่ดูแล ทั้งที่เกลียดข้ามากขนาดนี้ ข้าไม่เข้าใจคนผู้นี้จริงๆ บางครั้งก็ดีกับข้า บางครั้งก็ดูเย็นชา"
ฝูหรงอดคิดไม่ได้ว่าคนที่เกลียดตนจะมีเหตุผลอะไรที่อยากให้ตนอยู่ที่นี่ต่อ ชินลี่ที่ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดคุยอะไรบ้าง ก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบไหนมาตอบอีกคน
" ฮูหยินคิดเช่นนั้นหรือเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพอาจจะอยากให้ฮูหยินอยู่ที่นี่จริงๆก็ได้ "
" พี่คิดเช่นนั้นหรือ คนที่เอ่ยว่ารังเกียจข้าตลอดเวลาน่ะหรือที่อยากให้ข้าอยู่ต่อ "
ในค่ำของวันเดียวกัน ภายในห้องทานข้าวของจวน
" เจ้าต้องออกเดินทางแต่เช้าเลยสินะ "
" ขอรับท่านพ่อ ตอนนี้กองทัพเตรียมพร้อมรออยู่ที่ค่ายแล้ว คงใช้เวลาเดินทางไป เกือบสองวันขอรับ "
ฟานอวี้เอ่ยบอกกับบิดาของตน
ฮูหยินเฉียวนั่งมองบุตรชายด้วยความกังวล ฝูหรงเห็นสีหน้าของฮูหยินเฉียวแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
" ท่านแม่ทานนี้หน่อยนะค่ะ ทานมากๆจะได้แข็งแรง ท่านแม่ทัพจะได้ไปทำศึกได้อย่างไม่ต้องกังวล ศึกครั้งนี้ข้าเชื่อว่ายังไงท่านแม่ทัพก็ชนะได้แน่ ท่านแม่อย่าได้ห่วงไปเลย"
ไรท์ เอ๊ะยังไงท่านแม่ทัพ อยู่ดีๆขอให้น้องอยู่ต่อ
อย่างนี้เขาเรียกลืมคำพูดตัวเองไหมนะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