6. มือสังหาร
ฟานอวี้เดินเข้ามาด้านในอีกครั้ง สายตาก็หันไปพบกับฮูหยินที่กำลังยืนคุยกันกับองค์ชายซีกวนอยู่ ความหงุดหงิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
" หึ รีบเดินเข้ามาก็เพราะเช่นนี้สินะ "
งานเลี้ยงดำเนินไปจนเลิกลา ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับจวนของตน ชิงชิงพร้อมกับบิดาเดินเข้ามาหา ฝั่งตระกูลหยางที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถม้า
" ท่านแม่ทัพมู่นี้เงียบหายไปเลยนะ ไม่เห็นไปมาหาสู่ที่จวนข้าเลย หรือว่าลืมคำมั่นที่ให้กับบุตรสาวของข้าแล้ว "
มหาเสนาเอ่ยขึ้น
" ข้ามิได้ลืมเลยท่านมหาเสนา เพียงแต่ข้าคิดว่าคุณหนูชิงชิงคงไม่อยากพบข้าเท่าคุณชายจางซื่อเป็นแน่ "
ทันทีที่ฟานอวี้เอ่ยถึงอีกคนขึ้นมา ก็ทำให้ชิงชิงหน้าถอดสีทันที ภายในใจก็อดคิดไม่ได้ ว่าคนตรงหน้าจะรู้เรื่องของตนกับบุตรชายเสนาซ้ายหรือไม่
ฟานอวี้ยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของอีกคน ก่อนจะทำทีเดินจูงมือฮูหยินขึ้นรถม้าไป
เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไปมหาเสนาก็เอ่ยถามบุตรสาวขึ้นทันที
" ฟานอวี้หมายถึงอะไรกัน นี่เจ้าทำสิ่งใดลับหลังพ่อเช่นนั้นหรือชิงเอ๋อ "
" ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นท่านพ่อ ข้าว่าพี่ฟานอวี้คงจะถูกฮูหยินเกลี่ยกล่อมอะไรเป็นแน่ท่านพ่อ ถึงได้เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ ท่านพ่ออย่าลืมว่าการแต่งงานนี้ฮ่องเต้เป็นคนจัดการนะเจ้าค่ะ "
ชิงชิงเมื่อเห็นช่องทางที่จะกำจัด คนที่ทำให้ตนไม่ได้เป็นฮูหยินของชายที่ใครๆก็หมายปอง ก็ไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะกำจัดในครั้งนี้
เมื่อเดินทางมาถึงจวนแล้วฮูหยินเฉียวและแม่ทัพหยางก็แยกตัวเข้าห้องไปพักผ่อน เหลือเพียงฝูหรงและฟานอวี้ที่ยังอยู่ในห้องโถงของจวน
" คุณหนูจะอาบน้ำเลยไหมเจ้าค่ะ พี่จะได้ไปเตรียมน้ำให้ "
" เหตุใดเจ้าถึงยังเรียกฮูหยินว่าคุณหนูอีก "
จางเหยาเอ่ยถามชินลี่ที่ยังคงเรียกนายหญิงว่าคุณหนู ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าบัดนี้ควรจะเรียกว่าฮูหยิน
" ข้าบอกพี่ชินลี่เองว่าให้เรียกข้าเช่นนี้ เพราะอีกไม่นานข้ากับท่านแม่ทัพก็จะต้องแยกย้ายกันไป จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเอ่ยเรียกหากไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้อื่น "
ฝูหรงเอ่ยออกไปก่อนที่จะตั้งท่าเดินกลับห้องของตน แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกคนดังขึ้น
" แต่ตอนนี้เจ้ายังคงอยู่ในฐานะของฮูหยินแม่ทัพ เพราะฉะนั้นไม่ว่าในจวนหรือนอกจวนเจ้าก็คือฮูหยินของข้า หากผู้ใดไม่ทำตามคำสั่งก็เอาตัวไปโบย "
ฟานอวี้เอ่ยออกมาเสียงดัง จนชินลี่หันไปมองหน้าฝูหรง ฝูหรงจึงพยักหน้า ก่อนที่ชินลี่จะรับคำสั่งของแม่ทัพฟาน
" เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ต่อไปข้าน้อยจะเรียกให้ถูกเจ้าค่ะ "
ฝููหรงเดินตามชินลี่ออกไปทันที แต่ก็ช้ากว่ามือหนาที่คว้าแขนเอาไว้ก่อน
" ท่านแม่ทัพมีอะไรจะสั่งข้าอีกเช่นนั้นหรือ "
