บท
ตั้งค่า

EPISODE 3

วิศวะขังรัก

(Engineer’nSister)

EPISODE 3

“ยังไงคะ ตกลงเกล้าทำผิดตรงไหน” สาวน้อยว่าพลางมองดูตัวเลขมากมายบนกระดาษ

“นี่ไง ของข้อนี้เพราะหนูตั้งหารผิด ทำให้ตัวแปรเอ็กซ์ตัวแรกแทนค่าผิด พอเอามาคิดในสูตรขั้นที่สองมันเลยผิดตามกัน ส่วนข้อนี้หนูหารถูก แต่ใส่ผลหารในสมการผิด เพราะผลมันหารออกมาได้สองร้อยห้าสิบแปด แต่หนูใส่สองร้อยแปดสิบห้า ใช่ไหม?” รามสูรที่ค่อย ๆ อธิบายในจุดที่น้องสาวของเขาทำผิดให้ฟังทำเอาสาวน้อยได้แต่ยิ้มแหย เพราะเธอไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์เอามาก ๆ เลยล่ะ

“ง่ะ! เกล้าว่าเกล้าคิดดีแล้วเชียว”

“หนูแค่แทนค่าผิดนิดเดียว” พี่ชายเอ่ยปลอบ

“งื้อ! ทำไมเกล้าถึงไม่เก่งเหมือนเฮียเลยนะ เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่เกล้าดันโง่คณิตจัง”

สาวน้อยบ่นอุบทำหน้าง้ำหน้างอ แต่ไหนไรมาทุกครั้งที่ผลการเรียนออก รามสูรมักจะเอาเกรดสี่มาอวดป๊ากับม๊าเสมอ ผิดกับเธอที่โดนวิชาคณิตถ่วงผลการเรียนตลอด

“โง่อะไรวิชานี้หนูก็ได้ตั้งเกรดสามนี่ ใครว่าน้องสาวเฮียโง่ เฮียจะไปซัดปากมัน” เห็นเจ้าของร่างเล็กซึม ๆ ไปชายหนุ่มจึงรั้งเธอมากอดปลอบประโลม

“เกล้าว่าตัวเองนี่แหละค่ะ เฮียจะซัดปากเกล้าเลยเหรอ” เธอว่าเสียงอ่อน แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบนัยน์ตาคู่คมของเขา ทั้งยังยื่นปากสวย ๆ นั่นท้าทายเขาอีกต่างหาก

“ให้ตาย! ใครจะซัดหนูได้ลงคอ ในเมื่อรู้แล้วว่าผิดตรงไหนก็แก้ซะนะจะได้เข้านอน พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนอีก” สุดท้ายคนที่ได้แต่พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ จำต้องผละตัวออกห่างจากเจ้าของร่างนุ่ม

“รับทราบค่ะ! ถ้างั้นเกล้ากลับห้องก่อนนะคะ” เธอว่าแล้วเก็บหนังสือและกระดาษทศมาถือไว้ ทว่าตอนที่กำลังจะเดินไป ข้อมือเล็ก ๆ กลับถูกชายหนุ่มคว้าจับไว้เสียก่อน เมื่อหันกลับมามองก็เห็นว่าสายตาคู่คมของคนเป็นพี่ชายกำลังมองมาที่เธออย่างพิจารณา

“มีอะไรเหรอคะ” รัดเกล้าถามออกมาอย่างไม่เข้าใจในความหมายของสายตาเขา

“ต่อไปถ้าเฮียยังไม่กลับมา หนูอย่าใส่ชุดนอนกระโปรงเดินไปเดินมาในบ้านรู้ไหม” เขาเอ่ยขึ้น ทำให้เธอได้แต่ก้มมองชุดนอนแบบกระโปรงสายเดี่ยวเนื้อผ้านุ่มลื่นที่ชอบใส่ประจำอย่างไม่เข้าใจ

“ชุดนอนเกล้ามันทำไมเหรอคะ”

“ก็ไม่ทำไมหรอก เผื่อวันไหนมีแขกมาหาป๊ากะทันหัน ถ้าเกล้าใส่ชุดนอนเดินไปเดินมามันจะดูไม่เรียบร้อย ผู้ใหญ่จะมองว่าเกล้าไม่สุภาพ เข้าใจไหมคะ” รามสูรอธิบายเหตุผล นั่นทำให้สาวน้อยได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ อย่างเข้าใจ

“เฮียรามเนี่ยเป็นห่วงเกล้าตลอดเลย ต่อไปถ้าเฮียไม่อยู่บ้าน เกล้าจะไม่ใส่ชุดนอนออกมานอกห้องเด็ดขาดเลยค่ะ” สาวน้อยรับคำอย่างน่ารักแล้วขยับยิ้มให้เขา ทำให้รามสูรยกยิ้มอย่างพอใจ

“ดีมาก งั้นไปทำการบ้านนะ” เขาว่า

“รับทราบค่ะ” เธอว่า แล้วทำท่าจะเดินออกไปจริง ๆ แต่จู่ ๆ สาวน้อยก็หันกลับมา

“ว่า...”

“จุ๊บ! ฝันดีนะคะ เจอกันตอนเช้าค่ะ” ยังไม่ทันจะเอ่ยถาม สาวน้อยของเขาก็โน้มดวงหน้าสวย ๆ ลงมาจุ๊บแก้มเขาเสียก่อน ทำเอาคนเป็นพี่ชายถึงกับเอ่ยอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่ปล่อยให้เธอเดินยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างอารมณ์ดีออกจากห้องไป

หลังบานประตูปิดลงรามสูรได้แต่ยกมือขึ้นจับข้างแก้มตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่ารัดเกล้าไม่เคยหอมหรือจุ๊บเขา แต่วันนี้การกระทำเดิม ๆ ของคนเป็นน้องสาว มันกลับทำให้เขาไม่สบายตัวเอาเสียเลย

‘อื้อ...อ่าส์...เฮียรามขา’ จู่ ๆ ไอ้เสียงในสายเมื่อตอนค่ำก็แว่วหลอนเข้ามาในหูอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบลุกไปอาบน้ำไล่อาการร้อนรุ่มที่เริ่มรุมเร้าร่างกายจนรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้สมองของเขามันถึงได้จำแต่เสียงร้องครางของรัดเกล้าไม่เลิกสักที

ทว่าตกดึกคืนนั้นดูเหมือนการเข้านอนของรามสูรจะยากเย็นกว่าทุกคืน เขาอาบน้ำก็แล้ว เล่นเกมก็แล้ว แต่ดูเหมือนว่ารสสัมผัสของน้องสาวคนสวยจะยังไม่จางหายไปเสียที ราวกับว่าเรียวปากนุ่มยังคงประทับอยู่บนผิวแก้มไม่ยอมจางหายไปไหน เสียงในสายของเธอยังคงแว่ววนเวียนมาหลอกหลอนเขาทุกครั้งที่หลับตานอน นี่มันบ้ามากจริง ๆ ทำไมเขาถึงเอาแต่คิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องเหล่านี้อยู่ได้

สุดท้ายชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่น เมื่อเปิดเข้าไปในอัลบั้มภาพส่วนตัวก็พบว่าในนั้นเต็มไปด้วยภาพของแม่หนูน้อยรัดเกล้าตั้งแต่วัยแบเบาะ กระทั่งวันที่เธอขึ้นมัธยมปลาย รามสูรล้วนเก็บทุกภาพความทรงจำของเธอไว้กับเขาเสมอ กระทั่งคลิปหนึ่งถูกชายหนุ่มกดเล่น

‘เฮียรามขา ชุดนี้น่ารักไหมคะ’ เสียงใส ๆ ของสาวน้อยที่ดูตื่นเต้นกับการลองชุดนักเรียนเอ่ยถามคนเป็นพี่ชายที่เป็นคนถือโทรศัพท์ถ่ายวีดีโอให้

‘น่ารักค่ะ’ ความน่ารักสดใสที่เห็นผ่านเลนส์กล้อง ทำให้เขาตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด

เมื่อย้อนกลับมาดูและเห็นว่าความสวยและน่ารักนี้ที่มักจะอยู่ตรงหน้าเขาเสมอ...ถ้ามันไม่ถูกใครค้นพบก็คงดี

