EPISODE 4
วิศวะขังรัก
(Engineer’nSister)
EPISODE 4
เวลาต่อมาสองพี่น้องต่างก็ออกมารอลุงส่งคนขับรถเพื่อไปเรียน โดยรัดเกล้าไม่ลืมที่จะบอกลาบิดามารดาเช่นทุกวัน
“จุ๊บ! ปะป๊าขาเกล้าไปเรียนนะคะ สวัสดีค่ะ” สาวน้อยจุ๊บแก้มบิดาที่โน้มหน้าลงมาให้เธอ ทำให้คนเป็นพ่อขยับยิ้มพอใจในความน่ารักน่าเอ็นดูนั้น
“จุ๊บ! จุ๊บ! หม่าม๊าขาเกล้าไปเรียนนะคะ สวัสดีค่ะ” ก่อนจะหันมาจุ๊บมารดาทั้งสองแก้มนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“ไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย” ใบข้าวเอ่ย แล้วยกมือลูบศีรษะลูกสาวอย่างเอ็นดู
“ป๊าครับ ม๊าครับ สวัสดีครับ” รามสูรว่าพลางยกมือไหว้บิดามารดา ก่อนจะเดินตามน้องสาวไปขึ้นรถ
“ไปกันเลยนะครับคุณราม หนูเกล้า” ลุงส่งคนขับรถเอ่ยอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นว่าวันนี้ความสดใสร่าเริงของคุณหนูน้อยประจำบ้านก็ยังคงทำให้ทุกคนยิ้มได้
“ซิ่งไปเลยค่ะลุงส่ง” สาวน้อยส่งเสียงร่าเริง แล้วหันมายิ้มให้คนเป็นพี่ชายที่ยกมือมาลูบผมเธอเล่น
“นอนหน่อยไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“นอนก็ดีค่ะ เมื่อคืนกว่าจะแก้การบ้าน กว่าจะได้นอนก็เกือบสี่ทุ่ม เกล้าง่วงมากค่ะ” เธอบ่นอุบ ก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักพี่ชาย
“เดี๋ยวพอปิดเทอมก็ไม่ต้องตื่นเช้าแล้ว” เขาพึมพำ หลุบสายตาคมมองคนที่ค่อย ๆ หลับตาลง
“ค่ะ ปีหน้าเกล้าก็จะได้ไปเรียนมหา’ลัยกับเฮียแล้ว ดีจังค่ะ” สาวน้อยพึมพำแค่นั้น ทำคนฟังได้แต่ยกยิ้มมุมปากจาง ๆ
ณ โรงเรียนเอกชนXE’S
รถยนต์คันหรูที่เข้ามาจอดเทียบข้างฟุตบาทหน้าโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง ทำให้รามสูรเขย่าเจ้าของร่างนุ่มที่นอนหลับซบอยู่กับตักของเขาให้ตื่นขึ้น
“หนูเกล้า” เขาเอ่ยเรียก ทำให้รัดเกล้าค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นมานั่งดี ๆ เธอโยกคอไปมาเล็กน้อยแก้อาการเมื่อยขบเพราะรู้สึกนอนไม่ค่อยสบายตัวนัก
“อ่า...วันนี้วันพุธนี่นา เจอกันที่บ้านนะคะ”
เธอเอ่ยพลางหยิบกระเป๋านักเรียนมาสะพายไหล่ ก่อนจะรั้งต้นแขนพี่ชายให้โน้มหน้าหล่อเหลาลงมาใกล้ ทว่าวันนี้รามสูรกลับขืนตัวไว้จนสาวน้อยขมวดคิ้วมุ่น
“เฮียว่าเกล้ารีบเข้าไปเถอะนะ”
“ก็เกล้าจะไปแล้วไงคะ เฮียก็ก้มมาสิคะ” เธอบอกอย่างไม่เข้าใจ ทำไมวันนี้พี่ชายของเธอถึงได้ทำท่าแปลก ๆ ล่ะ
“คือ...หนูฟังเฮียนะ อีกหน่อยหนูก็จะสิบแปดแล้ว เฮียว่าหนูไม่ต้องหอมเฮียทุกวันก็ได้ ว่าไงคะ?” เขาอธิบายเหตุผล ทำให้รัดเกล้าได้แต่อึ้งไป แววตาคู่สวยไหวระริกยามมองหาความหมายของถ้อยคำในแววตาพี่ชาย วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ล่ะ
“ค่ะ! เกล้าขอโทษค่ะ” สาวน้อยพึมพำแค่นั้น ทว่าน้ำตาใสที่รินไหลจากแววตาสั่นระริกลงมาอาบผิวแก้มนวลก็ทำรามสูรถึงกับหน้าเสีย รีบรั้งข้อมือคนที่กำลังจะเปิดประตูรถไว้แน่น
“หนูเกล้า! ร้องทำไมบอกเฮียก่อนสิ” ชายหนุ่มถามอย่างร้อนรน มองคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าน้ำตาริน
“เพราะเกล้าโตเฮียก็เลยเบื่อเกล้าแล้วใช่ไหมคะ เกล้าไม่น่ารักน่าหอมเหมือนตอนเด็ก ๆ แล้วสินะ ฮึก! พอเกล้าโตเฮียรามก็ไม่รักเกล้าแล้ว ฮึก...ฮือ”
น้ำเสียงสั่นพร่าที่มาพร้อมกับอาการสะอึกสะอื้นยิ่งทำคนฟังสะท้านในอกวาบ เขาไม่ได้คิดแบบนั้นสักนิด ใครจะเบื่อน้องเพราะน้องโตกันล่ะ
“ไม่ใช่อย่างนั้น เฮียจะเบื่อหนูได้ยังไง” ชายหนุ่มรั้งร่างน้อยที่เอาแต่สะอื้นฮักเข้ามากอดไว้ นี่เขาพูดอะไรออกไป ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยทำเธอร้องไห้สักครั้งเลยนะ
“แล้วทำไมเฮียถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ ทำไมเฮียถึงไม่ให้เกล้าหอมแล้วล่ะ” เธอเงยหน้าถามอย่างไม่เข้าใจ จู่ ๆ พี่ชายของเธอเป็นอะไรไป
“เฮียขอโทษ...เฮียไม่ได้ตั้งใจค่ะ หนูเกล้าอย่าคิดมากเลยนะ โอเคไหม” สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เพราะรามสูรก็ไม่รู้ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้ไม่ชินกับการที่มีเธอมาใกล้ชิด
“ฮึก! ก็เกล้าเสียใจนี่คะ คิดว่าเฮียไม่รักเกล้าแล้ว เฮียรามขาเรามีกันแค่สองคนพี่น้องนะ ถ้าเฮียไม่รักเกล้าแล้ว เกล้าจะทำยังไงคะ” สาวน้อยเอ่ยเสียงสะอื้นไม่หาย ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เห็นแค่เขา มีแต่เขาที่คอยเล่นคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี ดังนั้นท่าทีที่เขาเหมือนไม่ต้องการให้เธอไปใกล้ชิดเขา มันจึงทำให้รัดเกล้าหวาดกลัวไม่น้อย
“ไม่ร้องนะ เฮียรักเกล้าเหมือนเดิมนั่นแหละ” เขาเอ่ยปลอบพลางลูบหลังเธอไปด้วย
“ค่ะ แล้ววันนี้...” สาวน้อยเอ่ยถาม มองตาเขาราวต้องการคำยืนยัน
“ก็ทำเหมือนเดิมไง” คำตอบทำให้เธอค่อยยิ้มได้ ก่อนจะขยับดวงหน้าสวยขึ้นมาหอมแก้มเขาเช่นทุกวัน...ฟอด!
“เกล้าไปเรียนนะคะ สวัสดีค่ะ” เธอว่า แล้วผละตัวออกห่าง ยกมือเช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อย แล้วขยับยิ้มให้เขา
“ตั้งใจเรียนนะ” รามสูรเอ่ยได้เพียงแค่นั้น หลังสาวน้อยเดินลงจากรถไปเขาก็ได้แต่เอนกายพิงเบาะอย่างคนคิดหนัก รัดเกล้าไม่ผิดเพราะเธอก็ทำเหมือนเช่นที่เคย ๆ คงมีแต่เขาที่รู้สึกว่าอะไร ๆ มันชักจะแปลกไปทุกวัน
“ให้ตาย! หนูเกล้าโตขนาดนี้แล้วยังหอมผมทุกวัน ลุงส่งว่ามันแปลกไหมครับ” รามสูรอึดอัดเสียจนต้องเอ่ยปากถามลุงส่งคนขับรถ
“ลุงว่าไม่หรอกครับ ยังไงก็น้องสาวทั้งคน แล้วหนูเกล้าก็ยังหอมคุณพายัพอยู่ทุกวันเลยนี่ครับ อีกอย่างหนูเกล้าติดคุณรามมาตั้งแต่เล็ก ๆ วันนี้มาพูดให้เลิกทำ หนูเกล้าคงจะไม่เข้าใจหรอกครับ” ลุงส่งเอ่ยอธิบายตามสิ่งที่ได้รู้เห็นมานาน
“คงงั้นมั้งครับ ผมคงคิดมากไปเอง” รามสูรพึมพำ
ณ มหาวิทยาลัยเอกชนXE’S
ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์
กลุ่มนิสิตที่นั่งรอขึ้นตึกเรียนต่างจับกลุ่มนั่งเล่นกันอยู่ตามโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ตึก ทว่าเมื่อหนุ่มฮอตประจำคณะย่างกรายมาถึง เหล่านิสิตสาวต่างคณะที่แอบมาด้อม ๆ มอง ๆ ก็พากันปรี่เข้ามาทักทายเขาทันที
“พี่ราม…พี่รามสูรคะ!” เสียงใส ๆ ของนิสิตสาวจากคณะนิเทศฯที่เดินนำกลุ่มเพื่อน ๆ ของเธอมาส่งเสียงเรียกชายหนุ่มที่เดินมายังโต๊ะหินอ่อนตัวประจำ
ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขาคือ ‘รามสูร’ นิสิตวิศวะปี 3 เจ้าของฉายา ‘แรร์ไอเท็มวิศวะ’ แถมยังพ่วงตำแหน่งหนึ่งใน ‘ไตรเทพของม.XE’S’ ชายหนุ่มเจ้าของเบ้าหน้าฟ้าประทานที่สาว ๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเพียงแค่ได้สบนัยน์ตาสนิมเหล็กคู่คม เป็นต้องตกหลุมเสน่ห์เหลือร้ายของเขาทุกรายไป และถึงชายหนุ่มจะเป็นคนไม่ค่อยพูดมาก แต่ก็เป็นผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่า ‘คุยไม่ง่ายแต่ได้ไม่ยาก’ แต่รามสูรจะมีกฎเกณฑ์ตายตัวคือ ‘ครั้งเดียวไม่กินซ้ำ’
และอีกข้อที่สามารถการันตีความเป็นตัวตนของเขาได้ คือ อารมณ์โมโหร้ายที่แสนเข้ากันกับชื่อของเขา ถ้าเข้าหาแล้วชายหนุ่มมีทีท่าเฉยเมย ให้รู้ไว้เลยว่าเขาไม่สบอารมณ์อยู่ และควรถอยออกไปอย่าได้คิดเร้าหรือ เพราะถ้ารามสูรโมโหขึ้นมา แม้เขาจะไม่ได้ขว้างขวานเช่นในวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ แต่สิ่งที่ได้อาจจะเป็นหมัดแสนหนักหน่วงที่ต่อยนักกีฬายูโดของมหา’ลัยล้มมานักต่อนักแล้วก็ได้