บท
ตั้งค่า

บทที่4 Begin again

หลังจากที่ทุกคนทานข้าวกันเสร็จ ก็ต่างพากันนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืน ที่มีดาวเต็มท้องฟ้า มีเสียงร้องของสัตว์นานาชนิด ซึ่งบรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้จากเมืองกรุง

"บรรยากาศแบบนี้ ต้องมีเสียงเพลงเบาๆ ถึงจะเข้ากับบรรยากาศ" นาโนพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบมาสักพัก

"เออใช่ ปอร์เช่มึงเล่นกีตาร์ให้พวกกูฟังหน่อย เดี๋ยวกูไปหยิบให้อยู่ในเต็นท์มึงใช่ไหม" โปรแกรมพูดขึ้นหลังจากที่ได้รับสัญญาณบางอย่างจากนาโน

โปรแกรมรีบไปหยิบกีตาร์ตัวโปรดของปอร์เช่ แล้วส่งให้ปอร์เช่ทันทีไม่อยากถือไว้นานเพราะกลัวสายตาอำมหิตของพ่อจะเล่นงานเอาเพราะไปยุ่งกับของชิ้นโปรด

" น่ารำคาญนะพวกมึง"ปอร์เช่ว่าให้เพื่อนออกไป

นิรินเมื่อเห็นกีตาร์ตัวนั้นถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าปอร์เช่จะยังเก็บมันไว้อยู่ แถมยังเก็บรักษาได้ดีด้วยสภาพยังเหมือนวันแรกที่เขาซื้อให้อยู่เลย

"กีตาร์สวยจังปอร์เช่ นี่สั่งทำพิเศษเลยสินะ น่าจะรักมากเลยนะเนี่ยไม่มีรอยสักนิดเลย" แจนพูดขึ้นเพราะเป็นกีตาร์สำหรับคนถนัดซ้ายซึ่งไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป

"ไม่ได้รักธรรมดานะ แต่หวงมากห้ามไม่ให้ใครแตะต้องเลยละ ถ้ากีตาร์ตัวนี้มีชีวิตนะ เราคิดว่าไอ้เช่มันคงเอากีตาร์ทำเมีย รักซะขนาดนั้น" นาโนรีบตอบแทนปอร์เช่เพราะหมั่นไส้เพื่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

นิรินเมื่อได้ยินดังนั้นจึงหันหน้าไปมองปอร์เช่จังหวะนั้นปอร์เช่ก็หันหน้ามาพอดี สองคนจึงสบตาและจ้องกันอยู่สักพักเหมือนต้องการค้นหาคำตอบอะไรสักอย่างในแววตาคู่นั้นของกันและกัน

" รินขอโทษนะ"นิรินเอ่ยออกมาเบาๆ ราวกระซิบ แต่ก็ดังพอให้คนนั่งข้างๆ อย่างปอร์เช่ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ

"พวกมึงจะฟังเพลงอะไร" ปอร์เช่ไม่ตอบนิริน หันหน้ากลับมาคุยกับเพื่อนๆ ทำตัวปกติ จนนิรินที่โดนปฏิเสธคำขอโทษถึงกับน้ำตาคลอเบ้า สายตาคู่นั้นที่เคยเบิกบานตอนนี้กลับเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัดแม้จะถูกปิดบังด้วยแสงไฟสลัว แต่หารู้ไม่ว่ามีหนึ่งคนรับรู้ถึงความผิดปกตินั้นได้ ลายเส้นที่เห็นและรับรู้ทุกอย่างตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้

"ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ¶¶ เพลงนี้กูชอบ" นาโนโพล่งออกมาเสียงดัง จนปอร์เช่ที่ตั้งท่าจะร้องเพลงถึงกับนิ่งอึ้งไม่คิดว่าเพื่อนจะให้เขาร้องเพลงนี้ ตอนนี้และเวลานี้

"ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย"ลายเส้นพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบพร้อมกับส่ายหัวให้กับความโง่เขลาของเพื่อนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย

" อะไรของมึงลายเส้น กูขอก่อนกูต้องได้ฟังก่อนสิ" นาโนยังเป็นนาโนคนเดิม

"ยังโง่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโคตรโง่" ลายเส้นอดไม่ได้ที่จะด่านาโนออกไป

"เชี่ยลายเส้นมึงว่าใครโง่" นาโนโวยวายเสียงดังอีกครั้งทั้งๆที่ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างพากันนิ่งเงียบกันหมด

"มึงไหวเปล่าเช่ แต่ถึงมึงไหว มึงก็ช่วยนึกถึงจิตใจของอีกคนด้วยนะ กูบอกตามตรง กูทนดูไม่ไหวกูสงสาร กูขอไปนอนก่อนแล้วกันกูง่วงมาก พรุ่งนี้เจอกัน"ลายเส้นพูดขึ้นพร้อมมองหน้าปอร์เช่สลับกับมองนิริน เมื่อพูดจบก็ลุกขึ้นและเดินเข้าเต็นท์ของตัวเองทันที

"อะไรของมันวะ ทำไมต้องดึงดราม่า กูก็แค่จะฟังเพลงเคล้าบรรยากาศหุบเขารำเนาไพร"นาโนยังไม่หยุดโวยวาย

" มึงจะหยุดพูดได้ยังนาโน ไปเข้านอน ถ้าช้ามึงนอนนอกเต็นท์นะกูบอกก่อนแล้วไม่ต้องคิดว่าจะไปขอนอนกับพ่อมึง ถึงมึงอ้อนวอนมันให้ตาย มันก็ให้มึงนอนนอกเต็นท์อยู่ดี..ลุก Good nightนะครับสาวๆ แล้วเจอกันพรุ่งนี้" โปรแกรมเมื่อเริ่มจับสังเกตอะไรบางอย่างได้และเริ่มปะติดปะต่อเหตุการณ์หลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน จึงพอจะเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้จึงจำเป็นต้องสลายปาร์ตี้คืนนี้ก่อนที่เหตุการณ์ทุกอย่างจะแย่ลงไปกว่าเดิม

" อะไรของพวกมึงเนี่ย"นาโนยังคงโวยวายเมื่อโดนโปรแกรมลากเข้าเต็นท์นอน

"งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้จ้า" แจนพูดขึ้นเมื่อบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

หลังจากที่ทุกคนต่างพากันแยกย้ายเข้านอน เหลือเพียงนิรินและปอร์เช่ ทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบมีเพียงเสียงลมที่พัดปลิวไหวยามค่ำคืน พัดพาไอเย็นมากระทบใบหน้าจึงช่วยบรรเทาความร้อนรุ่มที่อยู่ในใจทั้งสองคนในตอนนี้ลงไปบ้าง แขนเล็กสองข้างที่พยายามโอบกอดตัวเองอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายแต่กำลังกอดปลอบหัวใจด้านในที่กำลังร้องไห้อย่างหนักในตอนนี้ต่างหาก

"ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม ถ้ายังไม่ง่วง" ปอร์เช่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

"อือ" นิรินพยักหน้า ทั้งที่ยังงงกับประโยคที่ได้ยินเมื่อสักครู่ แต่สมองก็สั่งการให้พาตัวเองเดินตามร่างสูงไป

"วันนี้ดาวสวยเนาะ ว่าไหม" ปอร์เช่เอ่ยพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ทั้งสองคนยืนมองกลุ่มดาวที่ทอประกายอยู่บนท้องฟ้าสักพัก

"อือสวย ที่กรุงเทพ ไม่มีวิวสวยๆ แบบนี้ให้เราเห็น" นิรินพูดขึ้นหลังจากที่ยืนเงียบอยู่นาน

"สบายดีใช่ไหม" ปอร์เช่เอ่ยถามขึ้นทั้งที่สายตายังจ้องกลุ่มดาวพวกนั้น

" อือ สบายดี แล้วพอร์ชละ สบายดีใช่ไหม" นิรินตอบกลับพร้อมหันหน้ามองใบหน้าผู้ชายที่ตนเฝ้าคิดถึงอยู่ตลอด แม้ตอนนี้จะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือแต่ก็ไม่อาจโอบกอดได้

"ร่างกายสบายดี" ปอร์เช่ตอบกลับนิรินทั้งที่สายตายังมองอยู่ที่เดิม ไม่กล้าแม้จะหันหน้ามาเผชิญน่ากลัวหญิงสาวเห็นถึงความผิดปกติในนัยน์ตาคู่นี้

"รินขอโทษ รินไม่มีคำแก้ตัวใดๆ จะพูด มีเพียงคำขอโทษจากคนเห็นแก่ตัวคนนี้..ให้อภัยเต็นท์ได้ไหม" นิรินเอ่ยออกมาเสียงสั่นเครือ นัยน์ตาคู่นั้นเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาที่กำลังจะหยดลงอาบแก้มเนียน แววตาอ้อนวอนร้องขอให้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าให้อภัย แววตาที่สิ้นหวังแต่แฝงไปด้วยความหวังอันน้อยนิด

ปอร์เช่ที่รับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นนั้นจึงหันกลับมาทันที ภายใต้แสงสว่างสลัวจากพระจันทร์ก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในดวงตาคู่สวยคู่นี้ จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือหนามาเช็ดน้ำตาที่เปอะเปื้อนใบหน้าเรียวเล็กที่อยู่ตรงหน้านี้ได้

"พอร์ชรู้ว่าเต็นท์มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น ถึงตอนนี้พอร์ชจะยังไม่รู้ว่าเหตุผลนั้นคืออะไร พอร์ชก็ยังเชื่อมั่นว่าพอร์ชจะยอมรับมันได้เมื่อรินเอ่ยบอกมันออกมา" คำพูดอ่อนโยนที่ออกจากปากผู้ชายเถื่อนๆ กลับสร้างความอบอุ่นให้หัวใจดวงน้อยไม่น้อย

"อย่าร้อง ใบหน้านี้ไม่เหมาะกับน้ำตาเลยสักนิด"ปอร์เช่พูดขึ้นเสียงแผ่วเบาพร้อมดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก

" คิดถึงจัง คิดถึงมาก" ปลายจมูกโด่งก้มลงสูดดมความหอมจากกลุ่มผมของคนตัวเล็ก สองคนยืนกอดกันอยู่นานสองนานจึงคลายอ้อมกอดจากกันและกัน เหมือนร่างกายได้เติมพลังบางอย่างที่โหยหามาตลอดระยะเกือบ5ปี

"ปะเข้านอนกันเถอะยืนตากน้ำค้างนานๆ จะไม่สบายเอา ยิ่งบอบบางอยู่ด้วย"ปอร์เช่พูดขึ้นพร้อมกับจูงมือนิเต็นท์เดินกลับเต็นท์

"เอ๊ะ! เต็นท์รินอยู่ตรงโน้น ปล่อยมือรินได้แล้วรินจะเข้านอน" นิรินพูดขึ้นขณะที่ปอร์เช่กำลังเปิดเต็นท์ของตัวเองทั้งๆ ที่มืออีกข้างยังจับมือนิรินแน่น

" นอนกับพอร์ช ขอนอนกอดหน่อยคิดถึง สัญญาแค่กอด"

**คำสัญญาแบบนี้ไม่มีอยู่จริง แค่กอดเฉยๆสัญญา พูดให้เด็กฟังเด็กมันยังรู้เลยว่าโกหก ไม่เนียนนะพ่อไปเรียนมาใหม่ ****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel