ตอนที่ 1 มรสุมชีวิต (2)
“ไหว้งาม ๆ เลยค่ะพี่แดน” มัตสยายกมือไหว้รุ่นพี่หนุ่มที่ยังคงน่ารักกับเธอเสมอ “งานอะไรก็ได้นะพี่ มัทสู้ตาย”
“แล้วยัยหนูล่ะ” ญารินดาพยักพเยิดไปที่หลานสาวตัวน้อยวัยกำลังน่ารักน่าชัง
“แม่ดูแลได้” นางมินตราตอบแทน นั่นทำให้มัตสยาหันมายิ้มแห้ง ๆ กับเพื่อนสนิท “แกพูดอย่างนี้ตลอดตั้งแต่ฉันบอกว่าจะหางานทำ แต่แกเข้าใจใช่ไหมว่าเด็กวันไหนงอแงคือมันไม่ได้ทำอะไรเลย ไหนจะพ่อฉันอีกถึงจะแค่เดินไปไหนเองไม่ได้ แต่คนเคยปกติ บางครั้งอะไรไม่ได้ดั่งใจแกก็เหวี่ยงเหมือนกันนะ เหมือนเด็กเกเร ๆ คนหนึ่งเลยล่ะ แล้วอย่างนี้ฉันจะวางใจได้ยังไง ฉันอยากจ้างคนที่สามารถดูแลเด็ก และบางครั้งช่วยดูแลคนแก่ได้ด้วย คือพ่อฉันไม่ได้จะให้ดูแลอะไรมากมายนะ แค่ช่วยแม่ฉันบ้างบางครั้งเท่านั้น เผื่อแกไม่ว่างหรือแกดูหลานอยู่ คนคนนั้นก็สามารถดูแลพ่อฉันได้บ้างอะไรทำนองนี้น่ะ แกพอมีคนแนะนำไหม อยากได้ที่ไว้ใจได้” มัตสยามองเพื่อนรักอย่างมีความหวัง เพราะจะหาเอาจากคนรู้จัก ทุกคนต่างก็มีงานมีหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว
“ได้เดี๋ยวเรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง เรื่องงานช่วยได้ชัวร์ไหมคะพี่แดน” ตอนท้ายญารินดาหันไปถามสามีที่กำลังหยอกลูกสาวคนเล็ก
“ชัวร์แน่นอน พี่จะหาให้จนได้แหละ” แดนไทยืนยันพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอบคุณทั้งสองคนมาก ๆ เลยนะ เรื่องงานจริง ๆ ก็สมัครในเว็บทิ้งไว้อยู่เหมือนกัน แต่ก็เงี๊ยบเงียบ จะไปตะลอนหาก็ห่วงลูก” มัตสยาบอกอย่างเกรงใจทั้งสอง
“มีอะไรให้ช่วยก็บอก แกกับทุกคนช่วยฉันมามากกว่านี้อีก อย่าได้เกรงใจ เข้าใจไหม” ญารินดากำชับอย่างรู้ดี อย่างเรื่องที่คุยกันอยู่ตอนนี้ ถ้าวันนี้เธอไม่มาเองมัตสยาจะบอกหรือเปล่าก็ไม่รู้
“อื้อ” มัตสยาพยักหน้าก่อนจะเอนศีรษะซบที่ไหล่ของเพื่อนรักอย่างคนที่เหนื่อยล้า “แกจะกลับไวไหม” ถามทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม
“ตอนเย็นนู่นละถึงจะกลับ เพราะนาเดียร์บ่นอยากมาหาน้องกับคุณตาคุณยายหลายวันแล้ว เลยอยากให้อยู่ให้หนำใจหน่อย” ญารินดามองลูกสาวคนโตที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดปากอย่างสนุก
“งั้นดีเลย วันนี้เรามาทำอะไรกินกันดีกว่า” มัตสยายืดตัวขึ้นนั่งตัวตรงพร้อมกับเสนอความคิด ได้ยินอย่างนั้นนางมินตราก็ถามหลานสาวตัวน้อยที่กำลังช่วยเลี้ยงน้องอย่างตั้งใจ “เดี๋ยวยายทำขนมให้กินดีไหมนาเดียร์”
“ดีมาก ๆ เลยค่ะ หนูเป็นผู้ช่วยนะคะ” เด็กน้อยยกมือทั้งสองข้างขึ้น พยักหน้าย้ำอย่างต้องการบอกว่าตำแหน่งผู้ช่วยตัวเองได้จองเอาไว้แล้วห้ามแย่ง
“ได้เลย ไปกันเลยไหม”
“ค่ะ” ว่าแล้วสองยายหลานก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องครัวไป โดยฝากน้องของขวัญให้คุณตาที่แม้จะเดินไม่ได้แต่ก็ยังชอบขออุ้มหลานบ้างบางครั้ง แต่ก็อุ้มนานไม่ได้ต้องเรียกมัตสยารับไปอุ้มต่อ
“เราคงต้องยกครัวให้สองยายหลานก่อน” ปากก็พูดกับเพื่อนแต่สายตายังคงมองและหยอกลูกสาวที่ตอนนี้นั่งมั่นคงแล้ว และกำลังหัดตั้งไข่ โดยที่ชอบไปเกาะสิ่งของต่าง ๆ แล้วปล่อยมือยืนเอง แม้ไม่นานแต่เจ้าตัวก็หัวเราะชอบใจทุกครั้งที่ตัวเองทำได้
“พี่แดนอยากกินอะไรคะ” ญารินดาหันไปถามสามีที่ตอนนี้วางลูกสาวไว้บนเบาะและกำลังหยอกล้อจนได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของหนูน้อย
“วายทำอะไรพี่กินได้หมดแหละ” แดนไทหันมายิ้มหันคนเป็นภรรยาเล็กน้อย
“มาฆ่ากันให้ตายเถอะ จะหวานไปไหนคะพ่อคุณ” มัตสยาแกล้งบ่นรุ่นพี่และมองเพื่อนรักอิจฉาระคนดีใจ เพราะกว่าที่ทั้งสองจะมาอยู่ในจุดนี้ได้ก็ผ่านมรสุมชีวิตมาพอสมควรเหมือนกัน
หลังจากนั้นเกือบอาทิตย์ญารินดาก็โทรให้มัตสยาเข้าไปที่บริษัทแห่งหนึ่งในวันจันทร์นี้พร้อมกับเตรียมเอกสารและเรซูเมต่าง ๆ เข้าไปด้วย แม้จะเป็นการฝากแต่ทางนั้นก็บอกว่าขอสัมภาษณ์ก่อน ถ้าไม่โอเคเขาก็ไม่สามารถรับได้ เพราะมันคือตำแหน่งเลขาฯ ที่ต้องใช้ความอดทน ละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมาก ซึ่งมัตสยาก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหา ถือว่าเป็นโชคของเธอเลย มันเป็นตำแหน่งเดิมที่เคยทำ แม้บริษัทที่เคยทำจะไม่ได้ใหญ่โตเท่าบริษัทนี้แต่เธอก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีจะพิสูจน์ว่าเธอทำงานนี้ได้จริง
จากการสัมภาษณ์ทั้งจากฝ่ายบุคคลและเลขาฯ คนเก่าที่แค่ถามไม่กี่คำก็ออกไป ท่าทางจะยุ่งมาก ๆ สรุปจากประวัติบวกกับการตอบคำถามของมัตสยาก็ทำให้เธอได้รับงานนี้อย่างที่คาดหวัง
เมื่อทำธุระเรื่องงานเสร็จมัตสยาก็แวะไปหาญารินดาตามที่เจ้าตัวได้บอกเอาไว้ และพอไปถึงจึงได้รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายหาพี่เลี้ยงให้น้องของขวัญให้เธอได้แล้ว
“นี่พี่อ้อย เป็นน้องสาวพี่เอื้อง” พี่เอื้องที่ญารินดาพูดถึงคือพี่เลี้ยงของฟ้าใสลูกสาวของฝนทิพย์และแดนเทพ ซึ่งเป็นพี่ชายพี่สะใภ้ของแดนไท
“สวัสดีค่ะ” มัตสยายกมือไหว้พร้อมกับมองอีกฝ่ายที่ก็รีบยกมือรับไหว้เธออย่างงง ๆ ว่าญารินดาพามาแนะนำให้รู้จักทำไม