ผีจับหัว
9 ผีจับหัว
นกยูง...
"เราอายุเท่าไหร่ตอนนี้" จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูดแต่ฉันก็ยังตอบเขาอยู่ทั้งที่ตอนนี้ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเองแล้ว
"เอ่อ สิบแปดแล้วค่ะ พี่ถามทำไมเหรอคะ"
"ถามไว้ก่อนพี่ไม่อยากถูกจับข้อหาพรากผู้เยาว์" พูดจบพี่วายุก็ก้มใบหน้าลงมาซุกอยู่ตรงซอกคอของฉัน
"พี่วายุจะทำอะไรคะ นกยูงอยากกลับห้องแล้วค่ะ" ฉันพยายามใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดพยายามช่วยตัวเองแต่ดูเหมือนยิ่งทำมันจะยิ่งไปกันใหญ่เพราะตอนนี้ผ้าห่มที่กั้นกลางระหว่างเรามันกำลังเลื่อนหลุดลงไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มันอยู่ที่ปลายเตียงเรียบร้อยแต่ชุดนอนของฉันมันยังกองอยู่ที่เดิม พี่วายุขยับใบหน้าออกแล้วก้มลงมองดู ฉันไม่รู้ต้องทำยังไงจะดึงมันลงไปก็ทำไม่ได้เพราะถูกเขาจับไว้ทั้งสองข้าง
"ลายการ์ตูนซะด้วย เรานี่ยังเด็กน้อยอยู่เลยนะ"
"พี่วายุคะนกยูงอยากกลับไปนอนแล้วค่ะนกยูงง่วงค่ะ เอ่อคือพรุ่งนี้นกยูงมีสอบอยากกลับไปอ่านหนังสือค่ะ" ฉันหาข้ออ้างสารพัดเผื่อเขาจะยอมปล่อยให้ฉันกลับห้อง
"ตกลงง่วงอยากนอนหรือจะกลับไปอ่านหนังสือเอาดีๆ"
"เอ่อก็..ทั้งสองอย่างค่ะ"
"ไม่กลับได้มั้ยพี่อยากนอนกอดใครสักคน พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเราทั้งนั้นถ้าเราไม่ยินยอม พี่สัญญา" พูดจบพี่วายุก็ยอมปล่อยมือฉันจนเป็นอิสระ ฉันรีบลุกออกจากที่นอนแต่ขาไม่ทันจะถึงพื้นเอวฉันก็ถูกพี่วายุกระชากให้ลงไปนอนแต่ครั้งนี้ตัวฉันไปอยู่บนตัวของพี่เขาแบบพอเหมาะพอเจาะใบหน้าของเราใกล้กันอีกครั้ง ลมหายใจของเขาทำไมมันถึงร้อนแบบนี้ล่ะฉันเพิ่งจับสังเกต
"พี่วายุไม่สบายเหรอคะ" ด้วยความที่เป็นห่วงฉันก็เลยเอามือแตะที่หน้าผากกับคอของพี่เขา ปรากฏว่าตัวพี่วายุร้อนมากจริงๆ
"เมื่อกี้พี่นอนแช่น้ำนานไปหน่อยน่ะออกมาก็เจอแอร์เย็นๆ ไม่ป่วยก็แปลกละ"
"พี่ต้องทานยานะคะแต่พี่ยังไม่ได้ทานข้าวเลยจะทานยาก็ไม่ได้เดี๋ยวยาไปกัดกระเพาะถ้างั้นเดี๋ยวนกยูงออกไปทำข้าวต้มมาให้พี่ดีมั้ยคะแล้วพี่ก็ค่อยทานยา"
"แน่ใจว่าออกไปแล้วจะกลับเข้ามาอีก"
"นกยูงพูดคำไหนเป็นคำนั้น พี่วายุก็เหมือนกันนะคะสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไรนกยูงก็ต้องทำตามที่พูดนะคะ"
"ครับ" พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ลุกออกจากตัวพี่เขาแล้วออกไปจากห้องแต่ก่อนออกก็แอบมองซ้ายมองขวาก่อนเพราะกลัวแม่กับคุณพ่อหรือใครมาเห็นว่าฉันออกมาจากห้องพี่วายุแล้วมันจะดูไม่ดี
วายุ...
ผมยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ผมรู้อยู่แล้วว่ายัยนี่ยังไงก็ต้องขึ้นมาหาผมแน่ๆ ผมก็เลยตั้งใจทำให้ตัวเองป่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจ เด็กแบบนกยูงผมดูไม่ยากหรอกแล้วก็รู้ด้วยว่ายัยนี่คิดอะไรกับผม ผมดูออกตั้งแต่วันแรกที่ผมก้าวขาลงจากรถแล้ว สายตาของนกยูงที่มองผมทำไมผมจะดูไม่ออกว่ารู้สึกยังไงแต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะไม่ได้อะไรกับยัยนี่มากไปกว่าคนอาศัยในบ้าน
ผมนอนเล่นมือถือคุยกับเพื่อนสนิทผมกับพวกมันนัดกันว่าจะหาเวลาไปดื่มเพราะไม่ได้เจอกันนานมากก็ตั้งแต่ผมตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอก
แอร๊ดดดด เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างช้าๆ และเบามือผมรู้ทันทีว่าเป็นนกยูงผมรีบเก็บมือถือแล้วทำทีเป็นนอนหนาวอยู่ในผ้าห่ม นกยูงถือถาดอาหารเข้ามาเพราะเสียงจานเสียงแก้วน้ำมันดังกระทบกันแม้ว่าเธอจะพยายามไม่ให้มันเสียงดังก็ตาม นกยูงเปิดไปจนมันสว่างทั่วห้องก่อนจะเดินมาหาผมที่เตียงแล้วเอาถาดข้าวถาดยาวางไว้ข้างๆ เตียง
"พี่วายุตื่นมาทานข้าวทานยาก่อนค่ะนกยูงทำมาให้แล้ว พี่วายุ" นกยูงจับแขนผมเขย่าเบาๆ ผมก็ทำเป็นสะลึมสะลือเหมือนกำลังตื่น
นกยูง....
"เดี๋ยวนกยุงป้อนนะคะ พี่คงทานเองไม่ไหว" ฉันบอกด้วยความสงสารเพราะดูพี่วายุจะไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ ฉันป้อนข้าวต้มพี่วายุเขาก็เอาแต่จ้องหน้าฉันไม่หยุดจนฉันต้องหลบสายตาเพราะเขินพี่เขามาก
"พี่วายุอย่าเอาแต่จ้องหน้านกยูงแบบนี้สิคะนกยูงก็เขินเป็นนะคะ"
"ทำไมเหรอก็นกยูงน่ารักนี่นาพี่มองไม่ได้เหรอหรือหวงไว้ให้คนอื่นมอง"
"เปล่านะคะนกยูงไม่ได้หวงให้ใครทั้งนั้นค่ะ แต่ไม่เคยมีใครจ้องหน้านกยูงขนาดนี้นกยูงอายค่ะ"
"อายทำไมครับ คนน่ารักใครๆ ก็อยากมองทั้งนั้น"
"พอเลยค่ะพี่วายุเลิกชมนกยูงว่าน่ารักสักที พี่รีบทานข้าวนะคะจะได้ทานยา" แต่ดูเหมือนพี่วายุจะไม่ได้สนใจคำพูดของฉันเลยสักนิดเดียวเพราะเขาจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้นจนฉันป้อนข้าวต้มหมดถ้วย
"ข้าวต้มอร่อยจัง คราวหลังพี่คงต้องป่วยบ่อยๆ นกยูงจะได้ทำข้าวต้มมาป้อนพี่อีก"
"ถ้าพี่อยากทานข้าวต้มฝีมือนกยูงพี่ไม่ต้องป่วยนกยูงก็ทำให้พี่ได้ค่ะ" ฉันยกแก้วน้ำมาให้พี่วายุดื่มก่อนจะยื่นยาแก้ไข้ให้สองเม็ด
"งั้นเดี๋ยวนกยูงเอาถ้วยไปเก็บก่อนนะคะ"
"รับกลับมาให้พี่นอนกอดนะครับ" ฉันทำได้แค่ยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะยกถาดอาหารออกมา ฉันล้างถ้วยล้างแก้วน้ำเสร็จก็รีบกลับขึ้นมาข้างบนเพราะนี่มึนเกือบเที่ยงคืนแล้วฉันกำลังชั่งใจว่าฉันจะกลับเข้าห้องตัวเองดีหรือว่าไปห้องพี่วายุดี เอายังไงดียัยนกยูงถ้าเธอกลับห้องก็เท่ากับว่าเธอผิดคำพูดนะฉันคุยกับตัวเองสุดท้ายฉันก็เดินไปทางห้องพี่วายุเพราะฉันไม่อยากผิดคำพูดกับเขา
ฉันค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนจะปิดมันลงเบาๆ เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันกลับเข้ามาพอเขาเห็นว่าเป็นฉันเขาก็ส่งยิ้มมาให้
"ปิดไฟด้วยนะครับไม่งั้นพี่นอนไม่หลับ"
"เอ่อ..ค่ะ แต่พี่วายุต้องเปิดไฟหัวเตียงไว้ด้วยนะคะนกยูงกลัวตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกแล้วมองไม่เห็น" จริงๆ แล้วมันคือข้ออ้างน่ะอันที่จริงฉันกลัวความมืดกลัวผี ตอนแรกที่เข้ามาในห้องพี่วายุฉันลืมไปเลยว่าตัวเองกลัวความมืดเพราะมัวแต่ห่วงเขามากเกินไปก็เลยลืมตัวว่าตัวเองกลัวความมืดกลัวผี
"กลัวผีหรือไงเรา"
"งื้อออ พี่วายุห้ามพูดเรื่องผีนกยูงกลัว" พอเขาพูดว่าผีฉันก็รีบกระโดดขึ้นเตียงทันทีอย่างลืมตัว
"หึ หึ โตเป็นสาวแล้วทำไมกลัวอะไรไร้สาระแบบนี้ด้วยล่ะหื้มมม ผีมันไม่มีในโลกหรอกนะ" พี่วายุหันหน้ามาทางฉันส่วนฉันก็รีบเอาผ้าห่มคลุมตัวเองแล้วขยับเข้าไปใกล้พี่วายุก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องมองเพดานมองกระจกมองตู้เสื้อผ้ามองหน้าห้องน้ำที่คิดว่าผีจะโผล่ออกมา
"รู้ได้ไงคะว่าไม่มี นกยูงเคยไปเข้าค่ายกับเพื่อนๆ แล้วก็เคยเจอจริงๆ"
"อืมมอาจจะมีจริงๆ พี่รู้จักอยู่ตัวนึงมันน่ากลัวมาก"
"งื้อพี่วายุไม่เอาไม่พูดเรื่องผีนะคะนกยูงขอร้อง"
"อยากรู้มั้ยว่าผีตัวนั้นมันมีชื่อว่าอะไร"
"ไม่อยากรู้ค่ะ" ฉันส่ายหน้าพร้อมกับเอามือปิดหูเพราะไม่อยากได้ยิน
"ผี.....ผี...."
"พี่วายุถ้าพี่ไม่หยุดพูดนกยูงจะกลับห้องจริงๆ นะคะ"
"โอเคไม่พูดก็ได้แต่นกยูงต้องให้พี่นอนกอดนะคืนนี้"
"ถ้าพี่สัญญาว่าจะไม่เอ่อไม่กินนมนกยูงนกยูงก็จะยอมให้พี่กอดค่ะ"
"พี่บอกแล้วไงว่าถ้านกยูงไม่ยินยอมพี่ก็จะไม่กินนมนกยูงไม่ทำอะไรนกยูง" พอได้ยินคำสัญญาอีกรอบฉันก็จะยอมเชื่อพี่วายุสักครั้งหนึ่ง ฉันขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วล้มตัวลงนอน พี่วายุก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันเอามือโอบเอวฉันไว้แน่นเอาหน้ามาซุกไว้ที่ซอกคอฉันโดยที่ลมหายใจของเขาก็ยังร้อนอยู่ ฉันเอามือแตะแขนพี่วายุข้างที่พาดมาที่เอว
"นกยูงลืมไปเลยว่าต้องเช็ดตัวให้พี่วายุ" ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้
"ไม่ต้องเช็ดหรอกเพราะถ้านอกยูงเช็ดตัวให้พี่พี่กลัวว่าผีตัวนั้นมันจะโผล่มาให้เห็น"
"ผีอะไรจะโผล่มาตอนเช็ดตัวคะ พี่วายุแกล้งให้นกยูงกลัวใช่ไหมพอรู้ว่านกยูงกลัวผีก็พูดแต่เรื่องผี"
"ถ้าไม่เชื่อนกยูงก็ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้พี่สิ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน"
"พี่วายุนิสัยไม่ดีรู้งี้นกยูงไม่เข้ามาก็ดีไปนอนห้องตัวเองดีกว่า"
"โอเคพี่ไม่แกล้งละแต่พี่พูดจริงๆ นะมันมีจริงๆ นะนกยูงไม่อยากรู้จริงๆ เหรอพี่อยากบอกนะ"
"ผีอะไรคะบอกมาเลยค่ะนกยูงจะได้นอนสักที"
"ผีจับหัว เคยได้ยินป่ะ"
"งื้อแค่ชื่อก็น่ากลัวแล้วค่ะ"