บทที่3 เจอกันอีกครั้ง#3
"ก่อนอื่นผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักคุณครูและผู้นำหมู่บ้านก่อนนะครับ" ปอเต็นท์แนะนำคุณครูและผู้นำหมู่บ้านให้น้องๆ ปี1ทราบ
"ผมขอแจ้งรายละเอียดที่เราต้องปฏิบัติขณะที่พวกเราอยู่ในค่ายอาสาแห่งนี้"
"เราจะกางเต็นท์กันที่ลานตรงมุมฝั่งโน้น ส่วนกิจกรรมซ่อมบำรุงปรับปรุงอาคารจะเริ่มพรุ่งนี้เช้าตอนแปดโมง หลังจากนี้ให้ทุกคนเตรียมกางเต็นท์ให้เรียบร้อย อาหารเย็นจะพร้อมตอน6แจ็กเกต ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านข้างโรงนอนแยกชายหญิง อาหารเช้าจะพร้อมตอน7โมงเช้า ให้เวลาทานอาหาร1ชั่วโมง หลังจาก8โมงเราจะเริ่มทำงานตามแผนที่เราวางไว้ มีใครสงสัยอะไรไหม" ปอร์เช่อธิบายรายละเอียดให้น้องๆ ฟังเสียงดัง สีหน้าเรียบนิ่ง
" ถ้าไม่มีใครมีคำถามอะไร ก็แยกย้ายไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เสร็จ บ่าย3โมงผมต้องเห็นเต็นท์ของพวกคุณทุกคนกางเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะไปเที่ยวเล่นอย่างอื่นให้เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง อย่าลืมว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ตลอด24ชั่วโมง พลังงานที่มีต้องใช้อย่างประหยัด ไฟทุกดวงจะดับลงตอน4ทุ่ม รับทราบ"
" ทราบค่ะ ทราบครับ"
ทุกคนต่างแยกย้ายกัน ลงมือกางเต็นท์อย่างขะมักเขม้น,เขม้นขะมักเพื่อที่จะให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จะได้มีเวลาเหลือไปเที่ยวชมธรรมชาติ
"นิริน เดี๋ยวทีมแพทย์กางเต็นท์ตรงนี้ได้เลยนะ โซนด้านนี้มีแค่พวกเรา จะได้ไม่มีเสียงดังรบกวน เด็กๆ จะกางอยู่โซนโน้นกันหมด เดี๋ยวเราช่วยกาง พอเสร็จแล้วทางด้านโน้นจะมีน้ำตก เดี๋ยวเราไปเล่นน้ำกัน"นาโนเอ่ยบอกนิรินด้วยน้ำเสียงอบอุ่น อ่อนโยน
"แล้วนี่มากัน5คนจะนอนกันยังไง"นาโนยังไม่วายเป็นห่วงหญิงสาวที่ตัวเองหลงรัก
"เดี๋ยวแจนกับดาวนอนด้วยกันแล้วก็ฝ้ายกับกระปุก ส่วนเรานอนคนเดียวได้สบายมาก"นิรินตอบกลับนาโนพร้อมส่งยิ้มไปให้อย่างเป็นมิตร
" แน่ใจนะว่านอนคนเดียวได้เปลี่ยนเต็นท์กับเราไหมของเราเอาเต็นท์ใหญ่มานอนได้3คน" นาโนเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
"นาโนไม่ต้องห่วงนิรินหรอก รายนี้นะชอบนอนคนเดียว รักความเป็นส่วนตัวมากๆ ถ้าไม่ติดว่าเรียนหมอป่านนี้คงบวชชีไปแล้วละ"แจนพูดแซวขึ้น
" แจนก็พูดไปเรานอนดิ้นต่างหากกลัวจะรบกวนคนอื่นเขา"นิรินบอกเหตุผลเพื่อนออกไปแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
" จ้าๆๆๆๆนอนดิ้นก็นอนดิ้น เพื่อนเชื่อค่ะ"แจนแกล้งแหย่ หยอกเย้าตามประสาเพื่อน
"รีบกลางเต็นท์ได้แล้วนาโน จะได้ไปดูเด็กๆ เสร็จไวกูจะพาไปเล่นน้ำที่น้ำตกด้านโน้น"ปอร์เช่บอกนาโนแต่สายตากลับจ้องมองไปยังนิรินที่ยืนอยู่ข้างๆ
" มึงพูดจริงนะไอ้เช่ จะพาพวกกูไปเล่นน้ำจริงๆ นะ" นาโนถามย้ำอีกครั้ง
" มึงเห็นกูเป็นคนโกหกหรือไง"ปอร์เช่พูดสวนกลับทันที พร้อมลงมือกางเต็นท์ของตัวเอง
เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง
" เช่ พวกกูกางเต็นท์เสร็จแล้ว ฝากมึงช่วยสาวๆ ด้วยนะ เดี๋ยวพวกกูจะไปดูเด็กๆ ทางด้านโน้นสักหน่อย เดี๋ยวกูกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเล่นน้ำกัน"นาโนตะโกนบอกเพื่อนพร้อมกับสาวเท้ายาวมุ่งตรงไปยังลานกางเต็นท์ของกลุ่มน้องๆ ปี1
"ปอร์เช่รบกวนช่วยนิรินหน่อย กางคนเดียวช้ากว่าเพื่อนนะ"แจงเอ่ยบอกปอร์เช่ที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวเล็กบริเวณหน้าเต็นท์
" ไม่เป็นไรเรากางเองได้... คือเราเกรงใจนะ"นิรินรีบปฏิเสธทันทีเพราะยังทำตัวไม่ถูกกับปฏิกิริยาของปอร์เช่ ไม่รู้จะทำตัวเหมือนคนรู้จักหรือทำเหมือนว่าไม่เคยเจอกันมาก่อนดี
"~" มีเพียงความเงียบและสายตาที่ยากจะคาดเดาจากอีกฝ่ายที่จ้องหน้านิรินไม่วางตา
ทุกคนนิ่งอึ้งยืนดูเหตุการณ์อยู่สักพักรวมทั้งนิรินที่ยืนตัวแข็งทื่อเหมือนโดนมนต์สะกดร่างกายไม่ให้ขยับ เมื่อเห็นท่าไม่ดีแจงจึงพูดขึ้น
"เดี๋ยวเราช่วยนิรินเอง ปอร์เช่ไปดูน้องๆ เลยก็ได้ เดี๋ยวเสร็จแล้วพวกเรารีบตามไป" แจงบอกปอร์เช่ด้วยเสียงสั่นเทาแม้เจ้าตัวจะพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติก็ตาม แต่คนฟังยังไงก็ดูออกว่าคนพูดนั้นกำลังเกิดอาการกลัวมากแค่ไหน
"ไม่เป็นไร" ปอร์เช่ตวัดสายตาและหันหน้าตอบกลับแจนทันที
" จับสิ จะยืนมองอยู่อีกนานไหม" ปอร์เช่หันกลับไปพูดกับนิรินแต่โทนเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด จนนิรินที่ยืนนิ่งอยู่ได้สติกลับมาจึงพยักหน้ารับ เพราะนี่เป็นประโยคแรกที่ปอร์เช่พูดด้วยหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบ5ปี
เวลาผ่านไปเกือบ30นาที ทุกอย่างถูกจัดเรียบร้อย รวมทั้งลายเส้น นาโนและโปรแกรมก็กลับมาที่เต็นท์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเล่นน้ำที่น้ำตกหลังจากที่ตรวจความเรียบร้อยรุ่นน้องเสร็จ
นิรินและกลุ่มเพื่อนเดินออกจากเต็นท์หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมเล่นน้ำเสร็จในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดแขนสั้น
"ตัวที่ยาวกว่านี้ไม่มีหรือไง" ปอร์เช่พูดขึ้นหลังจากที่เห็นชุดที่นิรินใส่ พร้อมแสดงสีหน้าไม่พอใจและสาวเท้ายาวมุ่งหน้าไปยังน้ำตกทันทีท่ามกลางความมึนงงของกลุ่มเพื่อน
