บทที่ 6 ไปโรงพยาบาล
เหมือนเย่เฟิงได้ปล่อยวางหินที่ทับอยู่ในหัวใจ และก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
“เจ้าน้องชาย วิธีการของนายน่าทึ่งมาก ขอบคุณมาก” จางหยาจับมือเย่เฟิงด้วยความตื่นเต้น และขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ
ฉากนี้พลิกกลับอย่างกะทันหัน ทำให้ฟางฮุ่ยฉงและคนอื่นๆตกตะลึง และขยี้ตาด้วยความเหลือเชื่อ
“เจ้าน้องชาย คุณน่าจะเป็นหมอใช่ไหม ทักษะทางการแพทย์ของคุณนี่น่าทึ่งจริงๆ ไม่รู้ว่าคุณจะรักษาโรคอื่นได้หรือไม่?” จู่ๆจางหยาก็นึกถึงพ่อที่นอนป่วยอยู่บนเตียง
“นี่……ถ้าให้ผมดู ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“พ่อของฉันป่วย และตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาลประชาชน หากคุณสามารถรักษาโรคที่ป่วยมายาวนานของเขาได้ ฉันจะให้ค่ารักษาเป็นจำนวนมาก!” จางหยาปล่อยมือของเย่เฟิง และกำลังจะพาเขาไปโรงพยาบาล
เย่เฟิงมองไปที่หลี่ยั่วหยุน “แล้วเรื่องในวันนี้……”
“เรื่องในวันนี้ก็แล้วกันไปเถอะ ฉันจะไม่สร้างปัญหาอะไรอีกแล้ว” ตอนนี้อารมณ์ของจางหยาดูดีอย่างเห็นได้ชัด “โอ้ จริงสิ ทำไมใบหน้าฉันถึงมีสิวแปลกๆแบบนั้นล่ะ?”
เย่เฟิงอธิบายว่า “มอยส์เจอไรเซอร์ครีมที่คุณใช้ไม่มีปัญหา เหตุผลก็คือผิวหน้าของคุณมีพื้นผิวที่พิเศษ บวกกับช่วงนี้คุณเหนื่อยล้าทั้งทางจิตใจและร่างกายมากเกินไป ดังนั้นมันจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น”
จางหยาพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ช่วงนี้เนื่องจากเรื่องของพ่อเธอ มันเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจจริงๆ
“หมายความว่า ต่อไปฉันจะใช้มอยส์เจอไรเซอร์ครีมยี่ห้อนี้ไม่ได้อีกแล้วเหรอ?”
“ใช่” เย่เฟิงพยักหน้า
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณไปกับฉัน ขอเพียงคุณสามารถรักษาอาการป่วยของพ่อฉันได้ ฉันจะให้เงินคุณสามสิบล้าน!”
สามสิบล้าน?
ผู้คนที่ยืนดูแทบหยุดหายใจ ผู้หญิงคนนี้รวยจริงๆ สามสิบล้านไม่ใช่น้อยๆเลย
ฟางฮุ่ยฉงก็ประหลาดใจเช่นกัน บริษัทเครื่องสำอางของยั่วหยุน มูลค่าการซื้อขายแค่สิบกว่าล้านต่อปีเท่านั้น หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว สามารถมีกำไรสุทธิห้าหกล้านก็ดีมากแล้ว
เย่เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าและพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
“เย่เฟิง หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามไป!” หลี่ยั่วหยุนขวางอยู่ตรงหน้าเย่เฟิงทันที “คุณไม่รู้วิธีรักษาโรคเลยซ้ำ ถ้าคุณทำให้เขาตาย คุณจะติดคุกได้!”
หลี่ยั่วหยุนเป็นกังวลจริงๆ แม้ว่าเธอและเย่เฟิงจะไม่มีความรักต่อกัน แต่ตามกฎหมายพวกเขาก็ยังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน หากเกิดเรื่องไม่ดีกับเย่เฟิง เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเอาตัวรอดแค่คนเดียว
นอกจากนี้พี่ชายของผู้หญิงคนนี้ยังเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองนี้ หากเย่เฟิงก่อปัญหาใดขึ้นมาๆ มันจะยุ่งยากมาก ไม่แน่อาจต้องถูกฟ้องร้อง ถึงตอนนั้นทั้งตระกูลอาจแย่ไปด้วย
เย่เฟิงคิดว่าหลี่ยั่วหยุนเป็นห่วงเขา เขาจึงยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ผมแค่ไปดูดู ถ้าผมไม่สามารถช่วยเขาได้ ผมจะไม่ทำอะไร”
“เย่เฟิง คุณมีความสามารถแค่ไหนตัวเองยังไม่รู้เหรอ? อย่าคิดว่าแค่สามารถรักษาสิวก็ทำทุกอย่างได้ ถึงเวลานั้นเมื่อมีอะไรเกิดขึ้น อย่าหวังให้พวกเราตามเช็ดก้นให้ล่ะ!" ฟางฮุ่ยฉงยังพูดอย่างเย็นชา..
เย่เฟิงยื่นมือและผลักร่างของหลี่ยั่วหยุนออก และพูดกับจางหยา “พวกเราไปกันเถอะ”
“เย่เฟิง ถ้าคุณมีความสามารถออกไปแล้วก็อย่ากลับมาอีก!”
เมื่อเห็นทั้งสองเดินไปไกลขึ้นเรื่อยๆ หลี่ยั่วหยุนก็ยังกังวลใจ และพูดกับฟางฮุ่ยฉงว่า “คุณแม่ พวกคุณกลับบ้านกันก่อน ฉันจะไปดูที่โรงพยาบาล”
หลังจากพูดจบ หลี่ยั่วหยุนก็กระทืบเท้าและไล่ตามไป
ไม่ว่ายังไง ในวันนี้เย่เฟิงได้ช่วยเธอไว้ เธอไม่อยากเห็นเย่เฟิงที่เหมือนคนบ้าไปหาที่ตาย
“คุณแม่ พวกเราจะไปกันไหม?” หลี่ยั่วเสวี่ยมองไปที่แม่ของเธอ
“ไปสิ ทำไมถึงไม่ไป ฉันก็อยากเห็นว่าลูกเขยคนนี้มีทักษะอะไร”
การเปลี่ยนแปลงของเย่เฟิงในวันนี้ทำให้ฟางฮุ่ยฉงประหลาดใจมาก
“ฉันจะไปขับรถ” เหอซิงอาสา
“ขับรถอะไรอีก? กุญแจอยู่ที่เย่เฟิง”
“งั้นพวกเราออกไปเรียกแท็กซี่กันเถอะ!”
เหอซิงกระตือรือร้นมาก เมื่อกี้เย่เฟิงรักษาสิวหายเขาคิดว่ามันเป็นแค่ความโชคดีของเย่เฟิง และใช้ยาได้ผลโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เขากล้าที่จะไปรักษาพ่อของชายที่ร่ำรวยที่สุดในเยียนจิง นี่คงเบื่อโลกแล้วไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วมั้ง ฉากดีๆแบบี้ เขาไม่อยากพลาด
รถกำลังแล่นไปบนถนนอย่างรวดเร็ว เย่เฟิงขับรถ หลี่ยั่วหยุนนั่งอยู่ข้างคนขับ จางหยานั่งอยู่แถวหลัง
“เย่เฟิง ฉันขอแนะนำนายว่าอย่าบ้าไป ตอนนี้ตัดสินใจไม่ไปมันยังไม่สาย “หลี่ยั่วหยุนเตือนอีกครั้ง
คำตอบของเย่เฟิงคือสามคำ “เชื่อใจผม”
เมื่อหันหัวมองไปที่หน้าด้านข้างของเย่เฟิง ทันใดนั้นหลี่ยั่วหยุนก็ตระหนักได้ทันที ชายที่ขับรถคนนี้กลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว
หลังจากคบกันมาสี่ปี ผู้ชายคนนี้ยังเป็นคนที่เชื่อฟังและทำตามคำพูดของเธอคนนั้นอยู่หรือเปล่า?
บางทีตัวเองอาจไม่เคยเข้าใจเขาเลยจริงๆ
โทรศัพท์มือถือของจางหยาดังขึ้น
“อะไรนะ!? พ่อถูกเข็นเข้าไปในห้องไอซียูแล้ว? เมื่อวานนี้พ่อยังดีๆอยู่เลยนี่?” น้ำเสียงของจางหยากระวนกระวาย “พี่ค่ะ ฉันอยู่ระหว่างทางแล้ว”
หลังจากวางสาย จางหยาพูดกับเย่เฟิงว่า “เจ้าน้องชาย เกิดเรื่องไม่ดีกับพ่อของฉันอีกแล้ว คุณขับเร็วกว่าหน่อยนี้ได้ไหม”
เย่เฟิงเหยียบคันเร่ง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล จางหยารีบตรงไปที่ห้องไอซียู
เย่เฟิงอยากจะตามเข้าไปไป แต่จางหยาห้ามเขาไว้ “ขอโทษด้วย เดิมทีฉันขอให้คุณช่วยรักษาพ่อของฉัน แต่ตอนนี้เขาป่วยหนัก เกรงว่าจะต้องเข้ารับการผ่าตัดในเร็วๆนี้ ดังนั้น……”
สีหน้าจางหยาแสดงความขอโทษ
“คุณอย่ากังวลไปเลย ผมยังไม่ได้เห็นอาการของคนไข้ ถ้าคุณให้ผมเข้าไปดู บางทีผมอาจจะรักษาได้”
เหตุผลที่เย่เฟิงต้องการช่วยคน ก็เพราะว่าเขามีแผนของเขาเอง
ตอนนี้ในร่างกายของเขามีพลังอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ในสมองของเขามีความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนของประเทศจีนเกือบทั้งหมด ขอเพียงเขาแสดงความสามารถออกมา ต่อไปเขาจะไม่ต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของตระกูลหลี่อีกต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเยียนจิง เย่เฟิงจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเย่เฟิง จางหยาก็ลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นก็คิดได้ว่าเขามาที่โรงพยาบาลตามคำเชิญของเธอเอง ถ้าไม่ยอมให้เขาดูคุณพ่อหน่อย มันก็เกินไปหน่อย ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าเห็นด้วย
ในขณะที่จางหยากับเย่เฟิงเข้าไปในห้องไอซียู ฟางฮู่ยฉงและอีกสามคนก็ออกมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยเช่นกัน แต่ทั้งสามคนไม่สามารถเข้าไปได้
ตามคำร้องขอของแพทย์ข้างใน ทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดปลอดเชื้อในห้องปลอดเชื้อข้างใน จากนั้นเข้าไปในห้องผู้ป่วย
บนเตียงของผู้ป่วย มีชายชราผมขาวนอนอยู่ ในร่างกายของเขาสอดท่อต่างๆไว้มากมาย และครอบหน้ากากออกซิเจนที่จมูกและปากของเขา
มีชายวัยกลางคนอ้วนๆคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย หลังจากเห็นใบหน้าวิตกกังวลนั้น เย่เฟิงก็จำได้ทันทีว่าชายคนนี้คือจางลี่ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในเยียนจิงและออกทีวีบ่อยๆ
ข้างๆจางลี่มีชาวต่างชาติคนหนึ่งยืนอยู่ สวมเสื้อคลุมสีขาว
เมื่อจางลี่หันหัวมามองจางหยา “คุณพ่อท่าน……คนที่อยู่ข้างคุณคือ?”
“พี่คะ น้องชายคนนี้เป็นหมอ เขาคือคนที่รักษาสิวที่หน้าฉันจนหาย ฉันพาเขามาที่นี่เพื่อช่วยดูอาการของพ่อ”
ดวงตาของจางลี่มองไปที่เย่เฟิง มองเขาอย่างครุ่นคิดพิจราณา และถามอย่างสงสัย “พ่อหนุ่ม คุณเป็นหมอของโรงพยาบาลไหน?”