" ข้าจะบอกเจ้าว่าไปที่ใดให้บอกจางเหยาก่อน และจะต้องมีคนติดตามไปด้วยทุกครั้ง ห้ามไปไหนโดยไม่มีผู้ติดตาม "
" ทำไมหรือค่ะ ทำอย่างกับข้ามีศัตรูที่ไหน "
" ทำตามที่ข้าบอก ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ให้เจ้าออกจากจวน "
" เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าจะทำตามคำสั่ง มีแค่นี้ใช่หรือไม่ "
ฝูหรงมองตามมือของคนตัวโตที่ยังคงจับไม่ปล่อย ก่อนที่จะยิ้มออกมา ฟานอวี้จึงรีบปล่อยมือออกทันที
ฝูหรงเดินหนีออกไปทันที เมื่อกลับมาถึงห้องฝูหรงก็ถอดชุดออกก่อนที่จะลงแช่น้ำในบ่อ แต่จู่ๆฟานอวี้ก็เดินเข้ามาภายในห้อง ซึ่งชินลี่นั้นออกไปด้านนอกพอดี
" พี่ชินลี่ส่งผ้าถูตัวให้ข้าหน่อยสิ ข้าลืมยิบมาด้วย "
เป็นเพราะหันหลังให้ฝูหรงจึงไม่รู้ว่าคนที่ยื่นผ้าให้นั้นคือใคร แต่ยังไม่ทันที่จะรับผ้า เสียงของอีกคนก็ดังขึ้น
" ให้ข้าถูให้ดีกว่านะ ข้าว่างพอดี "
" อ่ะ ท่านแม่ทัพ ออกไปนะ "
ฝูหรงตกใจจนถอยหนี แต่เพราะลืมไปว่าตนเองนั้นอยู่ในชุดที่เปียกน้ำ หนำซ้ำยังผูกรัดแค่ครึ่งอก ทำให้เนินเขาล้นออกมา
ฟานอวี้นั่งมองพร้อมกับรอยยิ้ม ต่างจากอีกคนที่ตอนนี้อายจนหน้าแดง เพราะเกิดมายังไม่เคยเปลือยให้ใครเห็นมาก่อน
" ออกไปนะ ทำไมท่านถึงเป็นคนเช่นนี้ "
ฝูหรงหันหลังให้กับคนตัวโต ปากก็ต่อว่าไม่หยุด ฟานอวี้มองแผ่นหลังขาวเนียนดั่งต้องมนต์ จนตนเองก้าวลงบ่อน้ำไปแบบไม่รู้ตัว
ร่างบางสะดุ้งทันทีเมื่อได้รับสัมผัสจากริมฝีปากหนา ที่จูบลงบนไหล่ขาวเนียน ฟานอวี้จูบลงทั่วไหล่ขาว
" เจ้าสวยมากเลยรู้ไหม ฝูหรง "
" ท่านแม่ทัพปล่อยข้า อย่ามาทำเช่นนี้กับข้า อย่าลืมสิ่งที่ท่านเคยเอ่ยไว้ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ "
ฟานอวี้เหมือนจะได้สติ จึงได้ถอยออกจากคนตัวเล็ก ก่อนที่จะหันหลังให้เช่นกัน
" ข้าจะมาบอกเจ้าว่าพรุ่งนี้ท่านแม่จะไปศาลเจ้า จะให้เจ้าไปด้วย ข้าจะมาบอกเจ้าให้เตรียมตัวแต่เช้า "
เอ่ยจบฟานอวี้ก็ก้าวออกจากห้องของฮูหยิน ภายในใจก็นึกหงุดหงิดที่ตนเอง เคลิ้มไปกับคนตัวเล็กที่เคยเอ่ยว่ารังเกียจนักหนา ส่วนอีกคนที่อยู่ภายในห้องกลับรู้สึกหวั่นวิตก เมื่อนึกถึงสัมผัสที่พึ่งผ่านมาของอีกคน
" ทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้นะ ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสักทีท่านแม่ทัพ ในเมื่อท่านรังเกียจข้าถึงเพียงนี้ "
ฝูหรงเอ่ยกับตนเองภายในบ่อน้ำ ก่อนจะรีบอาบน้ำจนเสร็จแล้วขึ้นจากน้ำ แต่งตัวเข้านอน ชินลี่ก็เดินเข้ามาพอดีก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
" เกิดอะไรขึ้นคะฮูหยิน ท่านแม่ทัพทำอะไรท่านหรือไม่"
" ไม่มีอะไรพี่ชินลี่ข้าจะนอนแล้ว ดับไฟเถอะ "
ชินลี่จึงไม่คิดที่จะซักไซร้อะไรอีก
เช้าของอีกวันฝูหรงตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปศาลเจ้ากับฮูหยินเฉียวโดยที่มีผู้ติดตามไปมากกว่าทุกครั้ง
" ทำไมถึงมีคนติดตามมากถึงเพียงนี้ล่ะ แปลกจริงๆใครเป็นคนจัดการกัน นายของเจ้าเช่นนั้นหรือจางเหยา "
" ขอรับฮูหยินท่านแม่ทัพเป็นห่วงเลยให้คนติดตามมามากหน่อย ไม่ต้องกังวลหรอกขอรับ "
ฝูหรงยิ้มน้อยๆส่งให้ฮูหยิน ก่อนที่จะจูงมือขึ้นรถม้าไป ศาลเจ้าที่อยู่ห่างออกจากเมืองมาเกือบชั่วยาม
ฮูหยินเฉียวยังคงอยู่ด้านบนสวดมนต์ขอพรพระโพธิสัตว์ ส่วนฝูหรงก็เดินเล่นอยู่ในสวนของศาลเจ้า จู่ๆก็มีธนูพุ่งเข้ามาหา
" ฮูหยินระวัง "
ชินลี่ที่กำลังจะเอาตัวบังและชักกระบี่ที่ซ่อนไว้ในเชือกที่รัดเอว ถูกฝูหรงดึงมือไว้
" อย่าพี่ชินลี่ อ่ะ "
ธนูปักเข้าที่แขนของฝูหรง เหล่าผู้ติดตามต่างก็หาที่มาของคนที่ยิงธนู
" พี่ชินลี่ธนูมีพิษ "
ชินลี่รีบดึงธนูออกทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนที่จะรีบใส่ยาถอนพิษที่ฝูหรงปรุงขึ้นมาไว้สำหรับถอนสารพัดพิษ
" ตามจับตัวมือสังหารให้ได้ ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้างขอรับ "
" ข้าไม่เป็นไร ท่านแม่คงจะลงมาในไม่ช้า อย่าบอกเรื่องนี้ให้ท่านรู้ล่ะ ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วงกังวล "
" แต่บาดแผลของฮูหยิน เลือดออกมากนะขอรับ "
" ถ้าเช่นนั้นพี่ช่วยถอดเสื้อคลุมของพี่มาให้ข้าด้วยแล้วกัน ข้าจะได้ใส่คลุมไว้ท่านแม่จะได้ไม่สงสัย "
" เออ ขอรับ "
จางเหยาถอดเสื้อคลุมออกส่งให้กับชินลี่เพื่อสวมใส่ให้ฝูหรง ภายในใจก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ ที่เหตุใดฮูหยินจึงไม่มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เลือดไหลออกมาถึงเพียงนี้ ซ้ำยังคิดรอบคอบไม่ให้ฮูหยินเฉียวรับรู้
" เจ้าอยู่นี่เองหรอกหรือกลับกันเถอะ บ่ายคล้อยแล้วเจ้าคงจะเบื่อแย่แล้ว หน้าตาเจ้าดูซีดเซียวนะ คงจะโดนลมมากไปล่ะซิ รีบกลับกันเถอะ "
ฝูหรงเดินขึ้นรถม้าตามฮูหยินไป ชินลี่รีบขึ้นตามไปทันที
" ไหวหรือไม่ค่ะฮูหยิน "
ฝูหรงพยักหน้า รถม้าเคลื่อนออกจากศาลเจ้าไปจนเข้าเมืองหลวง โชดดีที่ชินลี่พันแผลห้ามเลือดไว้แล้ว จึงทำให้เลือดหยุดไหล แต่เพราะว่าธนูเคลือบยาพิษไว้ แม้พิษจะถูกขจัดแล้ว แต่เพราะพิษของบาดแผลที่ลึกจึงทำให้ฝูหรงนั้นอาการแย่ลง
" ดูท่าฮูหยินเจ้าจะมีไข้เป็นแน่ คนขับรถม้าเร็วๆหน่อยสิ "
ฮูหยินเฉียวรีบสั่งคนบังคับรถม้าให้เร็วขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าของสะใภ้ตน
" ท่านแม่ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก เมื่อคืนข้าแช่น้ำนานไปหน่อยเท่านั้น ออกมาถูกลมเช่นนี้ก็เลยเป็นเช่นนี้ ท่านแม่อย่ากังวลเลย "
" ได้อย่างไรกัน เจ้าเป็นสะใภ้แม่นะก็เท่ากับเป็นลูกของแม่ แม่ก็ต้องห่วงเจ้าสิ อย่าพูดเช่นนี้ให้แม่ได้ยินอีกนะ "
" เจ้าค่ะท่านแม่ "
ฝูหรงยิ้มให้กับแม่สามีตน ชินลี่รีบขึ้นไปนั่งประคองฝูหรงทันทีเมื่อเห็นว่าอาการเริ่มแย่ลง
เมื่อถึงจวนฮูหยินเฉียวก็ลงจากรถม้า พร้อมกับสั่งคนไปเรียกแม่ทัพให้รีบมารับฮูหยินเข้าจวน
ฟานอวี้เมื่อได้ยินว่าฮูหยินของตนเกิดป่วยกระทันหันก็รีบวิ่งออกมาจากจวนทันที เมื่อเห็นคนตัวเล็กที่เดินลงมาจากรถม้า แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นเสื้อคลุมของคนสนิทอยู่บนร่างกายของฮูหยินตนอาการหงุดหงิดที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเกิดขึ้นทันที
ไรท์ .แม่ทัพจะเคลิ้มทุกครั้งที่เห็นน้องไม่ได้นะ
เกลียดน้องไม่ใช่เหรอ แต่พอรู้ว่าน้องป่วย
ก็วิ่งหน้าตั้งเชียว
ฝากติดตามด้วยนะคะ