"มันเป็นอะไรของมัน" โปรแกรมพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าเพื่อนเพื่อถามความคิดเห็น
"มึงไม่รู้แล้วพวกกูจะรู้ไหม พ่อมึงอารมณ์เสียอะไรมาละ เมื่อเช้านั่งรถมาด้วยกันไม่ใช่หรือไง จะมาถามพวกกูเพื่อ? " นาโนตอบกลับไปพร้อมมองไปยังปอร์เช่ที่สาวเท้ายาวเดินมุ่งหน้าทางน้ำตกอย่างเร็ว
" กูจะรู้อะไร นั่งรถมามันไม่พูดกับกูสักคำตั้งแต่กรุงเทพฯ ยันกาญจนบุรีจนกูนึกว่ามันเป็นใบ้"โปรแกรมตอบกลับเพื่อนไปพร้อมยืนเกาหัวอย่างงงๆ
" จะสงสัยกันอีกนานไหม พ่อมึงเดินไปโน่นแล้ว จะเล่นไหมน้ำ ปะรีบเดิน ปะไปกันสาวๆ " ลายเส้นพูดขึ้นหลังจากที่ฟังเพื่อนสองคนพูดอยู่นาน
หลังจากที่ทุกคนพากันเล่นน้ำไปเกือบจะ2ชั่วโมง ปอร์เช่ก็สังเกตเห็นนิรินเริ่มปากสั่นเพราะน้ำที่ค่อนข้างเย็นและแช่น้ำเป็นเวลานาน ปอร์เช่จึงเอ่ยพูดขึ้น
" เย็นมากแล้ว กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมทานข้าวเย็น เดี๋ยวจะมืดซะก่อน"
"โห.. อะไรไอ้เช่ พึ่งเล่นไปแป๊บเดียวเองกำลังสนุกเลย" นาโนตะโกนมาจากโขดหินอีกฝั่งไม่ไกลนัก
"ถ้าใครจะเล่นต่อก็เชิญ อาหารเย็นกูจะสั่งเก็บตอน6โมงครึ่ง ใครช้าไม่ต้องกิน" ปอร์เช่พูดขึ้นเสียงดังแล้วเดินขึ้นจากน้ำทันที
" โห... ไอ้เช่ มึงมันใจร้าย ซาตานในร่างเทพบุตรชัดๆ"นาโนตะโกนว่ากลับเสียงดังแต่ก็ยอมว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งแต่โดยดี
"หึนึกว่าจะนอนแช่น้ำทั้งคืน"ปอร์เช่พูดขึ้นเมื่อเห็นนาโนว่ายน้ำกลับถึงฝั่งพอดี รวมทั้งกลุ่มของนิรินที่ขึ้นจากน้ำมากันครบหมดทุกคน
"ไอ้คนใจร้าย" นาโนว่ากลับให้ปอร์เช่อย่างไม่จริงจังนัก
ระหว่างทางเดินกลับที่พักด้วยพระอาทิตย์กำลังจะตกดินและอากาศที่เย็นลงเพราะความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าจึงทำให้อากาศที่นี่ตอนกลางคืนค่อนข้างหนาว ปอร์เช่สังเกตเห็นนิรินตัวสั่นเทา มือเล็ก2ข้างก็พยายามโอบกอดตัวเองเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยบรรเทาความหนาวได้เลย
"ใส่ซะ เดี๋ยวไม่สบาย จากที่จะมาดูแลคนอื่นเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าคนอื่นต้องมาดูแลแทน ทีหลังเสื้อผ้านะใส่ให้มันยาวกว่านี้หน่อย" ปอร์เช่คลุมแจ็กเกตยีนตัวโปรดที่ถือติดมือมาด้วยให้นิรินพร้อมดุออกไปเบาๆ
"ขอบคุณนะ" นิรินอึ้งอยู่สักพักจึงเอ่ยบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม
" โปรยเสน่ห์เก่งนัก"ปอร์เช่เอ่ยพึมพำออกมาคนเดียวเบาๆ รีบสาวเท้าเดินออกห่างจากนิริน เพราะกลัวจะเผลอยิ้มให้คนตัวเล็กเห็น
หลังจากที่ทุกคนกลับมาถึงที่พักต่างก็พากันแยกย้ายจัดการธุระส่วนตัวหลังจากนั้นก็ได้เวลาอาหารเย็น
โต๊ะสนามตัวเล็กถูกกางออกตั้งเด่นอยู่หน้าเต็นท์ของปอร์เช่พร้อมเก้าอี้ตัวเล็กอีก9ตัว ตอนนี้ใช้เป็นโต๊ะกินข้าวสำหรับมื้อเย็นวันนี้
"พวกมึงนั่งเรียงกันไปด้านนี้ นิรินนั่งนี่" ปอร์เช่จัดแจงที่นั่งสำหรับทุกคนเมื่อทุกคนมาพร้อมหลังจากเสร็จกิจธุระส่วนตัว
"ทำไมข้าวต้มของนิรินมีแต่กุ้งตัวโตๆ แล้วทำไมของกูเป็นข้าวราดพะโล้มีไข่แค่ฟองเดียวกับหมูแค่3ชิ้น" นาโนโวยวายขึ้นเสียงดังหลังจากเห็นจานข้าวของตัวเองและชามข้าวต้มที่วางอยู่ตรงหน้านิริน
"เอ่อ..ถ้านาโนอยากกินแลกกันกับนิรินก็ได้นะ นิรินทานอะไรก็ได้" นิรินรีบพูดขึ้นทันทีเพราะตกใจกับสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ชามข้าวของตัวเอง
" ไม่ต้อง!!! ถ้าไม่อยากกินก็เอาไปเททิ้ง" ปอร์เช่ตะโกนขึ้นเสียงดังหลังจากที่ได้ยินนิรินพูดออกไปแบบนั้น แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก
" เอ่อ..พอร์ช รินแค่ แค่.." นิรินอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดออกมาปากสั่นมือสั่นเล็กน้อย เพราะไม่เคยเจอปอร์เช่ในลุคแบบนี้มาก่อน
" มึงจะเสียงดังทำไมเช่ ก็ไอ้นาโนมันอยากกินข้าวต้มนิรินก็แค่จะเปลี่ยนให้ก็แค่นั้นมึงจะโมโหทำไม เห็นไหมว่ามึงทำให้นิรินกลัว" ลายเส้นที่จับสังเกตได้ถึงความผิดปกติจึงพูดขึ้นเพื่อทำลายความตึงเครียดบนโต๊ะอาหารมื้อค่ำนี้
"รินเล่นน้ำมาทั้งวัน กูเห็นเดินตัวสั่นขากลับจากน้ำตก จึงสั่งแม่ครัวทำข้าวต้มให้ ส่วนมึงนาโนถ้าไม่กินกูจะเอาไปเททิ้ง แต่กูบอกไว้ก่อนนะที่ครัวไม่เหลืออะไรให้มึงกินแล้ว" ปอร์เช่รีบอธิบายอย่างร้อนรนท่ามกลางสายตาจับจ้องนับสิบ พร้อมหันไปว่าให้เพื่อนเพื่อกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง
" โห จะทิ้งได้ไง ถ้าทิ้งแล้วกูจะเอาอะไรแดก ไปสั่งแม่ครัวทำข้าวต้มให้ก็คงไม่ได้ แม้แต่มาม่าก็ไม่รู้ว่าจะต้มให้หรือเปล่า โถ่นาโนสุดหล่อผู้น่าสงสาร" นาโนเอ่ยตัดพ้อเพื่อนออกมาเสียงดัง
"รู้ตัวก็ดี"
"ช่างเรื่องข้าวแม่งมันเถอะ มีเรื่องอย่างอื่นที่สำคัญมากกว่าตอนนี้"ลายเส้นที่นั่งเงียบวิเคราะห์ผลจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่สักพักจึงเอ่ยพูดขึ้น
" เรื่องอะไร"ทุกคนต่างพูดขึ้นพร้อมกัน
" เมื่อกี้นิรินเรียกไอ้เช่ว่าพอร์ชใช่ไหม" ลายเส้นพูดขึ้นสายตาจ้องไปยังนิรินเพื่อรอฟังคำตอบ"
"ใช่ๆ ปอร์เช่ก็เรียกนิรินว่ารินเฉยๆ เหมือนกันเมื่อกี้ ซึ่งชื่อนี้ไม่เคยมีใครเรียกนิรินมาก่อน ขนาดเราที่เป็นเพื่อนนิรินมา4ปียังไม่กล้าเรียกเลย"แจนรีบพูดเสริมต่อจากลายเส้นทันที
"แดกข้าวแล้วรีบเข้านอน 2ทุ่มกูจะสั่งปิดไฟส่องสว่างทุกดวง"ปอร์เช่ไม่ตอบคำถามแถมพูดบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น จนเพื่อนทุกคนฟันธงว่าปอร์เช่มีความลับ