ตอน "ความฝันในอดีตที่ฝังใจ" 4
“คัทลียาของคุณเด ต่อให้ทางข้างหน้ามีอุปสรรคต้องลุยไฟลงไปในนรกและต้องพลิกแผ่นดินตามหา คุณเดจะตามหาหนูให้เจอ จะนานกี่ปีกี่เดือนแค่ไหนก็จะหาจนเจอ...คัทลียาจะต้องได้มาอยู่ในอ้อมกอดของคุณเดแน่นอน”
เดวิดเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว ซึ่งห้องนอนห้องนี้ไม่เคยมีใครกล้าเข้าไป ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง เขาหยุดยืนอยู่กลางห้องโถงขนาดใหญ่ หัวใจดวงโตสุดช้ำ ดวงหน้าคมคายเริ่มเคร่งขรึม นัยน์เนตรสีฟ้าน้ำทะเลเริ่มแดงก่ำเงยขึ้นมองเพดานนั้นมีน้ำตาคลอเบ้า เมื่อนึกย้อนไปเมื่อครั้งตอนที่เขากลับมาอยู่บ้านเกิด
เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขาไปรับเด็กกล้วยไม้มาอยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้...
เดวิดเคียดแค้น อยากจะฆ่ากิมหยง ผู้หญิงคนที่เขาไว้ใจ ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะใจร้าย ขายคนของเขาให้กับคนอื่น ทั้งที่หล่อนก็ยังได้เงินเดือนทุกเดือนจากเขาอีก
‘เลวชาติชั่วจริงๆ’ เดวิดคาดโทษเอาผิดกับกิมหยง
“ผมเตรียมน้ำอุ่นให้นะครับ” เจสันเห็นอาการนิ่งขรึมของเจ้านาย ซึ่งอาการแบบนี้น่ากลัวมากสำหรับเจสัน เพราะมันบ่งบอกว่าเดวิดกำลังโกรธและอยากจะฆ่าใครสักคน
“คืนนี้ ฉันจะเข้าไปที่บาร์อีก”
เดวิดเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ศีรษะที่เกยอยู่บนพนักโซฟานั้นผงกขึ้น มือก็ปลดสร้อยออกจากคอแล้วแกะล็อกเก็ต ดวงตาสีฟ้าครามน้ำทะเลสุกประกายระยิบระยับ มีความสุขทุกครั้งที่ได้มองภาพของเด็กน้อยกล้วยไม้ที่อยู่ด้านซ้ายของล็อกเก็ต
ใบหน้ารูปไข่แก้มป่องๆ ของเด็กน้อยเขาเคยหอม ริมฝีปากจิ้มลิ้มยิ้มสดใสแบบนี้เคยจูบแก้มของเขาเช่นกัน ก่อนที่เดวิดจะยื่น
ล็อกเก็ตให้เจสันดู เขาก็เหลือบตามองดอกกล้วยไม้ที่ติดอยู่ในล็อกเก็ตด้านขวา เขายิ้มมุมปาก จดจำได้ไม่มีวันลืม เพราะภาพทั้งภาพนี้ เขาเป็นคนถ่ายเองกับมือ
“คุณคัทลียา คงจะสวยน่าดูนะครับ” เจสันรับล็อกเก็ตจากเจ้านายมาถือไว้ เขาดูรูปภาพของเด็กน้อยอายุประมาณหกหรือเจ็ดขวบจนชินตา
“นายอย่ามาพูดประชดฉัน” เดวิดพูดเสียงแข็งรีบดึงเอาของสำคัญที่อยู่ในมือของเจสันมาถือไว้เอง และมองรูปของหนูน้อยกล้วยไม้อีกครั้ง
“ผมพูดจริงๆ นะครับ” ครั้งนี้ เจสันไม่ได้พูดเพื่อเอาใจเจ้านาย แต่เขาพูดไปตามความรู้สึกที่ได้ดูรูปภาพตอนเด็กๆ ของผู้หญิงในฝันของชายหนุ่ม
“ต่อไปนี้ นายไม่ต้องพาผู้หญิงพวกนั้นขึ้นมาให้ฉันดูตัวอีกต่อไปแล้วนะ” เดวิดคว้าเอาซองบุหรี่แล้วลุกขึ้นยืน เขาก้าวเดินไปยืนใช้สีข้างพิงขอบประตูหน้าต่างเลื่อนบานใหญ่ มือก็จับมวนบุหรี่ใส่ปาก ซึ่งเจสันเห็นก็รีบเข้าไปจุดบุหรี่ให้เจ้านายทันที
เดวิดดูดบุหรี่เอาควันสีเทาเข้าปอดแล้วพ่นมันออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บหัวใจ แววตาสีน้ำทะเลก็มองลงไปยังถนน ผู้คนมากมายต่างพากันเดินขวักไขว่วุ่นวาย ช่างเปรียบเสมือนหัวใจของเขาในเวลานี้ที่หม่นหมอง ไม่คึกคักเต้นแรงเหมือนทุกครั้ง เขาเป็นทุกข์ยิ่งนักกับเรื่องราวในอดีตที่แสนปวดร้าวหัวใจ
“ทำไมครับ” เจสันถามกลับเพราะความสงสัย
“นายออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว!” เดวิดไม่ตอบคำถามของลูกน้อง ดวงตาดุจเหยี่ยวปรายมองจนเจสันหวาดกลัวและเข้าใจดีว่าควรทำอย่างไร
เดวิดถอนหายใจแรงๆ ไม่อาจรู้ได้ว่าหนูน้อยโตขึ้นจะมีใบหน้าแบบไหน จะสวยหวานหรือสวยแบบเซ็กซี่อย่างที่เจสันพูดหรือเปล่า และเขาจะจำเธอได้ไหม ถ้าวันหนึ่งได้เจอเธอจริงๆ เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองสักเท่าไร
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เดวิดมีความหวังและมั่นใจได้ นั่นก็คือแหวนวงศ์ตระกูลของเขาที่ให้ไว้กับเธอ กับรอยแผลเป็นตรงแก้มก้นด้านซ้ายที่อยู่บนตัวเธอ สองสิ่งนี้จะนำพาให้เขาจำเธอได้แน่นอน
“เมอซิเออร์ไม่อาบน้ำเหรอครับ” เจสันโค้งคำนับขยับตัวเดินถอยหลังเล็กน้อยหลีกทางให้เจ้านาย เมื่อร่างใหญ่โตเดินอาดๆ ผ่านหน้าเขาไปยังเตียงนอน
“ฉันจะพักผ่อน...นายออกไปจัดการเรื่องที่ฉันสั่งให้เรียบร้อยก็แล้วกัน” เดวิดถอดชุดคลุมออกจากกายกำยำ แล้วโยนให้ลูกน้อง ไม่ได้มองว่าเจสันจะรับชุดคลุมได้ไหม คนตัวใหญ่ไม่ใส่เสื้อ ใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์สีดำ เขาคลานขึ้นเตียงขนาดใหญ่ที่นอนได้สามสี่คน ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนคว่ำ ใบหน้าคมสันก็มุดลงหมอนขนาดใหญ่
เดวิดไม่อยากได้ยินคำถามของเจสันจึงเอาหมอนอีกใบมาวางทับศีรษะของตัวเองไว้ ซึ่งคนเป็นลูกน้องรู้ใจ ก็รู้เข้าใจเจ้านาย เขาควรปล่อยให้เดวิดได้พักผ่อน
เจสันทำตามความต้องการของเจ้านาย เดินออกจากห้องนอนของเดวิดตรงไปยังห้องนอนอีกห้องหนึ่ง เขาเดินไปตรงจุดที่มีสองสาวนอนไม่ยอมตื่น สงสัยเมื่อคืน เจ้านายของเขาคงจะให้พวกหล่อนกินยานอนหลับ พวกหล่อนถึงเหมือนคนบ้า นอนละเมอ
เจสันย่อตัวนั่งยองๆ เขย่งปลายเท้าทั้งสองข้างขึ้น แล้วยื่นมือเข้าไปสะกิดให้พวกหล่อนได้รู้สึกตัว
“ตื่นกันได้แล้วครับ คุณผู้หญิง” เจสันสะกิดพวกหล่อนหลายครั้ง
“พอได้แล้วค่ะ...คุณเดวิดขา อย่าสิคะ...ฉันระบมไปทั้งตัวแล้วนะคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเมื่อถูกรบกวนการนอน เธอฝันที่ไม่ใช่ความจริง เปรยเสียงสั่นสะท้าน ไหนจะทำหน้าเซ็กซี่ ร่างกายเปลือยเปล่าก็บิดเป็นเกลียวเหมือนงูสองตัวได้สมสู่ร่วมรักกัน
“คุณผู้หญิงครับ ลุกขึ้นไปแต่งตัว แล้วรีบกลับไปได้แล้วครับ”
เจสันสมเพชในตัวของผู้หญิงแต่ละคนที่ได้ย่างกรายเข้ามาในห้องนี้ แต่ไม่มีบุญขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้ากับเจ้านายของเขาสักคน แล้วต้องส่ายหน้าให้กลับความเพ้อฝันละเมอของพวกเธอๆ ทั้งหลาย สงสัยเจ้านายจะใส่ยาประสาทหลอนให้พวกหล่อนเยอะไปแน่ ถึงได้ฝันอะไรบ้าๆ แบบนี้
“ว้ายย!! นะ!!! นายจะทำอะไรพวกเรายะ”
เสียงปลุกมาพร้อมกับมือใหญ่ผิวสีดำเหมือนมือคิงคองฉุดเบาๆ ทำให้ผู้หญิงคนที่สองรู้สึกตัว หล่อนลืมตาโพลงมองหน้าของเจสันที่ก้มมองหน้าลงมามองหน้าหล่อน หน้าของเขาและเธออยู่ใกล้กันเพียงแค่คืบ หญิงสาวตกใจจึงผลักดวงหน้าสีดำทมิฬออกห่าง แล้วรีบลุกนั่ง
“รีบแต่งตัวได้แล้วครับ” เจสันเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน เขาเก็บเสื้อผ้าของสองสาวมากองไว้ข้างตัวพวกเธอ แล้วก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่หยิบเอาชุดกระโปรงยื่นให้กับพวกเธอ
“นายมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งกับพวกฉัน”
ผู้หญิงคนที่หนึ่งเมื่อได้ยินเสียงร้องวี้ดว้ายของเพื่อน เธอก็สะดุ้งตื่นตกใจ และยังไม่วายทำปากดีส่งเสียงด่าทอว่าเจสันอีก
“ไอ้ดำตับเป็ด...นายจะทำอะไรกับเสื้อผ้าของฉันยะ” ผู้หญิงคนที่สองไม่คิดอายร่างกายเปลือยเปล่า หล่อนรีบคว้าเอาชุดกระโปรงที่เจสันยื่นให้มาสวมใส่แบบลวกๆ
“คุณผู้หญิงอย่าเสียงดังกันสิครับ” เจสันทำมือทำไม้บอกให้พวกหล่อนหยุดเสียงดัง
“ทำไม! ทำไมฉันจะเสียงดังไม่ได้ยะ...”
เสียงโวยวายของสองสาวดังพร้อมกัน ทำให้เจสันต้องหยุดพูด เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตร ชายหนุ่มหนักใจกับพวกผู้หญิงพวกนี้ ปวดหัวมากจึงยกมือขึ้นกุมขมับกับท่าทีไม่ยอมของพวกหล่อน ทำให้เจสันอยากจะหนีออกไปจากเสียตรงนี้
เขากลัวเหลือเกินว่าเจ้าพ่อผู้ดุร้ายแห่งวงการสถานที่เริงรมย์ที่นอนพักผ่อนอยู่อีกห้องจะออกมาหักคอ และจับพวกหล่อนโยนออกนอกหน้าต่างเหลือเกิน
“ก่อนมาที่นี่...พวกคุณไม่ได้อ่านกฎของที่นี่เหรอครับ” เจสันพูดเบาจนกลายเป็นเสียงกระซิบกระซาบบอกพวกหล่อน
“อ่าน! แต่ฉันไม่สนใจ...ฉันจะเสียงดัง...นายจะทำอะไรฉันยะ”
‘อ้าว! มีการท้าทายอีก’ เจสันยกมือตบหน้าผากตัวเอง นี่พวกหล่อนคงคิดว่ากฎของที่นี่ไม่มีอำนาจใช่ไหม
‘หึ! แล้วจะหนาว’ เจสันพูดในใจ
“นั่นสิ...นายจะทำอะไรพวกเรา...นายไม่รู้เหรอ เมื่อคืนคุณเดวิดทำให้พวกฉันครวญครางร้องดังมีความสุขคับห้องขนาดไหน...หึ! คุณเดวิดยังไม่เห็นว่าอะไรพวกเราเลย รู้ไหม คุณเดวิดยังบอกให้พวกฉันร้องดังๆ อีกต่างหาก แล้วนี่ นายเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาห้ามพวกฉันไม่ให้เสียงดังยะ” พวกเธอทั้งสองมองหน้ากัน ต่างรู้ว่าควรทำอย่างไร
“ไอ้ดำตับเป็ด...ไอ้หน้าอัปลักษณ์ สกปรก...ไอ้ตัวเหม็น” ผู้หญิงคนแรกร้องด่าทอเจสันอย่างเสียๆ หายๆ
“คุณเดวิดขา ช่วยพวกเราด้วยค่ะ คนของคุณนิสัยไม่ดี มาลวนลามพวกเราค่ะ...ว้ายย!! ช่วยด้วยค่ะ...ไอ้ดำมันจะทำร้ายพวกเรา...ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยพวกเราด้วยค่ะ”
หญิงคนที่สองก็กรีดร้องโหยหวนเหมือนหล่อนเจ็บปวดใกล้ตาย ร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าของห้องนี้
“หยุด! หยุดร้องเสียงดังสักที...พวกคุณอยากให้คุณเดวิดออกมาไล่พวกคุณใช่ไหมครับ” เจสันที่ใจเย็นสุดๆ ตะโกนบอกพวกหล่อน แต่นั่นไม่ทำให้พวกเธอเชื่อฟัง
“นายอย่ามาขู่พวกฉันเสียให้ยากเลย...ฉันไม่เชื่อหรอกที่คุณเดวิดจะกล้าไล่พวกฉัน” พวกหล่อนสองคนตะคอกเสียงดังใส่หน้า
เจสันพร้อมๆ กัน
“คุณเดวิดขา...คุณเดวิดช่วยพวกเราด้วยค่ะ ไอ้ดำมันจะทำร้ายและขืนใจพวกเราค่ะ ช่วยด้วย...ว้ายยย...ช่วยด้วยค่ะ คุณเดวิดขา...”
‘พวกผู้หญิงไม่มีสกุล’
เสียงเกรี้ยวกราดเค้นออกมาจากไรฟันขาวสะอ้าน...เดวิดลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาสีน้ำทะเลแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจ้องมองบานประตู ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียง เดินไปยังห้องที่มีเสียงของพวกผู้หญิงเศษสวะพวกนั้น
“หยุดเห่าหอนเป็นหมาเดือนสิบสองสักที!” เสียงตะคอกเกรี้ยวกราดดังมาพร้อมร่างโตเท่ายักษ์ เขาเดินย่างสามขุมตรงเข้าไปหาพวกหล่อน
“คุณเดวิดขา ช่วยพวกเราด้วยค่ะ...ไอ้ดำมันจะขืนใจพวกเราค่ะ” เมื่อพวกหล่อนเห็นเจ้านาย ผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง รูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายกำยำและมีใบหน้าตาคมคายหล่อเหลาแบบนี้เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้หญิงทั้งประเทศ ที่ฝันใฝ่อยากจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ และอยากจะถูกมือใหญ่ทั้งสองข้างของเขาสัมผัสลูบไล้ร่างกาย
พวกหล่อนหันไปมองแล้วพากันร้องขอความช่วยเหลือพร้อมทั้งทำท่าทีหวาดกลัวเจสัน แล้วแกล้งคลานตะเกียกตะกายหนีเข้าไปหาเดวิด
“พวกเธอเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาเรียกชื่อฉัน!!”
‘พวกผู้หญิงขยะ กล้าดีอย่างไรถึงมาเรียกชื่อฉัน ทำตัวสนิทสนมกันแบบนี้’ เดวิดตะคอกเสียงเกรี้ยวกราดในใจ
“คุณเดวิด...ทำไมพูดกับพวกเราแบบนี้ล่ะคะ” หญิงสาวทั้งสองยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง พวกเธอยังส่งเสียงวี้ดว้ายร้องขอความช่วยเหลือ
“อยากลิ้นขาดหรือไงถึงกล้าเอ่ยชื่อฉันไม่หยุดฮะ!” ใบหน้าคมคายเหี้ยมเกรียม ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลลุกเป็นไฟมองพวกหล่อนอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อพวกหล่อนยังเอ่ยชื่อของเขาอยู่
เทพบุตรรูปงามแปลงร่างเป็นพญามาร ดวงหน้าคมสันก็แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมน่าเกรงขาม ผสมกับเสียงเสียงตะคอกดังกังวานน่ากลัวทำให้สองสาวเริ่มรู้สึกตัว
“ค...คะ? เมอซิเออร์...พวกเราขอโทษค่ะ”
“ออกไป!!” เดวิดใช้สายตาดุดันถากถางบังคับให้พวกเธอทำตามคำสั่ง
“เมอซิเออร์...ฉันขอโทษค่ะ” สองสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ กลัวชายหนุ่มที่เป็นเจ้าชีวิตของพวกเธอเหลือเกิน
“พวกผู้หญิงชั้นต่ำ...จะออกไปเองหรือจะให้ฉันจับพวกเธอโยนออกนอกหน้าต่างฮะ”
‘ซวยมาก ผู้หญิงพวกนี้ที่ถูกเมอซิเออร์เดวิดด่าทอด้วยคำพูดหยาบคาย’
เจสันนึกในใจ เขามองหน้าของเจ้านาย รับรู้ว่าต้องทำอย่างไร เจสันโค้งคำนับให้กับเดวิดแล้วเดินถอยหลังออกจากห้อง ปล่อยให้สองสาวเผชิญชะตาชีวิตไปตามลำพัง
ด้านเดวิดที่เป็นสุภาพบุรุษแปลงร่างกลายเป็นอสูรดุร้าย เขาไล่ให้พวกหล่อนรีบออกไปให้พ้นอีกครั้ง เมื่อพวกหล่อนกำลังจะคลานเข้ามาหา
“ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ก็รีบไสหัวไป!!!”
“คะ...ค่ะ ค่ะ ค่ะ...พวกเราจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ เมอซิเออร์อย่าทำอะไรพวกเราเลยนะคะ” เสียงคำรามดุจเสียงของพญาสิงโต ทำเอาหญิงสาวทั้งสองหวาดกลัว เมื่อเห็นเดวิดผู้ชายตัวโตมีใบหน้าหล่อเหลาแปลงร่างเป็นพญามัจจุราช ดวงตาหวานเยิ้มสีน้ำฟ้าทะเล ที่สาวๆ หลายคนทั่วประเทศต่างหลงใหล แปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงสีแดงก่ำจับจ้องร่างของพวกหล่อน
นี่ถ้าพวกหล่อนขืนอยู่ในนี้นานกว่านี้ มีหวังร่างกายไร้เสื้อผ้าคงถูกเผาเป็นจุณเพราะดวงตาสีเพลิงนั้นแน่
“พวกผู้หญิงขยะ” ความใฝ่สูง หลงตัวเองของพวกผู้หญิงชั้นต่ำทุกคนที่ได้มาอยู่ในห้องนี้ ทำให้เดวิดกลายร่างเป็นยักษ์จิตใจเหี้ยมโหด...
เดวิดหัวเสียส่งเสียงตะคอกวาจาเจ็บแสบที่สุดทั้งที่การด่าเพศตรงข้ามด้วยคำหยาบคายนี่ มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลยสักนิด
ดวงตาแดงก่ำดุจเปลวเพลิงมองตามหลังพวกผู้หญิงที่พากันตะเกียกตะกายเหมือนหมาขี้เรื้อนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกจากห้องโดยที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า…
