4. งานเลี้ยง
ไม่เว้นแม้แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ ที่พักหลังมานี้จะกลับมาทานข้าวที่จวนเสมอ ทั้งที่แต่ก่อนนั้นไม่ใส่ใจที่จะร่วมโต๊ะกับฮูหยินตน นี่ก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้วที่ฝูหรงแต่งเข้ามา
" วันนี้ปลาตัวใหญ่จริงๆ "
" นั้นสิดูน่ากินเหลือเกิน นี่เจ้าทำน้ำพริกด้วยหรือเอาไว้กินกับปลาเนี้ยะนะ "
แม่ทัพหยางเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะไม่เคยทานอาหารเช่นนี้มาก่อน
" เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าจำมาจากแคว้นซางไห่ที่นั้นมีแม่น้ำมาก เลยหาปลากินกันซะส่วนใหญ่ เลยทำให้ทำอาหารได้หลากหลาย "
เมื่อได้ฟังทั้งสามต่างก็พากันลองชิมดู ต่างก็ชอบอาหารจานนี้มาก โดยเฉพาะฟานอวี้ที่ทานจนได้เติมข้าว
" เผ็ดแต่อร่อยมาก วันหลังเจ้าก็ทำอีกนะ ดูสิพี่เจ้าทานไปเยอะเลย "
ฮูหยินเฉียวเอ่ยกับลูกสะใภ้
" ลูกก็แค่หิว มื้อกลางวันลูกไม่ได้กินอะไร "
ฟานอวี้รีบเอ่ยออกมาก่อนที่จะวางถ้วยข้าวลง หานชิงและจางเหยาต่างก็มองหน้ากันก่อนที่จางเหยาจะเอ่ยเบาๆ
" ทำไมท่านแม่ทัพถึงบอกว่าไม่ได้ทานมื้อกลางวัน ข้ายังเป็นคนเก็บจานชามอยู่เลย "
" ท่านแม่ทัพบอกไม่ได้กินก็ไม่ได้กินสิ เจ้าจะพูดทำไม หรืออยากไปล้างคอกม้ากัน "
หานชิงเอ่ยตอบสหายตนหน้านิ่ง หลังจากทานอาหารกันเสร็จก็ได้ย้ายไปนั่งที่ห้องโถงของจวน ก่อนที่ฟานอวี้จะเอ่ยขึ้น
" พรุ่งนี้ฝ่าบาทจะจัดงานเลี้ยงตอนรับทูตที่มาจากแคว้นที่อยู่ใกล้เคียงที่จะมาถวายความจงรักภักดีกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงอยากให้ท่านพ่อไปร่วมงานด้วย เห็นว่าผู้ที่มาด้วยนั้นคืออดีตแม่ทัพของแคว้น และองค์ชายที่ท่านพ่อเคยช่วยไว้เมื่อครั้งพระเยาว์ "
" จริงๆหรือถ้าเช่นนั้นพ่อก็จะไปด้วย น้องหญิงเจ้าอย่าลืมเตรียมชุดให้พี่ด้วย "
" เจ้าค่ะท่านพี่ เอะ แล้วเจ้าจะพาน้องไปด้วยหรือไม่ล่ะ "
" ไม่พาไปก็คงไม่ได้ขอรับท่านแม่คนโปรดเช่นนี้ ยังไงก็คงขาดไม่ได้เป็นแน่ ทั้งยังมีชุดที่ฝ่าบาทส่งมาให้ด้วยไม่รู้ว่าทำเช่นไรถึงได้ทำให้ฮ่องเต้พอพระทัยเช่นนี้ได้ "
ฟานอวี้เอ่ยอย่างไม่ชอบใจนัก ถึงคำพูดของฮ่องเต้ที่เอ่ยถึงฮูหยินของตน ที่แสดงความห่วงใยจนออกนอกหน้า
ก่อนหน้านี้ที่ให้คนของตนสืบก็ไม่เคยมีทีท่าว่าฝูหรงจะเฉียดใกล้เข้าวังหลวงเลยแม้แต่น้อย ( ไรท์.แต่อันที่จริงน้องไปรายงานฮ่องเต้ตลอดเลยนะท่านแม่ทัพ )
ต่างกับอีกคนที่เข้าออกจวนของเสนาซ้ายเป็นว่าเล่น จนบางครั้งไม่ออกมาจากจวนเสียด้วยซ้ำ
" เจ้าแน่ใจว่าเจ้าดูไม่ผิดนะจางเหยา "
"ข้าน้อยแน่ใจขอรับ คุณหนูชิงชิงอยู่ในห้องของคุณชายจางซื่อ ไม่ออกมาจนเกือบรุ่งสางขอรับ และบางครั้งก็ไปที่กระท่อมป่าไผ่ขอรับ ท่านแม่ทัพอย่าให้ข้าน้อยเอ่ยเลยนะขอรับว่าทั้งสองไปทำอะไร "
" พอเถอะ หากถึงเพียงนี้แล้วข้ายังไม่เข้าใจอีก ก็เห็นจะโง่เต็มที นี่สินะสิ่งที่เจ้าหมายถึง "
เมื่อนึกถึงคำพูดของคนตัวเล็กที่เคยเอ่ยกับตน ก็ทำให้รู้สึกระอายใจขึ้นมา แม้อยากจะขอโทษแต่ก็ปากหนักเกินไป จึงได้แต่นิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไรออกมา
จนถึงวันที่ต้องไปงานเลี้ยงฝูหรงเดินออกมาด้วยชุดที่ถูกตัดเย็บอย่างสวยงาม ออกสีชมพูอ่อนมีเชือกผูกที่ด้านข้าง เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มที่ล้นน่ามอง และเสื้อคลุมตัวบางสีขาว ขับกับสีผิวทำให้ดูผ่องมากกว่าเดิม เครื่องประดับที่ถูกตกแต่งบนหัวก็ยิ่งเพิ่มความงดงามเข้าไปอีก
" อืม วันนี้สะใภ้ของแม่งดงามราวกับเทพธิดาเลยว่าไหมฟานอวี้ ฮูหยินของเจ้านี้งดงามเหนือหญิงใดในแคว้นนี้เสียอีก"
" แต่ลูกว่าดูไม่เหมาะสมเลยนะขอรับ ลูกคิดว่าควรจะเปลี่ยนเสียดีกว่า"
ฟานอวี้ยืนมองฮูหยินของตน ที่แต่งกายด้วยชุดที่ไม่ต่างจากคุณหนูชิงชิงมักจะแต่งอยู่เสมอ แต่เพราะอีกคนไม่ได้มีรูปร่างที่น่ามองเช่นนี้
" ท่านแม่ทัพจ้องฮูหยินนานไปแล้วขอรับ "
" อะไรของเจ้าหานชิงใครจ้องอะไรกัน ข้าแค่เห็นว่าชุดที่นางใส่มันดูไม่เหมาะเท่านั้นเอง "
" แค่ชุดหรือขอรับ "
จางเหยาเอ่ยเย้าแย่ผู้เป็นนาย จนโดนศอกของผู้เป็นนายเข้าไปเต็มท้อง
" ไม่เหมาะสำหรับเจ้า แต่แม่ว่าสวยดีนะ เห็นว่าองค์ชายก็เสด็จมาด้วยนี่ เช่นนี้แล้วลูกสะใภ้แม่ก็ยิ่งต้องงดงามน่ามองกว่าใคร โดยเฉพาะบุตรสาวมหาเสนา "
ฮูหยินเฉียวเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถม้า ฝูหรงเดินไปขึ้นรถม้าตามฮูหยิน แต่กลับถูกคนตัวโตอุ้มไปขึ้นรถม้าอีกคัน
" อ่ะ ท่านแม่ทัพ ทำอะไรเจ้าค่ะ ข้าเดินเองได้ "
" เจ้าเดินช้าข้ารีบ อยู่เฉยๆเถอะ "
ฟานอวี้วางคนตัวเล็กลงตรงบันได ก่อนที่จะเอาตัวเองดันให้อีกคนขึ้นรถม้าไป ฝูหรงจึงจำต้องขึ้นและเข้าไปนั่งในรถม้ากับคนตัวโต ฟานอวี้ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
" แล้วฝูหรงละคะท่านพี่ "
" ฟานอวี้อุ้มไปขึ้นรถม้าอีกคันแล้ว "
" อะไรนะคะ อุ้มไปเช่นนั้นหรือ คงจะหวงน้องแล้วสินะ แต่ก็ทำเป็นปากแข็ง ถ้าเช่นนั้นอีกไม่นานเราก็คงจะได้อุ้มหลานเป็นแน่ "
" เจ้าอย่าพึ่งคิดไปไกลถึงเพียงนั้นเลย อย่าลืมว่าลูกชายเราเอ่ยอะไรไว้บ้าง ฝูหรงแม้จะไม่พูดแต่ข้าคิดว่านางคงจะเก็บทุกคำพูดของฟานอวี้ไว้หมดแล้วล่ะ และอีกอย่างนางก็คงอยู่ในฐานะนี้ไม่นานหรอก จากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าบุตรชายของเราจะชนะศึกครั้งนี้ได้หรือไม่ "
" นั้นสินะ ถึงตอนนี้ฟานอวี้ก็ยังคงปากร้ายใส่ฝูหรงอยู่เลย แต่เอ๊ะ เมื่อกี้ท่านพี่เอ่ยว่าฝูหรงจะอยู่ที่จวนเราไม่นาน หมายความว่าอย่างไรกันเจ้าค่ะ "
ฮูหยินเฉียวเอ่ยถามผู้เป็นสามีแต่อีกคนก็รีบเอ่ยว่าตนไม่ได้เอ่ยเช่นนั้น จนฮูหยินเฉียวคิดว่าตนหูฝาด
ฟานอวี้นั่งจ้องมองฮูหยินของตนไม่ล่ะสายตา จนคนที่ถูกมองอดประหม่าไม่ได้ จนต้องหันหน้าหนีเพื่อหลบสายตานั้น
ฟานอวี้เมื่อรู้ว่าอีกคนนั้นกำลังแก้มแดงขึ้นเรื่อยๆ ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งฮูหยินจอมแสบคนนี้ อยากจะรู้จริงๆว่าท่าทีที่มักจะยั่วยวนตนทุกครั้งนั้น ถ้าเป็นตนทำบางคนตรงหน้าจะทำเช่นไร
ฟานอวี้ขยับเข้าไปนั่งใกล้คนตัวเล็ก จนฝูหรงนั้นต้องขยับหนี นั้นยิ่งทำให้คนตัวโตยิ่งได้ใจ ขยับเข้าไปใกล้ ก่อนที่จะกอดรั้งเอวเล็กไว้ เมื่อเห็นอีกคนจะลุกหนีไปอีกทาง
" จะไปไหนละฮูหยิน ข้าแค่อยากจะนั่งใกล้ๆเจ้า นี่เจ้ารังเกียจสามีตนเองเช่นนั้นหรือ "
" เปล่านี้ท่านพี่ข้าจะรังเกียจท่านพี่ได้อย่างไรกัน มีแต่ท่านพี่นั้นแหละที่รังเกียจหญิงที่เคยมีสามีมาแล้วเช่นข้า ข้ากลับดีใจเสียอีกที่ท่านทำกับข้าเช่นนี้ "
ฝูหรงทำใจดีสู้เสือตนนี้อย่างเช่นที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ต่างกัน ฝูหรงไม่รู้ว่าตนนั้นคิดผิดเสียแล้ว ฟานอวี้จับอีกคนขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ก่อนจะเชยคางมนให้หันมาหา
ทั้งสองจ้องมองตากันและกัน และเหมือนมีแรงดึงดูดเข้าหากัน มือเรียวรั้งท้ายทอยคนตัวเล็กให้ก้มลงมาหา ริมฝีปากอวบอิ่มสัมผัสกับริมฝีปากหนา
ฟานอวี้จูบปากอวบอิ่มอยู่ไม่นาน ก็ขบเม้มให้อีกคนเปิดปากออก ก่อนที่จะสอดลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหอมหวานในนั้น ยิ่งลิ้นสัมผัสถูกลิ้นเล็กที่ไม่ประสา ยิ่งเพิ่มความอยากให้กับคนตัวโต
มือเรียวลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของคนตัวเล็กก่อนที่จะหยุดบีบเค้นที่ก้นงาม ทำให้ฝูหรงได้สติ ขยับตัวออกจากอ้อมกอดนั้นทันที
ฟานอวี้เองก็ตกใจไม่น้อย ที่ตนนั้นหลงใหลไปกับใบหน้าของคนตัวเล็กจนอดใจไม่ไหวเช่นนี้
" ท่านไม่ควรทำเช่นนี้อีก หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย อย่าลืมว่าท่านรังเกียจข้าเพียงใด สิ่งที่ท่านพูดข้าจำได้ทุกคำ "
" ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอโทษ "
" ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ตั้งใจ คนอย่างท่านไม่มีทางจะตั้งใจทำเรื่องเช่นนี้กับหญิงมากสามีเช่นข้าหรอก "
" ข้าไม่"
" ถึงแล้วขอรับท่านแม่ทัพ "
ฟานอวี้ที่อยากจะบอกความว่าตนไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่ทันได้เอ่ย ก็มาถึงวังหลวงเสียก่อน ฝูหรงรีบลงจากรถม้าทันที ก่อนจะเดินไปหาฮูหยินเฉียวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ฟานอวี้ลงมาจากรถม้าแล้วเดินตามผู้เป็นบิดาเข้าไป เพราะมารดาและฮูหยินนั้นเดินเข้าไปก่อนแล้ว ทันทีที่เดินเข้าไปด้านใน ก็มีชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาหาฝูหรงทันที
" ศิษย์น้อง ข้าคิดแล้วว่าจะต้องเจอเจ้าที่นี่เป็นแน่ "
องค์ชายซีกวนชายหนุ่มรูปงามท่าทางองอาจ ไม่แพ้แม่ทัพฟานอวี้เลยแม้แต่น้อย เอ่ยกับคนที่ตนเรียกว่าศิษย์น้อง
" องค์ชายเสด็จมาด้วยหรือเพคะ หม่อมฉันไม่ทราบข่าวว่าองค์ชายจะมาด้วยเลย "
" ที่แรกพี่ก็จะไม่มา แต่ท่านแม่ทัพบอกว่าเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย "
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรสจนคนที่ยืนมองอยู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จนต้องเดินเข้าไปหาทันที
" ถวายพระพรองค์ชายพะยะค่ะ ไม่เคยรู้ว่าองค์ชายจะรู้จักกับฮูหยินของหม่อมฉันด้วยนะพะยะค่ะ "
ไรท์. อ๊ะ อ๊ะ อย่าลืมคำพูดตัวเองนะท่านแม่ทัพ
เริ่มหวงน้องแบบนี้หมายความว่าไง ชอบน้องแล้วล่ะสิ แต่ปากหนักแบบนี้ระวังมีมือดีแย่งไปน๊า
ฝากติดตามด้วยนะคะ