สงครามรักต่างแดน

216.0K · จบแล้ว
อังศุมาลินทร์ กังสดาล
82
บท
16.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แคว่กก...กระโปรงตัวเดียวที่ยังสมบูรณ์เป็นรูปร่างถูกมือใหญ่ดึงทึ้งฉีกขาดอีกครั้ง ซึ่งบ่งบอกความบ้าบิ่นของเจ้าพ่อกาสิโนที่มีนิสัยชอบทำร้ายผู้หญิงก่อนมีเซ็กซ์พิสดาร เขาจับมือทั้งสองข้างของเธอขึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว ร่างโตโถมทับร่างบาง ใบหน้าคมคายก้มลงซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวนวล ริมฝีปากร้ายพรมจูบผิวเนื้อทุกตารางนิ้วบนใบหน้านองน้ำตา ริมฝีปากหนาไล้มาประกบจูบบดขยี้เรียวปากอิ่มจนทำให้ปากบางที่แตกอยู่แล้วกลับแตกและมีเลือดไหลซิบออกมาอีก“อย่าทำฉัน...ฮืออ” กล้วยไม้หมดหนทาง ไม่มีเรียวแรงที่จะสู้จึงอ้อนวอนชายหนุ่มด้วยเสียงสะอื้นไห้ครางฮือๆ อยู่ในลำคอ“หยุดแหกปากร้องเสียที ในนี้ไม่มีใครเขาสนใจโสเภณีอย่างเธอหรอก” ยาเสพติดผสมยาปลุกเซ็กซ์ออกฤทธิ์กระตุ้นให้อาเล็กกลายเป็นคนถ่อยสถุลที่สุด“ฮืออ...ปละ...ปล่อยฉัน!!” ความถ่อยกักขฬะของชายหนุ่ม ปลายลิ้นสากเปียกชุ่มน้ำลายเหนียวๆ ปาดเลียไปตามดวงหน้าหวานทำให้กล้วยไม้ขยะแขยง เธอดิ้นรนอย่างแรงเอาตัวรอด แต่กล้วยไม้ก็ไม่มีทางสู้แรงมหาศาลของคนสวะจึงปล่อยให้เขาจูบลูบคลำตามอำเภอใจ แล้วเมื่อชายหนุ่มหลงกล เธอจึงกัดเข้าที่ปลายลิ้นของเขาจนจมเขี้ยว“โอ๊ย!! ฤทธิ์เยอะนะมึง” อาเล็กยังนอนคร่อมร่างบาง เขาร้องโอดครวญยกมือขึ้นกุมปากที่โชกไปด้วยเลือด ความเจ็บปวดตุบๆ ตรงแผลกลางลิ้นทำให้อารมณ์โกรธเดือดดาล และยิ่งเป็นเพศตรงข้ามมาทำกับเขาแบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่ชอบดูถูกผู้หญิงทุกคนเป็นเพียงเศษขยะฉุนขาด แล้วก็…เผียะ!! เผียะ!!! อาเล็กใช้มือข้างที่กุมปากชุ่มไปด้วยเลือดฟาดลงบนพวงแก้มนวลของกล้วยไม้สองครั้งอย่างแรง“กรี๊ดดด!! ฮืออ” เสียงหวานกรีดร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวด ดวงหน้าขาวที่ถูกตบแดงช้ำบวมเป่ง มองเห็นเป็นรอยฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มอย่างชัดเจน“อาเล็ก หยุด!!!” ภาพของผู้หญิงร่างบอบบางถูกทำร้าย ชุดกระโปรงตัวสวยถูกฉีกขาดวิ่นไม่มีติดกายจนมองเห็นริ้วรอยเขียวช้ำบนผิวขาวอย่างชัดเจน เธอนอนสั่นระริกอยู่ใต้ร่างของอาเล็ก ทำให้เดวิดเกิดความเดือดดาลอยากจะฆ่าไอ้น้องชายจอมชั่วที่มันช่างกล้ามาทำความเลวระยำในพื้นที่ของเขา“พิ...พี่ใหญ่!!” มือใหญ่กำเป็นกำปั้นกำลังจะชกลงบนหน้าท้องของหญิงสาวก็ต้องหยุดค้างไว้ เมื่อเขาได้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!!”‘สถุลสิ้นดี’ เดวิดกัดฟันเสียงดังกรอดๆ เขาเค้นเสียงด่าน้องชายต่างมารดาออกมาจากไรฟัน

คนต่ำต้อยทหารสัญญาทางรักมาเฟียเศรษฐีดราม่าโรแมนติกนิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบัน

บทที่๑ ตอน "ความฝันในอดีตที่ฝังใจ" 1

บึมม!!!