เช้าวันถัดมา...ที่โต๊ะอาหารในเช้านี้ยังคงอบอุ่นไปด้วยคนในครอบครัวสิงหบริรักษ์เช่นเคย รัดเกล้าและรามสูรที่ต่างก็แต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษา ต่างพากันลงมานั่งกินอาหารเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดาเหมือนทุกวัน

“หนูเกล้าใกล้สอบรึยัง” พายัพเอ่ยถามลูกสาวคนสวยที่เพิ่งกลืนขนมปังลงคอ

“ใกล้แล้วค่ะ น่าจะอาทิตย์หน้าค่ะ ปะป๊าขาเกล้าเรียนบริหารฯหรือวิศวะดีคะ” สาวน้อยหันไปตอบบิดา พร้อมตั้งคำถาม ทำเอาคนข้าง ๆ ถึงกับหันมองเธอ

“ทำไมหนูต้องเรียนวิศวะด้วยล่ะ”

“ก็เกล้าอยากไปเรียนตึกเดียวกับเฮียรามนี่คะ” เธอว่าเสียงอ้อนพี่ชาย ทำให้ใบข้าวมองลูกสาวแล้วก็ส่ายหน้าออกมาน้อย ๆ คงเป็นเพราะรามสูรช่วยเลี้ยงดูน้องสาวมาตั้งแต่เล็ก ๆ ทำให้รัดเกล้าติดพี่ชายแจ แต่เรื่องนี้เธอกลับไม่เห็นด้วย

“วิศวะเป็นวิชาเรียนผู้ชาย ม๊าไม่เห็นด้วย” คนเป็นมารดาเอ่ยดับฝันลูกสาวเสียงเรียบ ทำให้สาวน้อยหน้าเจื่อน

“ก็ได้ค่ะ เกล้าเรียนบริหารฯก็ได้” สาวน้อยรับคำหงอยๆ เพราะถ้ามารดาเป็นคนเอ่ยปาก ต่อให้เธออ้อนบิดาอย่างไรก็ไม่มีใครเข้าข้างเธอแล้วล่ะ

“ตึกบริหารฯไม่ได้ไกล ยังไงเฮียก็ไปส่งหนูที่ตึกอยู่แล้ว อย่างอแงน่า” รามสูรเอ่ยปลอบใจน้องสาว แล้วเลื่อนแก้วนมมาให้เธอดื่ม

“ปีหน้ายัยหนูก็ปี1แล้ว ทั้งเฮียทั้งตารามก็เพลา ๆ เรื่องโอ๋ยัยหนูบ้างก็ดี” เห็นลูกชายเอาแต่ให้ท้ายคนเป็นน้องสาว ใบข้าวจึงอดเอ่ยเตือนไม่ได้ เธอกลัวว่าการตามใจของคนเป็นพ่อและพี่ชายจะทำให้รัดเกล้ามองโลกภายนอกเป็นสีเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ คงไม่เป็นผลดีกับรัดเกล้าแน่

จากนี้โลกของลูกสาวเธอจะกว้างขึ้น เจอกับผู้คนมากขึ้น ซึ่งเธอต้องเรียนรู้ที่จะดูผู้คนให้ลึกซึ้งมากขึ้นเช่นกัน เพราะพายัพและรามสูรไม่สามารถคอยตามเป็นเกราะปกป้องเธอทุกฝีก้าวได้หรอก

“ม๊าครับ แต่หนูเกล้ายัง...” รามสูรที่จะเอ่ยทัดทานมารดาได้แต่เงียบไปแค่นั้น เมื่อเห็นว่าดวงตาคู่สวยของมารดาจ้องเขม็งกลับมา

“ทำอย่างที่ม๊าพูด” นั่นคือคำยืนยันถึงเจตานารมย์ ทำให้รามสูรไม่สามารถเอ่ยอะไรได้อีก เพราะตั้งแต่จำความได้รามสูรก็เชื่อฟังคำสั่งสอนของมารดาเสมอ สิ่งที่มารดาเอ่ยเขาจึงไม่เคยขัด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel