5.อาการมันฟ้อง
" ที่แรกพี่ก็จะไม่มา แต่ท่านแม่ทัพบอกว่าเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย "
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรสจนคนที่ยืนมองอยู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จนต้องเดินเข้าไปหาทันที
" ถวายพระพรองค์ชายพะยะค่ะ ไม่เคยรู้ว่าองค์ชายจะรู้จักกับฮูหยินของหม่อมฉันด้วยนะพะยะค่ะ "
" จะไม่รู้จักได้อย่างไรกันล่ะท่านแม่ทัพ ก็ฝูหรงน่ะเป็นศิษย์น้องข้ามาตั้งแต่เด็ก รวมถึงชินลี่ด้วย "
"ศิษย์น้องเช่นนั้นหรือ "
" องค์ชายหมายถึงสำนักศึกษาน่ะเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ "
ฝูหรงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหันไปส่งสายตาให้องค์ชาย ทำให้ซีกวนเข้าใจในความหมายของอีกคนที่ต้องการจะซื่อ
" ใช่สำนักศึกษา เราเคยร่ำเรียนหาความรู้มาด้วยกัน "
" อืม เช่นนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันคงต้องขอตัวฮูหยินไปนั่งก่อนนะพะยะค่ะ อีกไม่นานฝ่าบาทคงจะเสด็จมาแล้ว "
" อืมไปเถอะ ข้าเองก็จะไปนั่งแล้วเช่นกัน เอาไว้เราค่อยคุยกันนะ ฝูหรง "
" เพคะองค์ชาย "
ฟานอวี้ดึงมือเล็กให้เดินตามไปนั่งกับตน โดยมีสายตาหลายคู่จับจ้องมองอยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือสายตาของชิงชิง ที่มองด้วยความโกรธ เพราะพักหลังมานี้ฟานอวี้ไม่ส่งข่าวมาเลย และยังเฉยชาไม่สนใจเลยสักนิด
ส่วนอีกหลายคู่ต่างก็มองว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน แม้บ้างคนจะเคยได้ยินว่าฝูหรงนั้นเคยอยู่กินกับชายอีกคนมาแล้ว แต่มองอย่างไรก็ดูเป็นหญิงที่ไม่เคยผ่านเรื่องนี้มา
ฟานอวี้ดึงคนตัวเล็กนั่งลงข้างๆตน ฮูหยินและแม่ทัพต่างก็มองบุตรชายของตน ถึงการกระทำที่แปลกไป
" วันหน้าอย่าทำให้ข้าเสียหน้าเช่นนี้อีก "
" เสียหน้าหรือเจ้าค่ะ อย่างไรกันข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด แล้วอีกอย่างข้าไม่คิดว่าข้าทำอะไรผิด หากจะผิดก็คงเป็นความคิดของท่านต่างหาก "
" นี่เจ้า ข้าหมายถึง เจ้ามากับข้าที่เป็นสามีเจ้า เจ้าก็ควรที่จะไว้หน้าข้าบ้าง ไม่ใช่ไปหาผู้ชายเช่นนั้น "
" เขาเรียกว่าผู้ชายเข้ามาหาต่างหากล่ะ ข้าก็เดินของข้ามาดีๆท่านก็เห็น องค์ชายเดินมาหาข้าเอง "
" หึ จะบอกว่าเจ้างดงามเช่นนั้นเถอะ "
ฝูหรงหันมาจ้องหน้าคนตัวโต พร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ส่งใหจนคนที่ถูกส่งยิ้มให้กลืนน้ำลายลงคอทันที ฝูหรงยกยิ้มที่มุมปากก่อนที่หันไปทางที่ฮ่องเต้กำลังเดินมา
" ฝ่าบาทเสด็จแล้ว "
" ถวายพระพรพะยะค่ะฝ่าบาท "
เสียงของคนที่มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ดังขึ้นเมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยอาหารทุกอย่างก็ถูกยกมา ร่วมถึงการแสดงร่ายรำของเหล่าสาวนักรำ
ทุกคนต่างก็สนุกสนานกัน ต่างจากแม่ทัพใหญ่ที่จ้องมองฮูหยินตนไม่วางตา จนฝูหรงต้องหลบสายตานั้นทุกครั้งที่เผลอหันไปสบตาเข้า ฟานอวี้ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
" เจ้าชอบงานเลี้ยงนี้หรือเปล่าองค์ชายซีกวน "
" พะยะค่ะฮ่องเต้ หลานชอบมากขอบพระทัยที่เมตตาพะยะค่ะ "
" ข้าดีใจที่เจ้าชอบ "
ฮ่องเต้เอ่ยกับหลานชายโอรสของน้องสาว ที่อภิเษกกับฮ่องเต้ต่างแคว้นที่เป็นพันธมิตรกันมานาน แม่ทัพหยางและแม่ทัพลู่พูดคุยกันอย่างออกรส ด้วยเหตุที่ไม่ได้พบเจอกันมานานหลายสิบปี
ราชครูเดินเข้ามาหาหลานสาวของตน
" ตามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ข้าขอตัวหลานสาวข้าสักครู่นะท่านแม่ทัพ "
" ขอรับท่านราชครู "
ฟานอวี้ตอบกลับไปสายตาก็ยังคงมองตามร่างเล็กที่เดินตามตาของตนออกไป
" มีอะไรหรือเจ้าค่ะท่านตา ดูท่านเป็นกังวล"
" คนของเราได้ยินมาว่า ท่านแม่ทัพไม่ไปมาหาสู่คุณหนูชิงชิงแล้ว จึงทำให้ฝั่งนั้นคิดว่าเป็นเพราะเจ้า จึงคิดที่จะกำจัดเจ้า "
" คุณหนูชิงชิงนี่ชั่งร้ายกาจจริงๆ แต่คิดหรือว่าจะทำร้ายคุณหนูได้ พวกอกตัญญูไม่รู้หรือว่าคุณหนูต้องเสียสละแค่ไหน "
" พี่ชินลี่เบาๆหน่อย ท่านตาอย่าได้กังวลไปเลย "
ฝูหรงเอ่ยกับผู้เป็นตาของตน ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นตามมา
" นั้นสิท่านตา ข้ายังอยู่ที่นี่อีกนาน ข้าไม่ยอมปล่อยให้ศิษย์น้องฝูหรงเป็นอะไรไปหรอก ข้าจะดูแลอย่างดี "
ในขณะที่ทั้งสี่กำลังพูดคุยกัน ผู้ที่ยืนฟังอยู่ก็กำมือแน่น ที่เห็นองค์ชายมีท่าทีปกป้องฮูหยินตน แต่ไม่นานก็คลายออก เมื่อคิดได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากตน ฟานอวี้เดินออกมาเงียบๆพร้อมคนสนิท
" เพียงแค่ข้าไม่ส่งข่าวถึงนาง นางก็คิดทำเรื่องเช่นนี้แล้วหรือ เหตุใดหญิงที่น่ารักเช่นนั้นถึงได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้ "
" หรืออาจจะเป็นเพราะเรื่องนั้นขอรับ "
จางเหยาเอ่ยขึ้น ฟานอวี้มองหน้าทันที
" อืม คงคิดว่าคงจะใช้ประโยชน์จากข้าไม่ได้แล้วจึงคิดที่จะกำจัดตัวตนเหตุสินะ "
" เช่นนี้ฮูหยินก็คงจะไม่ปลอดภัยเป็นแน่ขอรับ "
หานชิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้าแม่ทัพ พร้อมกันกับจางเหยา ฟานอวี้ยิ้มก่อนจะเอ่ยออกมา
" หึ คิดจะใช้ข้าเป็นกองหนุนไม่พอ พอไม่สำเร็จก็คิดที่จะทำร้ายคนของข้าเช่นนั้นหรือ ซ้ำยังเที่ยวเป่าประกาศว่าเป็นของข้าแล้วอีก"
" นั้นสิหากไม่มีฮูหยิน ป่านนี้คุณหนูชิงชิงก็คงเข้าไปอยู่ในจวนท่านแม่ทัพสมใจ ท่านแม่ทัพก็คงจะได้ฮูหยินที่ร้ายกาจเช่นนี้มาอยู่ในจวนอีกคนเป็นแน่ "
หานชิงเอ่ยขึ้นทำให้ฟานอวี้นิ่งไป เพราะอันที่จริงเรื่องก่อกบฏของมหาเสนานั้นตนรู้อยู่แล้ว และที่ทำทีสนิทสนมกับชิงชิงก็เพื่อจะสืบเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างต้องพังเพราะราชองค์การแต่งงานนี่แหละ
แต่แม้จะคิดเช่นนั้น ฟานอวี้ก็คิดว่ายังดีกว่าที่จะรับชิงชิงเข้ามาอยู่ในจวน เมื่อได้เห็นว่าชิงชิงผู้น่ารักอ่อนหวานนั้นกลายเป็นหญิงที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้
การที่ฝูหรงเข้ามาเป็นฮูหยินแทนที่จะเป็นชิงชิง ตอนนี้เป็นสิ่งที่ฟานอวี้คิดว่าดีกว่า แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกคนเคยอยู่กินกับชายอื่นมาก่อนแล้ว ก็ทำให้หงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆ
" จากนี้จัดคนดูแลอารักขาฮูหยินให้ดี ไปที่ใดจะต้องมีคนติดตามไปเสมอ อย่าได้เผลอแม้แต่น้อย "
" ขอรับ "
เมื่อพูดคุยกันเสร็จฟานอวี้ก็เดินกลับไปนั่งที่ของตน ราชครูและองค์ชายก็เดินกลับมานั่งเช่นกัน เหลือเพียงฝูหรงที่ยังคงนั่งมองพระจันทร์ที่กลมโตสวยงามนั้น
ฟานอวี้เดินมาหยุดก่อนที่จางเหยาจะสะกิดให้ชินลี่เดินออกมา ฟานอวี้นั่งลงข้างๆคนที่หลับตาลง
" ท่านแม่ทัพไม่อยู่ดื่มกินข้างในต่อหรือค่ะ "
" เจ้าหลับตาอยู่แต่ทำไมถึงรู้ว่าเป็นข้าล่ะ "
" กลิ่นของท่านแม่ทัพ ไม่เหมือนผู้ใด "
" เจ้าจำกลิ่นของข้าได้ด้วยหรือ "
" ข้าไม่ลืมหรอก กลิ่นของคนที่ตอกย้ำฐานะข้าเสมอ ข้าจำได้ดี ไม่มีทางลืมหรอก "
ในคราแรกฟานอวี้ก็ยิ้มดีใจที่คนตัวเล็กบอกว่าจำกลิ่นตนได้ แต่พอประโยคหลังหน้าก็ถอดสีทันที แต่ก็ยังคงไม่ยอมพูดจาดีๆกับคนตัวเล็ก
" เจ้าจำได้ก็ดี จะได้รู้ว่าข้าไม่มีทางที่จะยอมรับเจ้ามาเป็นฮูหยินของข้าหรอก "
" ท่านแม่ทัพอย่ากังวลไปเลย ข้าไม่ลืมหรอกว่าท่านเกลียดชังข้าเพียงใด เหลือเวลาเพียงแค่ 2 เดือนท่านก็ทนเห็นหน้าข้าอีกสักหน่อยเถอะ "
ฝูหรงเอ่ยจบก็เดินออกไปทันที ฟานอวี้นั่งนิ่งสับสนกับความรู้สึกที่ตีกันของตัวเอง
" ข้าเป็นอะไรไป คำพูดของนางทำไมถึงทำให้ข้ารู้สึกแย่เช่นนี้ เจ้าทำอะไรกับข้ากันฝูหรง "
จางเหยาเดินเข้ามาหาคนที่นั่งคิดอยู่คนเดียว
" ท่านแม่ทัพตอนนี้งานเลี้ยงจะเสร็จสิ้นแล้วขอรับ ท่านแม่ทัพหยางให้มาตามกลับจวนขอรับ "
" อืม ข้าข้าจะไปเดี๋ยวนี้ "
ฟานอวี้เดินเข้ามาด้านในอีกครั้ง สายตาก็หันไปพบกับฮูหยินที่กำลังยืนคุยกันกับองค์ชายซีกวนอยู่ ความหงุดหงิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
" หึ รีบเดินเข้ามาก็เพราะเช่นนี้สินะ "
ไรท์. ปากหนักปากแข็งจริงๆเลยท่านแม่ทัพ
ถ้าน้องไปจริงๆ อย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งเด้อ
ไรท์ไม่สงสารนะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