หิวนม
8 หิวนม
นกยูง.....
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วฉันออกมายืนรอพี่วายุมารับโดยมีเพื่อนๆ ของฉันมายืนรอเป็นเพื่อนเพราะอยากเห็นหน้าพี่วายุตัวจริงเพราะก่อนที่พี่วายุจะกลับมาฉันเคยอวดพวกเพื่อนๆ ว่าฉันมีพี่ชายที่หล่อมากๆ จนเพื่อนฉันแซวว่าฉันตกหลุมรักพี่ชายตัวเองซึ่งฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธหรอกนะเพราะฉันตกหลุมรักเขาจริงๆ นั่นแล่ะ แต่ฉันไม่คิดที่จะบอกพี่วายุหรอกนะฉันอายน่ะเพราะเราเพิ่งได้เจอหน้ากันแค่สองวันเองฉันกลัวว่าเขาจะหาว่าฉันแก่แดดไร้ยางอายที่บอกชอบเขาทั้งที่เพิ่งเจอหน้าไม่กี่วันแต่เหมือนฉันรู้จักเขามานานแล้วเพราะวันๆ เอาแต่ไถไอจีดูรูปที่พี่เค้าโพสต์ทุกวันแม้จะมีบางรูปที่ฉันเลื่อนผ่านเพราะพี่วายุอัพรูปคู่กับผู้หญิงของเขาถึงจะเป็นเพื่อนฉันก็รู้สึกนอยด์อยู่ดี
และในขณะที่ฉันกำลังยืนรอพี่วายุมารับคุณพ่อรุจก็โทรเข้ามาพอดีฉันก็เลยเดินเลี่ยงออกมาเพื่อคุยโทรศัพท์เพราะตรงนั้นเพื่อนของฉันคุยกันเสียงดัง
"ค่ะคุณพ่อ"
"พ่อมีข่าวดีจะบอกกับนกยูง" น้ำเสียงของท่านดูตื่นเต้นมากไจนฉันเองก็ลุ้นไปด้วยว่าข่าวดีที่ว่าคืออะไร
"ข่าวดีอะไรคะคุณพ่อรีบบอกนกยูงเลยค่ะ” ฉันถามกลับอย่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน
"นกยูงกำลังจะมีน้องแล้วนะลูก"
"มีน้อง หมายความว่าแม่ของนกยูงท้องเหรอคะ"
"ใช่จ้ะ เพิ่งตรวจแล้วก็ฝากครรภ์เสร็จพ่อก็รีบโทรมาบอกนกยูงคนแรกเลย"
"แล้วแม่ล่ะคะแม่เป็นยังไงบ้างแม่ดีใจมั้ยคะ"
"นกยูงคุยกับแม่ละกันลูก" สักพักแม่ก็รับสายไปคุย
"นกยูงดีใจมั้ยลูกหนูกำลังจะมีน้องแล้วนะ"
"แม่ขา นกยูงดีใจที่สุดเลยค่ะ ฮืออ ฮือออ นกยูงกำลังจะได้เป็นพี่สาวแล้ว ว่าแต่แม่ท้องได้กี่เดือนแล้วคะ" ฉันถามไปร้องไห้ไปด้วยความดีใจก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาเพราะลืมไปว่าตัวเองยังอยู่ที่โรงเรียน
"สามเดือนแล้วจ๊ะ"
"น้องแข็งแรงดีใช่มั้ยคะแม่"
"แข็งแรงดีจ๊ะ เดี๋ยวแม่กับคุณพ่อจะไปรับนกยูงที่โรงเรียนนะลูก"
"เอ่อไม่เป็นไรค่ะแม่กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะนะคะ คือพี่วายุบอกว่าจะมารับนกยูงค่ะ"
"เหรอลูก อื้มมๆ งั้นไว้เจอกันที่บ้านนะจ๊ะลูก"
"ค่าแม่ นกยูงรักแม่นะคะแล้วก็รักน้องในท้องแม่ด้วยค่ะ" หลังจากวางสายไปฉันก็รีบเดินกลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ แต่เสียงที่คุยกันมันดังกว่าปกติมีเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ ด้วยพอฉันเดินถึงก็ปรากฏว่าพี่วายุยืนอยู่ท่ามกลางเพื่อนสาวๆ ของฉัน
"พี่วายุมารอนกยูงนานแล้วเหรอคะ" ฉันถามพี่วายุที่ยืนยิ้มอยู่
"พี่ชายแกมารอตั้งนานแล้วพวกเราก็เลยชวนคุย" ยัยกิ๋มเพื่อนสนิทของฉันหันมาบอก
"พี่ชายแกหล่อสุดๆ เลยอ่ะ ฉันสมัครเป็นพี่สะใภ้แกได้ป่าวอ่ะนกยูง" ยัยหงส์เพื่อนอีกคนเดินมากระซิบฉันแล้วก็บิดตัวไปมาอย่างเขินอายราวกับว่าถูกพี่วายุจีบยังไงยังงั้น
"ไม่นานหรอกพี่รอได้^^"
"เอ่อ ถ้างั้นเรากลับกันเลยดีมั้ยคะ" ฉันรู้สึกหวงพี่วายุขึ้นมาเพราะเพื่อนๆ ของฉันตอนนี้เอาแต่มองพี่วายุตาเคลิ้มกันมาก
"มา พี่ถือกระเป๋าให้" พี่วายุดึงกระเป๋าที่ฉันสะพายอยู่ไปถือแล้วจับมือฉันเดินออกมา ฉันหันไปโบกมือให้เพื่อนๆ ที่ยืนมองตามพี่วายุตาละห้อยจนอดขำไม่ได้
พอมาถึงบนรถฉันก็รีบบอกข่าวดีกับพี่วายุทันทีเพราะคิดว่าเขาคงยังไม่รู้
"พี่วายุคะเราสองคนกำลังจะมีน้องแล้วนะคะ"
"น้อง?? หมายความว่ายังไงพี่ไม่เข้าใจ"
"ก็เมื่อครู่นี้คุณพ่อรุจโทรมาบอกข่าวดีกับนกยูงค่ะว่าตอนนี้แม่ของนกยูงกำลังตั้งท้องได้สามเดือนแล้วแม่กำลังจะมีน้องค่ะ นกยูงดีใจมากๆ เลยค่ะบ้านเรากำลังจะมีเด็กตัวเล็กๆ แล้วนะคะคงมีความสุขน่าดูเลย นกยูงตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ" ฉันพูดอย่างมีความสุขแต่ดูเหมือนพี่วายุจะเอาแต่เงียบจนผิดสังเกตเขาไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งขับมาถึงบ้าน
"วายุพ่อมีข่าวดีจะบอกลูก" พอเราสองคนเดินเข้าบ้านมาคุณพ่อก็รีบเดินมาใกล้ๆ พี่วายุเพื่อบอกข่าวดีกับพี่วายุด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสมีความสุขไม่ต่างจากแม่ที่นั่งเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ อยู่ที่โซฟาฉันก็เลยเดินมานั่งข้างๆ แม่
"เรื่องที่พ่อกำลังจะมีลูกอีกคนน่ะเหรอครับผมเพิ่งรู้จากนกยูงเมื่อกี๊ อันที่จริงผมคิดว่าพ่อควรจะบอกก่อนเป็นคนแรกเพราะผมเป็นลูกชายคนโตแต่ช่างมันเถอะครับยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับกับครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นของพ่อ" พูดจบพี่วายุก็เดินขึ้นห้องไปเลย ฉันไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่เขาดีใจอย่างที่พูดจริงมั้ยหรือเขาน้อยใจที่คุณพ่อไม่บอกเขาก่อน ฉันน่าจะรอให้คุณพ่อเป็นคนบอกเองมากกว่า ฉันรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้
"นกยูงไม่น่ารีบบอกพี่วายุเลยนกยูงผิดเองค่ะ"
"หนูไม่ผิดหรอกลูกพ่อผิดเองที่จริงพ่อควรจะโทรบอกวายุเป็นคนแรก พ่อลืมไปว่าพี่เค้าเป็นคนคิดมากแล้วก็เป็นคนขี้น้อยใจมาตั้งแต่เด็ก"
"อย่าโทษกันเลยค่ะ เราทุกคนก็ไม่มีใครอยากให้คุณวายุรู้สึกน้อยใจแบบนี้หรอก"
เราทุกคนนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันยกเว้นพี่วายุที่ไม่ยอมลงมา คุณพ่อก็เลยให้ป้าแม่บ้านขึ้นไปตามแต่พี่เค้าบอกปวดหัวไม่อยากทานอาหารอยากนอนอย่างเดียวคุณพ่อก็เลยไม่อยากขัดใจ หลังจากทานอาหารกันเสร็จฉันก็ขึ้นมาอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวนอนแต่ด้วยความที่ฉันเป็นห่วงพี่วายุฉันก็เลยตัดสินใจขึ้นไปเคาะประตูห้องพี่วายุที่อยู่ติดกันเพราะความรู้สึกผิด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก แต่ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลยฉันเอาหูแนบประตูห้องแต่ห้องทั้งห้องเงีบบราวกับไม่มีใครอยู่ ฉันลองขยับลูกบิดประตูปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อคฉันค่อยๆ แง้มประตูเข้าไปเห็นแสงสว่างเล็กๆ ตรงโคมไฟหัวเตียงที่มันไม่ได้สว่างมากฉันค่อยๆ ปิดประตูเบาๆ ฉันปรับสายตาเพื่อให้ชินกับความมืดซึ่งภายในห้อได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงาน
"พี่วายุคะ" ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ ก่อนฉันจะเห็นอะไรไหวยุกยิกบนเตียงนอน
"พี่วายุ" ฉันเรียกเขาอีกรอบแต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบรับ หรือเขาจะเป็นอะไรจริงๆ ฉันคิดในแง่ร้ายฉันเดินไปใกล้ๆ เตียงนอนของเขาอย่างช้าๆ
"พี่วา..ว๊ายยยย" ฉันถูกคนบนเตียงดึงแขนจนตัวฉันล้มลงมานอนหงายหลังอยู่บนเตียง
"ใครอนุญาตให้เข้ามา" พี่วายุจับมือฉันทั้งสองข้างขึ้นไปขึงไว้เหนือศีรษะแล้วเอาตัวมาทาบทับตัวฉันไว้โชคยังดีที่มีผ้าห่มกั้นกลางระหว่างเราเพราะตอนนี้ชุดนอนลายคิดตี้ของฉันมันเลิกขึ้นมาอยู่บนเอวแล้ว
"เอ่อคือนกยูงเป็นห่วงเห็นว่าพี่ไม่ลงไปทานข้าวนกยูงก็เลยจะมาดูจะมาถามว่าพี่หิวข้าวมั้ยแค่นั้นเองค่ะ"
"หิวดิหิวมากด้วย"
"เอ่อ แล้วพี่อยากกินอะไรคะเดี๋ยวนกยูงจะลงไปทำมาให้ทาน" ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่น อย่าว่าแต่เสียงฉันสั่นเลยใจฉันตอนนี้มันก็สั่นมากเพราะตอนนี้ใบหน้าของฉันกับของพี่วายุห่างกันแค่ไม่กี่เซ็นต์
"พี่ไม่ได้หิวข้าว"
"แล้วพี่หิวอะไรล่ะคะ นมร้อนๆ มั้ยคะหรือโกโก้ร้อนๆ ดีเดี๋ยวนกยูงจะลงไปชงมาให้ค่ะ"
"พี่ไม่ชอบโกโก้มันขม แต่ถ้าเป็นนมเหรอ อืมมก็ดีนะแต่พี่ไม่อยากกินนมร้อนอ่ะพี่อยากกิน...นมจากเต้าได้หรือเปล่า"
"นะ..นม..จาก..เต้า...เหรอคะ" ฉันถามกลับเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาด
"อืมใช่ เราให้พี่กินได้หรือเปล่าล่ะ"
"คะ??"
"พี่อยากกินนมจากเต้าของเราอ่ะ นกยูงให้พี่กินได้มั้ยครับ พี่หิวมากเลย"
"พี่วายุ!!!คือว่ามัน"
"เราอายุเท่าไหร่ตอนนี้" จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูดแต่ฉันก็ยังตอบเขาอยู่ทั้งที่ตอนนี้ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเองแล้ว
"เอ่อ จะสิบแปดแล้วค่ะ พี่ถามทำไมเหรอคะ"
"ถามไว้ก่อนพี่ไม่อยากถูกจับข้อหาพรากผู้เยาว์"