“ระ...ระวัง! หละ...หลบไปครับพี่บุญมี!”

เสียงครางของผู้ชายตัวโตที่นอนเกลือกกลิ้งกระสับกระส่ายสะดุ้งเป็นพักๆ อยู่บนที่นอนหนานุ่มขนาดใหญ่ มือไม้ทั้งสองข้างไม่อยู่สุขก็คอยไขว่คว้าเอาอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวเข้ามากอดไว้แนบชิด ซึ่งสิ่งที่คนนอนละเมอฝันร้ายก็คว้าเอาหมอนข้างกายมากอดไว้แน่นแทนอะไรบางอย่างที่ชายหนุ่มเรียกร้องโหยหา เฝ้าเสาะแสวงหามาตลอดสิบห้าปีกว่า

วี้ดด!! บึมมม!!! บึมมมม!!!

เสียงหวอระเบิดเตือนภัยมาพร้อมเสียงตูมๆ ของระเบิดหลายลูกที่เครื่องบินหลายลำบินผ่านโจมตีโยนลงสู่พื้นดินตรงหมู่บ้านเล็กๆ ในแผ่นดินประเทศลาวติดชายแดนไทยลุ่มแม่น้ำโขง ผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นคนเฒ่าผู้แก่เด็กเล็กเด็กแดงในหมู่บ้านต่างพากันร้องวี้ดว้ายขอความช่วยเหลือ

ทุกคนต่างวิ่งหนีหลบลูกระเบิดกันขวักไขว่ ซึ่งไม่ต่างอะไรกันกับครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน ‘นาย บุญมี วิบูรณ์’ เขาจูงเมียและอุ้มลูกสาวเดินฝ่าความมืดไปตามตลิ่งแม่น้ำโขง ซึ่งมีนายทหารฝรั่งนายหนึ่งคอยเดินนำทาง

“คุณเดวิด...ผมฝากลูกสาวของผมด้วยนะครับ

เมื่อมาถึงที่หมาย ชายหนุ่มร่างท้วมวัยสี่สิบปีพูดภาษาฝรั่งเศสผสมภาษาไทยแบบคำต่อคำพอทำให้เดวิด นายทหารฝรั่งวัยยี่สิบหกปีได้เข้าใจ...

นายบุญมีหวาดระแวงคอยสอดส่องมองความปลอดภัยซ้ายขวาเมื่อเสียงปืนดังอยู่ข้างหลัง ไหนจะเสียงระเบิดที่เครื่องบินหลายลำบินผ่านและโยนลงแต่ละครั้งเสียงดังตูมตามๆ

ดวงหน้าหยาบกร้านของนายบุญมีเป็นกังวลอย่างหนักเมื่อมองหน้านายทหารชาวฝรั่งเศส เขาสงสารลูกแต่จะทำอย่างไรได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ลูกสาวมีชีวิตรอดก็คือ ฝากฝังลูกสาวสุดดวงใจให้นายทหารฝรั่งที่เขาไว้ใจว่าชายหนุ่มจะปกป้องคุ้มครองดูแลลูกแทนเขาได้เป็นอย่างดี

และก่อนที่เขาจะยื่นลูกสาวคนเดียวให้เดวิดนั้น...นายบุญมีก็ได้หันไปมองตาของภรรยาชาวลาว ซึ่งภรรยาของนายบุญมีก็พยักหน้าให้สามีทั้งที่มีน้ำตาไหลเป็นทางยาวอาบแก้มขาวผ่อง มือที่กุมมือของสามีไม่ยอมปล่อยนั้นเย็นเฉียบเมื่อเห็นสามียื่นลูกสาวสุดดวงใจให้เดวิด

“ไปด้วยกันนะครับพี่บุญมี...พี่ช่อไม้”

เดวิดพูดภาษาฝรั่งเศสผสมภาษาไทย เขาช่วยนายบุญมีเอาเรือพายออกมาจากที่ซ่อน แล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นเรือที่มีเพียงสองที่นั่ง ซึ่งนายบุญมีเป็นคนหามาเตรียมไว้เพื่อหลบหนีข้ามไปฝั่งประเทศไทย...

