10.ถอยทัพ
องค์ชายซีกวนเดินทางออกจากเมืองหลวง พร้อมกับกองทัพของตนที่เดินทางตามเขตชายแดนเข้ามา เพื่อไม่ให้ชาวบ้านตกใจ
" ได้ยินว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพสามารถยึดเมืองชินซางได้คืนแล้วนะพะยะค่ะ ทั้งที่ก่อนนี้ได้ยินว่าเสียเปรียบมากอยู่ "
จินหยางองครักษ์คนสนิทขององค์ชายเอ่ยขึ้น
" นั้นสิพะยะค่ะ ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพฟานอวี้จะเฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้ "
แม่ทัพลู่เอ่ยออกมาเช่นกัน
" เพราะเช่นนี้สินะ เจ้าถึงเชื่อมั่นสามีเจ้าถึงเพียงนี้ "
องค์ชายซีกวนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ จนกระทั่งกองทัพ 150,000 นายของแคว้นซางกวูเดินทางมาถึงค่ายของแม่ทัพฟานอวี้
" ท่านแม่ทัพ ทัพของแคว้นซางกวูเดินทางมาถึงแล้วพะยะค่ะ ตอนนี้องค์ชายซีกวนและแม่ทัพลู่ กำลังเดินทางมาพะยะค่ะ"
" อืม จัดหาที่พักให้กับองค์ชายอย่างเหมาะสมด้วย เอาเสบียงอาหารออกมาต้อนรับทหารที่มาช่วยรบครั้งนี้ด้วย "
" ขอรับท่านแม่ทัพ "
ก่อนหน้านี้กองทัพของแคว้นชินลาเสียเปรียบมาก แต่เพราะได้แผนที่ที่ฮ่องเต้ให้ไว้ อีกทั้งกลยุทธ์ของตนจึงสามารถทำให้สามารถยึดเมืองกลับคืนมาได้
อีกฝั่งทางแคว้นซางไห่
" หึ ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าแม่ทัพฟานผู้นี้จะใช้กลยุทธ์เช่นนี้มาตีเมืองกลับไปได้เพียง 3 วัน ข้าประมาทเกินไป "
แม่ทัพใหญ่ของแคว้นซางไห่เอ่ยออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
" นั้นสิข้าเองก็ไม่คิดว่าทหารไม่ถึงแสนของแคว้นชินลาจะสามารถเอาชนะทหารเกือบสามแสนของเราได้ อีกทั้งตอนนี้ยังมีกองทัพของแคว้นซางกวูเข้ามาเป็นกองหนุนอีก คงจะเป็นเรื่องยากที่เราจะเอาชนะได้ "
สองแม่ทัพเอ่ยออกมาอย่างเจ็บใจ แต่ศึกครั้งนี้ก็ไม่อาจจะถอยได้อีกแล้ว จึงจะต้องสู้ให้ถึงที่สุด
ในค่ายของแคว้นชินลา
องค์ชายซีกวนเดินทางมาถึงค่าย และกำลังพูดคุยกันกับแม่ทัพฟานอวี้อยู่
" อย่างนี้ทัพที่ยกมาช่วยท่านแม่ทัพ ก็คงจะเดินทางมาเสียเปล่าแล้วล่ะ"
"องค์ชายอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย หม่อมฉันเพียงแค่โชคดีเท่านั้นเองจึงสามารถเอาเมืองกลับคืนมาได้ "
" อย่าถ่อมตนไปเลยท่านแม่ทัพ หากเป็นผู้อื่นก็คงจะไม่โชคดีอย่างที่ท่านว่าหรอก "
แม่ทัพลู่เอ่ยกับคนที่อายุน้อยกว่ามาก
หลังจากยึดเมืองได้แล้ว สงครามก็ยิ่งเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น แม้สายฝนจะตกลงมาไม่หยุด แต้บนพื้นที่ของสงครามกับมีเสียงฟาดฟันกันไม่หยุด
ทั้งสายฝนทั้งเลือดปะปนกันเต็มพื้นดิน ทหารต่างก็บาดเจ็บล้มตายกันทั้งสองฝั่ง การสู้รบเนิ่นนานผ่านไปนับเดือน
" เผล้ง "
เสียงข้าวของแตกกระจายลงเต็มพื้นเพราะความโมโหของแม่ทัพแคว้นซางไห่ ที่กำลังเสียเปรียบเป็นอย่างมากในตอนนี้
" หึ แม่ทัพจงท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน จู่ๆก็ถอนกองหนุนกลับแคว้นตนเช่นนี้ได้อย่างไร "
แม่ทัพแคว้นซางไห่โกรธที่แคว้นตู่เหลียงยกทัพกลับแคว้นไปเมื่อเช้าตรู่ ทำให้ทหารเหลือน้อยเต็มที และเมื่อเห็นว่ากองหนุนหนีหายเหล่าทหารก็ยิ่งเสียขวัญเข้าไปอีก
" เป็นเช่นนี้เราคงต้องพ่ายศึกในไม่ช้าแน่ขอรับท่านแม่ทัพ เราจะทำเช่นไรดีขอรับ ฝั่งนั้นก็ดูท่าจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ หากเป็นเช่นนี้เราก็มีแต่จะเสียเปรียบนะขอรับ "
" หึ นี้ศึกครั้งนี้ข้าต้องพ่ายแพ้จริงๆสินะ สั่งทหารถอยทัพ "
" ขอรับท่านแม่ทัพ "
ภายในค่ายของแคว้นชินลา เมื่อรับรู้ถึงข่าวการถอยทัพของแคว้นซางไห่ เหล่าทหารต่างก็โห่ร้องยินดีกับชัยชนะครั้งนี้
ฟานอวี้เองก็ไม่ต่างจากเหล่าทหาร ร่วมถึงองค์ชายซีกวนเช่นกัน ฟานอวี้ต่างเดินเยี่ยมเหล่าทหารที่บาดเจ็บของแคว้นตนร่วมถึงแคว้นซางกวูด้วย
" ได้ยินเหล่าทหารบอกว่ายาที่ท่านหมอทาให้นั้น ทำให้บาดแผลแห้งเร็วจนเหล่าทหารที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้หายดีจนสามารถร่วมรบต่อได้อีก ชั่งเป็นยาที่ดีจริงๆ "
จางเหยาเอ่ยบอกออกไป แม่ทัพลู่เดินเข้ามาก่อนที่จะเอ่ยบอก
" หมอที่ปรุงยาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกท่านแม่ทัพ ก็คือหลานชายของท่านราชครูนั้นแหละ ท่านหมอเป็นหมอสมุนไพรที่เก่งมาก ข้าได้ยินว่าท่านหมอจื่อยวนเองก็เป็นสหายเก่าของท่านไม่ใช่หรือท่านแม่ทัพ "
ฟานอวี้อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมทั้งแม่ทัพและองค์ชาย ถึงรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวของฮูหยินตนนัก อีกทั้งตนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจื่อยวนคือหลานชายของราชครู
เพราะการพบเจอกันนั้นคือตอนทำศึก เมื่อครั้งนานมาแล้ว แม้จะได้พบกันบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่เคยเอ่ยถามถึงเรื่องส่วนตัวของอีกคนเลย
" ชั่งเป็นโชคดีของแคว้นชินลาจริงๆ ที่มีหมอเก่งๆถึงเพียงนี้ และไม่คิดว่าจะเป็นคนของสกุลหลานเช่นเดียวกับฮูหยินอีก "
หานชิงเอ่ยขึ้น
" คงไม่ได้โชคดีที่มีหมอเก่งอย่างเดียวหรอก แต่แคว้นชินลา ไหนเลยจะโชคดีเท่าท่านแม่ทัพของเจ้ากัน "
เอ่ยจบองค์ชายก็เดินออกไปจากกระโจมทิ้งให้อีกหลายคนสงสัยอยู่เช่นนั้น ร่วมถึงฟานอวี้ที่ดูสงสัยในคำพูดนี้มากกว่าใคร
" องค์ชายเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าเช่นไรกัน ท่านอาพอจะรู้หรือไม่ "
แม่ทัพลู่ยิ้มออกมาก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
" หากท่านไม่ปิดหูปิดตาตนเอง กลับไปท่านก็จะรู้เองนั้นแหละ ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ "
ฟานอวี้ก็ยังคงไม่ได้คำตอบจากคนที่ตนเอ่ยถาม จนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เมื่อมีเวลาที่ไม่ต้องทำศึกฟานอวี้ก็อดคิดถึงผิวขาวของอีกคนไม่ได้ พลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า
" หวังว่าเจ้าจะไม่ได้หายไปไหนนะฝูหรง "
ฟานอวี้ที่แช่น้ำอยู่อีกสัพพักก็ลุกใส่เสื้อผ้าพร้อมกับเข้านอน
หลังจากที่ทัพของแคว้นซ่างไห่ถอยทัพไป เมืองชินซางก็เริ่มกลับมาอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง ชาวเมืองที่อพยพหนีไป ก็ย้ายกลับมายังเมืองชินซางอีกครั้ง ทหารที่ยังแข็งแรงต่างก็ช่วยกันซ่อมแซ่มบ้านเรือนให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
" ข้าเห็นทีจะต้องยกทัพกลับแล้ว เจ้าจะยังอยู่ที่นี่ต่อเช่นนั้นหรือ "
" พะยะค่ะ รอให้เจ้าเมืองคนใหม่มารับตำแหน่ง หม่อมฉันจึงจะกลับเมืองหลวงพะยะค่ะ "
" อืม ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะเดินทางกลับก่อน ยังไงก็อย่าอยู่ที่นี่นานนักล่ะ เดี๋ยวฮูหยินของท่านหนีไปจะหาว่าข้าไมบอกท่านนะ "
" หนีเช่นนั้นหรือ นางจะหนีไปไหนกันนางเป็นฮูหยินของหม่อมฉัน นางไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอกพะยะค่ะ "
" อย่ามั่นใจในสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ทั้งหมด ข้าไปล่ะ "
ฟานอวี้แปลกกับคำพูดทิ้งท้ายขององค์ชายอีกครั้ง
" เหตุใดองค์ชายจึงมักเอ่ยถอยคำเช่นนี้ ให้ต้องสงสัยนักขอรับท่านแม่ทัพ "
" แล้วทำไมเจ้าถึงไม่เอ่ยถามล่ะ "
ฟานอวี้ตอบคนสนิทของตนออกไป จนจางเหยานั้นอดหัวเราะไม่ได้
" นั้นสิทำไมเจ้าถึงไม่ถามเสียตั้งแต่ตอนนั้น "
" เจ้าเองก็อยากรู้เหมือนกับข้านั้นแหละจางเหยา "
สองสหายถกเถียงกันไปมาจนฟานอวี้ต้องเดินหนีออกไปด้านนอก
" เหตุใดถึงมีคนที่รู้จักเจ้าดีถึงเพียงนี้ ทั้งที่ก็อยู่ต่างแคว้นกันแท้ๆ ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่ "
หลังจากนั้นฟานอวี้ก็สั่งให้จางเหยาเดินทางกลับเมืองหลวงก่อน
" ข้าต้องการรู้ว่าฮูหยินของข้าก่อนนี้นางอยู่ที่ใด คนที่นางอยู่กินด้วยคือใคร ไปสืบมาให้ข้า ข้ากลับเมืองหลวงข้าจะต้องได้รู้ทุกอย่างเข้าใจหรือไม่จางเหยา "
" ขอรับท่านแม่ทัพ "
จางเหยาเดินทางกลับเมืองหลวงทันที ฟานอวี้ยังคงรอเจ้าเมืองคนใหม่มารับหน้าที่ดูแลเมือง
ในวังหลวงตอนนี้องค์ชายเดินทางมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้อีกครั้งเพื่อจะทูลลากลับแคว้นของตน
" ฝ่าบาทเห็นที่หม่อมฉันคงจะต้องเดินทางกลับแล้วพะยะค่ะ ขอฝ่าบาทรักษาพระวรกายให้ดี หากมีเวลาหม่อมฉันจะมาเข้าเฝ้าใหม่พะยะค่ะ "
" อืม ขอบใจเจ้ามาก หากไม่ได้ทัพของเจ้าช่วย ป่านนี้ศึกครั้งนี้คงจะยังไม่ยุติเป็นแน่ "
" หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยพะยะค่ะ ท่านแม่ทัพของฝ่าบาทเก่งกาจมากอยู่แล้ว "
" ถ้าไม่ได้กองทัพของแคว้นซางกวูช่วยหนุนอีกแรง แคว้นชินลาก็คงจะลำบากเช่นกัน พวกเราเหล่าขุนนางขอขอบคุณแคว้นซางกวูพะยะค่ะ "
เหล่าขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างก็ขอบคุณองค์ชายและแคว้นซางกวูที่ได้ช่วยเหลือครั้งนี้
" ข้ายินดี ถึงอย่างไรแคว้นนี้ก็เป็นบ้านเกิดของเสด็จแม่ อย่างไรเสียเราก็เป็นเมืองพี่เมืองน้อง อย่าได้เกรงใจ "
ซีกวนเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม มหาเสนามององค์ชายซีกวนด้วยรอยยิ้ม แต่ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มอยู่นั้น กลับมีแผนร้ายที่แอบแฝงอยู่
ภายในจวนของมหาเสนา
" เจ้าจัดเตรียมมือสังหารเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ อย่าให้พลาดได้ ทั้งสองทาง "
" ขอรับนายท่าน "