เดวิดรับหนูน้อยกล้วยไม้มาอุ้มแล้วปล่อยให้เด็กน้อยนั่งเกาะขาเขาไว้ แล้วเขาก็ยื่นมือให้ภรรยาของนายบุญมีเกาะเพื่อจะได้ข้ามเข้าไปนั่งบนเรือได้ แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับคืนมาคือ…

“ฉันฝากยัยหนูของฉันด้วยนะนายทหาร” นางช่อไม้ส่ายหน้าปฏิเสธ เธอสะอื้นไห้เสียงดังฮือๆ เมื่อเห็นลูกอยู่ในอ้อมกอดของนายทหาร

“ยื่นมือมาให้ผมเถอะพี่ช่อไม้ ไปด้วยกันนะครับ” เดวิดเป็นทหารของฝรั่งเศสซึ่งถูกพวกทหารจีนแดงตามล่าและเขาถูกยิงได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่นายบุญมีช่วยชีวิตเอาไว้และช่วยให้เขาหลุดพ้นจากหน่วยงานข้าศึกจีนแดง

“ฮืออ...นายทหาร...ยัยหนูเป็นดั่งดวงใจของฉัน...ฉันขอฝากกล้วยไม้ให้คุณดูแลแทนฉันด้วยนะคะ” นางช่อไม้กำชับบอกเดวิดด้วยเสียงสั่นเครือ

“อย่าร้องไห้เลยช่อไม้ เราจะต้องได้เจอลูก และได้ไปอยู่ที่ประเทศไทย บ้านเกิดของพี่แน่นอน...พี่สัญญา พี่จะพาเธอไปเจอลูกให้ได้”

นายบุญมีจุกอกหายใจไม่ออกเมื่อเอ่ยคำสัญญาที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาสงสารเมียรักที่เอาแต่ร้องไห้ จึงเข้าไปยืนเคียงข้างเมียกอดเมียไว้ด้วยความรัก และปลอบขวัญด้วยเสียงกระซิบให้เมียได้ยินเพียงคนเดียว

“พี่บุญมี...ฉันสงสารลูกค่ะ” เสียงสะอื้นสั่นเครือกระซิบบอกสามี เธอทำตามสามีบอก ให้หยุดร้องไห้โดยการยกมือขึ้นปิดเรียวปากไว้แน่นกลัวใครจะได้ยิน...นางช่อไม้ได้แต่จ้องสบสายตาบ้องแบ๊วของลูกสาว ใจจะขาดตายเสียให้ได้เมื่อนึกถึงวันข้างหน้า ถ้าการจากกันครั้งนี้เป็นการจากที่ไม่มีวันได้พบเจอหน้าลูกอีก นางช่อไม้ไม่อยากจะนึกถึงเลยว่าลูกสาวของเธอจะประสบปัญหาอะไรบ้าง และลูกของเธอจะอยู่ได้ไหมโดยที่ไม่มีพ่อและแม่คุ้มครอง

“แม่จ๋า...หนูไม่ไป หนูจะอยู่กับแม่...ฮืออ”

เด็กน้อยไร้เดียงสารับรู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นแม่ไม่ยอมลงเรือ หนูน้อยกล้วยไม้ก็ส่งเสียงร้องไห้ ร่างน้อยตะเกียกตะกายไม่อยากจะไปกับชายหนุ่มอุ้ม

“อึกก...ลูกแม่ อย่าร้องไห้ ไปกับนายทหารนะ ไปรอแม่กับพ่อที่ประเทศไทยนะ”

นางช่อไม้หัวใจร้าว เอ่ยเสียงสั่นเครือปลอบขวัญลูกรัก เรี่ยวแรงที่จะยืนต่อแทบไม่มีเมื่อเห็นน้ำตาของลูกจึงทรุดนั่งบนพื้นหญ้าที่มีน้ำขัง

“ฮืออ...หนูไม่ไป...พ่อจ๋า...หนูจะอยู่กับพ่อ”

ดวงหน้าบ้องแบ๊วเขรอะไปด้วยน้ำตาหันไปมองหน้าพ่อ แววตากลมโตลูกนัยน์ตาดำขลับมองอ้อนวอนขอให้พ่อช่วย

“คัทลียาของคุณเด ไม่ร้องไห้เสียงดังนะ”

เดวิดใช้วงแขนแข็งแรงโอบกอดเด็กน้อยให้ความอบอุ่น เสียงนุ่มหูคุ้นเคยกระซิบชิดกระหม่อมบาง ปลอบขวัญให้เด็กน้อยหายหวาดกลัวและเชื่อฟังเขาให้มากที่สุด

“อึกก!!”

เด็กน้อยกล้วยไม้ทำตามคำสั่งของคุณเด มือใหญ่ที่เคยจูงหนูน้อยเดินเล่นตามหมู่บ้านลูบศีรษะน้อยอย่างอ่อนโยน และกดให้ศีรษะของเด็กกล้วยไม้แนบลงบนหน้าอกอันแข็งแกร่ง

“ลูกรักของพ่อ...อย่าดื้อกับคุณเดวิดนะ” นายบุญมี มีความหวังน้อยนิด เขารับรู้โชคชะตาของตัวเองและภรรยา เขาทำผิดต่อประเทศชาติของภรรยา เป็นกบฏลักลอบแอบช่วยเหลือศัตรูของประเทศชาติ…

นายบุญมีมองลูกสาวตัวน้อยที่เอาแต่สะอึกสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดของเดวิด นายบุญมีมั่นใจได้ว่าเดวิดจะเป็นผู้ดูแลคุ้มครองลูกของเขาได้เป็นอย่างดี

“ไม่ค่ะ...หนูไม่ไปกับคุณเด”

หนูน้อยไม่เชื่อฟังพ่อส่งเสียงสะอื้นไห้ ก่อนผงกหัวขึ้นมองปลายคางของคุณเด แล้วหันมองหน้าพ่อกับแม่ เมื่อเห็นพ่อแม่ช่วยกันดันหัวเรือ เด็กน้อยก็ดิ้นและส่งเสียงร้องวี้ดๆ มือน้อยทุบตีหยิกข่วนแขนกำยำของเดวิด

“เป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณเดวิดนะลูก...พ่อสัญญาว่า พ่อกับแม่จะรีบตามหนูไป จำได้ไหมที่พ่อเคยเล่าให้หนูฟัง ว่าเราทั้งสามจะไปเจอกันที่ประเทศไทย บ้านเกิดของพ่อ”

นายบุญมีละสายตาจากดวงหน้าของลูก เขาเงยหน้าขึ้นแววตาหม่นมองความมืดด้านหน้าที่เห็นแสงไฟระยิบระยับซึ่งเป็นแผ่นดินไทย บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง

“ฮืออ”

เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ ให้พ่อ แต่ก็ไม่ยอมที่จะเชื่อฟังในสิ่งที่พ่อพูด กล้วยไม้ไม่ยอมที่จะนั่งอยู่บนเรือ ซึ่งเดวิดก็รีบอุ้มหนูน้อยเข้ามานั่งคร่อมบนหน้าตักเมื่อเห็นเด็กหัวดื้อกำลังจะปีนขอบเรือ

“นายทหารฉันฝากลูกสาวฉันด้วยนะคะ”

นางช่อไม้ย้ำคำฝากฝังลูกสาวอีกครั้ง นางก็รับรู้ชะตาชีวิตของตัวเอง ซึ่งนางพร้อมที่จะเดินตามรอยเท้าของสามีและพร้อมที่จะตายไปกับสามี

“ไม่ต้องห่วงนะครับ...ผมจะปกป้องดูแลกล้วยไม้ด้วยชีวิตของผมเองครับ”

ความดีของสองสามีภรรยามีล้นหัว ชีวิตทั้งชีวิตคงชดใช้บุญคุณไม่จบสิ้น เมื่อครั้งที่ชายหนุ่มถูกพวกทหารฝั่งจีนแดงยิงได้รับบาดเจ็บเจียนตาย เขาหนีหัวซุกหัวซุนจนมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งในหมู่บ้านนั้นก็มีนายบุญมีที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน และพวกเขาสองสามีภรรยาก็ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ครั้งนั้น ถ้าไม่ได้นายบุญมีกับนางช่อไม้ช่วยไว้ ป่านนี้ เขาคงกลายเป็นผีเฝ้าลุ่มแม่น้ำโขงไปนานแล้ว

“ขอบคุณ นายทหารมากนะคะ”

นางช่อไม้เจ็บหัวใจ นางยื่นมือเข้าไปจับดวงหน้าจิ้มลิ้มเช็ดน้ำตาให้กับลูกพร้อมทั้งกระซิบบอกลูกรักให้เป็นเด็กดี เชื่อฟัง อย่างอแงกับคุณเดวิดเด็ดขาด

“ถึงที่หมายแล้ว...ผมจะพากล้วยไม้ไปรอพวกพี่ๆ ตามที่เราเคยคุยกันไว้นะครับ”

เดวิดให้คำมั่นสัญญาด้วยชายชาติทหาร เขาวางไม้พายไว้ข้างลำตัวแล้วยื่นมือรับเอาแผนที่จากมือของนายบุญมี เปิดอ่านเพียงแวบเดียวก็พับเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่า

“รีบไปเถอะครับ ขืนชักช้าอาจไปไม่ทันเวลาคนที่รออยู่ฝั่งไทยได้ครับ”

ผู้ใหญ่บุญมีน้ำตาคลอกอดเมียรักไว้แน่น รับรู้ถึงความรู้สึกของภรรยาที่เอาแต่สะอึกสะอื้นไห้ เขากระซิบเสียงสั่นเทาบอกให้เมียมองจดจำใบหน้าของลูกรักไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ นายบุญมีเจ็บปวดหัวใจเมื่อเขาช่วยดันหัวเรือให้ลอยออกไปกลางแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว

“ไม่! หนู่ไม่ไป...ฮืออ...แม่จ๋าพ่อจ๋า...หนูไม่ไป...คุณเดปล่อยหนู”

เด็กน้อยนั่งตรงกลางตักของเดวิด เขาใช้สองแขนกำยำทั้งสองข้างโอบคนตัวเล็กไว้ มือใหญ่ก็จับไม้พาย ออกแรงพายเรือไปตามแม่น้ำโขงที่ไหลเชี่ยว

ดวงหน้าคมสันเริ่มเครียดกับเหตุการณ์ที่สะเทือนหัวใจ เขาก้มหน้าลงมองเด็กน้อยที่เอาแต่สะอึกสะอื้นไห้ แววตาสีฟ้าน้ำทะเลเหลือบขึ้นมองความมืดด้านหน้า จุดมุ่งหมายของเขาคือฝั่งตรงข้ามที่เป็นประเทศไทย เดวิดปลอบขวัญหนูน้อยโดยการพูดเบาๆ ชิดกระหม่อมน้อย บอกให้หนูน้อยหยุดร้องไห้

“ไม่เอานะดวงใจของคุณเด ไม่ร้องไห้นะ...ดะ...” คำว่า ‘เด็กน้อยของคุณเด’ ถูกเสียงระเบิดกลบเสียสนิท

บึมม!! บึมมม!!!

เครื่องบินที่บินผ่านไปมาบนท้องฟ้าได้โยนระเบิดใส่ตรงบริเวณที่มีสองผัวเมียที่ยืนโบกมือลาอยู่ข้างขอบตลิ่งหลายลูกติดๆ กัน

“พี่บุญมี! พี่ช่อไม้!”

เดวิดก้มหมอบใช้ร่างกายปกป้องเด็กน้อยกลัวว่าเด็กจะถูกสะเก็ดระเบิด เขาเอียงหน้ามองบนฝั่งที่มีแสงไฟลุกโชน ช็อกกับภาพที่เห็น หัวใจฉีกขาดเหมือนร่างกายของสองผัวเมียที่ถูกแรงกระแทกของระเบิด

เดวิดไม่มีแรงที่จะพายเรือต่อไปได้ เรือลำน้อยนิ่งแต่ลอยไปตามน้ำใส ซึ่งแม่น้ำโขงก็ค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเมื่อเลือดและเศษเสื้อผ้าและเนื้อหนังของพี่บุญมีและพี่ช่อไม้แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยกระเด็นกระจัดกระจายตกลงสู่แม่น้ำ ช่างเปรียบเสมือนสองผัวเมียได้ล่องลอยตามเรือของเขาที่ลอยลิ่วๆ ไปตามแรงน้ำที่ไหลเชี่ยว

“พ่อจ๋าแม่จ๋า”

เด็กน้อยร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเดวิด เสียงระเบิดดังตูมๆ ทำให้ร่างน้อยสั่นสะท้านหวาดกลัว รีบขดตัวเข้าหาความปลอดภัยจากผู้ชายตัวใหญ่ที่หนูน้อยหวังเป็นที่พึ่งยามไม่มีพ่อแม่

“ไม่ร้องไห้นะ...คุณเดอยู่นี่แล้ว”

เดวิดกอดปลอบขวัญหนูน้อยด้วยเสียงอบอุ่น เขารีบจับใบหน้าเล็กให้หันหน้ามามองตากัน แต่หนูน้อยไม่ยอม เขาจึงอุ้มหนูน้อยให้นั่งบนตัก หันหลังให้แล้วมือของเขาก็ปิดหน้าปิดตาของกล้วยไม้ทันทีเมื่อเด็กน้อยหันไปมองอะไรบางอย่างที่ลอยมาตามน้ำ

“กรี๊ดด!! พ่อจ๋าแม่จ๋า!!”

เด็กน้อยชักดิ้นชักงออยู่ในอ้อมกอดของเดวิด หนูน้อยพยายามที่จะลงจากตักของชายหนุ่มเพื่อที่จะไปเก็บเศษเสื้อผ้าของพ่อแม่ที่ลอยมาตามน้ำ เด็กน้อยวัยหกขวบถึงจะไร้เดียงสา แต่ก็ใช่ว่าหนูน้อยจะไม่รู้ว่าพ่อและแม่ไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว และคำมั่นสัญญาที่พ่อแม่บอกไว้ก็ไม่มีความหมาย เพราะพ่อและแม่ได้จากเธอไปแล้ว

“คัทลียา!!”

เสียงกรีดร้องของเด็กน้อย ลูกสาวคนเดียวของสองผัวเมียผู้มีพระคุณดังโหยหวน ทำให้เดวิดรีบคว้าร่างน้อยมาแนบกาย เขาไม่อยากให้เด็กน้อยเห็นร่างกายของพ่อแม่ที่มีแต่แขนขาและคอลอยมาตามน้ำนั้น ช่างน่าอนาถใจที่สุด เขากลัวว่าภาพการเสียชีวิตของพ่อแม่ของหนูน้อยจะเป็นภาพที่ติดตาของเด็กน้อยไปจนตลอดชีวิต จึงรีบใช้มือปิดหน้าของเด็กไว้ แล้วเอ่ยเสียงให้นุ่มหู อบอุ่นให้มากที่สุด ปลอบขวัญเด็กน้อย

“พ่อจ๋า...แม่จ๋า...พ่อกับแม่จากหนูไปแล้ว แล้วหนูจะอยู่กับใคร...ฮืออ...”

“คัทลียาของคุณเด อย่าร้องไห้เลย นิ่งซะนะคนดี”

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นฟังแล้วปวดหัวใจ ทำให้เดวิดกอดกระชับร่างน้อยให้ความอบอุ่นให้มากที่สุดเท่าที่เด็กน้อยจะหายกลัวและตัวสั่นงันงกอยู่ใต้ร่างของเขา...