ตัวจุ้นจ้าน
วายุ....
"ทานเยอะๆ นะคะพี่วายุ"
"ของโปรดพี่ทั้งนั้นเลยใช่มั้ยคะนกยูงก็ชอบเหมือนกันเลยค่ะ"
"อันนี้ก็อร่อยนะคะนกยูงไปช่วยป้าแม่ครัวทำด้วย"
"พี่วายุคะอัน..." ผมแม่งเริ่มรำคาญยัยนี่ละ วุ่นวายอะไรกับผมนักหนาวะ
"พี่อิ่มละขอตัวก่อนนะ" ผมตัดปัญหาวางช้อนแล้วลุกออกมาจากโต๊ะทานข้าวโดยไม่สนว่าทั้งโต๊ะจะว่าอะไรหรือเปล่า
"อิ่มแล้วเหรอคะ พี่วายุยังไม่ได้ทานของหวานเลยนะคะ" ยัยนี่ก็ยังจุ้นไม่เลิก ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปฝืนยิ้มให้ยัยนี่
"พี่อิ่มแล้วครับไม่อยากทาน" เพราะของหวานที่เธอจะให้ผมกินมันคือกล้วยบวชชี มันเป็นของหวานที่ผมเคยชอบมากตอนที่ผมยังเด็กเพราะแม่ผมชอบทำให้ทานแต่พอแม่ผมเสียไปผมก็ไม่คิดที่จะกินมันอีกเลยเพราะผมจะคิดถึงแม่
"ว๊าา นกยูงอุตส่าห์ทำสุดฝีมือเลยเสียใจจัง" เสียใจก็เรื่องของเธอดิ ผมคิดในใจนะไม่ได้พูดออกไป
"วายุทานสักหน่อยเถอะลูกน้องอุตส่าห์ทำเพื่อเราโดยเฉพาะเลยนะ" พ่อนี่ยังไงกันจะเอาใจยัยนี่อะไรนักหนาผมถอนหายใจอีกรอบก่อนจะจำใจเดินไปที่โต๊ะอาหารอีกรอบ เมียใหม่พ่อมองหน้าผมเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่เพราะคงเดาจากสีหน้าผมได้
"เอ่อถ้าคุณวายุไม่อยากทานก็ไม่เป็นไรค่ะนกยูงอย่าทำแบบนี้เลยนะลูกพี่เค้าจะอึดอัดใจเปล่าๆ"
"นกยูงขอโทษค่ะ"
"ผมกินก็ได้น้องอุตส่าห์ทำให้" ผมยิ้มฝืนไปอีกรอบก่อนจะนั่งลงแล้วตักกล้วยบวชชีใส่ปาก ผมพยายามฝืนกลืนมันลงคอเพราะรสชาติของกล้วยบวชชีมันเหมือนกับที่แม่ผมทำให้ผมกินเลยผมอยากร้องไห้ออกมาแต่ต้องฝืนเอาไว้ไม่อยากทำตัวอ่อนแอให้ใครเห็น
"อร่อยมั้ยคะพี่วายุ^^"
"อื้มมม" ผมตอบยัยตัวจุ้นสั้นๆ ก่อนจะรีบๆ ตักใส่ปากจนหมดถ้วยเพื่อจะได้ลุกออกไปไวๆ
ผมเข้าห้องจัดการข้าวของที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง สิ่งแรกที่ผมหยิบออกจากกระเป๋าเดินทางก็คือกรอบรูปรูปครอบครัวที่มีผมนั่งบนตักแม่พ่อยืนอยู่ด้านหลังมันเป็นรูปเดียวที่ผมเอาติดตัวไปอเมริกาด้วย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ใคร" ผมตะโกนออกไป
"นกยูงเองค่าพี่วายุ"
"เห้อออ ผมถอนหายใจอีกครั้งจนจำไม่ได้ว่าผมถอนหายใจกับยัยนี่ไปกี่รอบตั้งแต่ก้าวขาเข้าบ้านมา
"มีอะไรกับพี่เหรอ" ผมเปิดประตูก็เจอนกยูงยืนยิ้มหน้าบานอยู่หน้าประตูและเหมือนเธอจะเอาอะไรซ่อนไว้ข้างหลัง
"พอรู้ว่าพี่จะกลับมานกยูงก็คิดว่าอยากให้ของขวัญต้อนรับการกลับมาของพี่แต่นกยูงไม่มีเงินที่จะซื้อของแพงๆ ให้นกยูงก็เลยทำของขวัญที่นกยูงทำมันด้วยตัวเอง นี่ค่ะ" นกยูงยื่นอะไรบางอย่างมาให้ผมมันคือภาพวาดมีคนสี่คนอยู่ในภาพนั้นผมมองอย่างไม่เข้าใจจนกระทั่งนกยูงอธิบาย
"ในภาพที่นกยูงวาดมีคุณพ่อรุจมีแม่ดาวเรืองมีพี่วายุแล้วก็มีนกยูง ภาพนี้มันคือภาพครอบครัวของเราค่ะ^^" หึ ครอบครัวของเรา ไม่ถามผมสักคำเลยหรือไงว่าอยากเป็นครอบครัวเดียวกันกับเธอหรือเปล่า
"ขอบใจ แค่นี้ใช่ไหมพี่อยากนอนแล้ว"
"เอ่อก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ พี่วายุพักผ่อนเถอะค่ะนกยูงไม่รบกวนแล้ว หลับฝันดีนะคะ^^"
นกยูง....
ฉันยิ้มสดใสให้พี่วายุก่อนที่เขาจะปิดประห้องหลังจากพี่วายุปิดประตูฉันก็หุบยิ้มทันทีเพราะรู้สึกได้ว่าเขาไม่ค่อยอยากคุยกับฉันสักเท่าไหร่เลยตั้งแต่ที่โต๊ะอาหารแล้วเหมือนเขาพูดตามมารยาทเท่านั้นถามคำตอบคำ หรือฉันจะคิดไปเองเขาอาจจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วก็ได้ ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้
วันต่อมา....
ที่โต๊ะอาหารเช้า...
"นกยูงคิดหรือยังลูกว่าจบมอหกแล้วอยากเรียนต่อที่ไหน" คุณพ่อรุจถามขณะที่เรากำลังทานอาหารเช้ากันอยู่รวมถึงพี่วายุด้วย
"นกยูงว่าจะลองไปสอบเข้ามหาลัยXXXดูค่ะคุณพ่อแต่ไม่รู้จะสอบเข้าได้มั้ยเห็นเค้าว่ามหาลัยนี่สอบเข้ายากมากเลย"
".ใช่ลูกมหาลัยนี้สอบเข้ายากมากจริงๆ แต่ก่อนพี่วายุจะไปเรียนต่อเมืองนอกพี่เค้าก็เคยไปสอบที่นี่เหมือนกันแล้วก็สอบติดด้วยแต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ไม่ไปเรียนขอไปเรียนต่อเมืองนอกซะงั้น"
"เหรอคะแปลว่าพี่วายุเรียนเก่งมากๆ เลยถ้าอย่างงั้นถ้านกยูงจะขอพี่วายุช่วยติวให้นกยูงจะได้มั้ยคะ"
"อันนี้นกยูงต้องถามพี่เค้าดูนะลูกว่าพี่เค้าจะว่างช่วยนกยูงติวมั้ย ว่าไงวายุพอจะช่วยน้องได้มั้ย"
"ขอดูก่อนนะครับพ่อเพราะผมต้องไปศึกษางานที่บริษัทของพ่ออีก"
"ถ้าคุณวายุไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวน้าส่งนกยูงไปเรียนพิเศษก็ได้^^"
ฉันภาวนาว่าพี่วายุจะติวให้ฉันนะ พูดแบบไม่อายเลยฉันอยากอยู่ใกล้ๆ พี่วายุน่ะ
"เอ้อ วายุวันนี้จะเข้าบริษัทใช่มั้ย"
"ครับพ่อผมอยากเรียนรู้งานเลยพ่อจะได้พัก"
"ถ้าอย่างงั้นวันนี้พ่อขอไปส่งนกยูงที่โรงเรียนหน่อยสิ พอดีพ่อจะพาน้าดาวเรืองไปหาหมอน่ะ"
"แม่ไม่สบายเป็นอะไรคะ" ฉันถามอย่างตกใจเพราะไม่รู้ว่าแม่ป่วยเพราะดูแม่ก็ปกติดีแม้ว่าช่วงนี้แม้จะมีอาการหน้ามืดบ่อยแต่ฉันคิดว่าแม่ทำงานหนักไม่ค่อยพัก แต่ถ้าคุณพ่อรุจจะพาไปหาหมอนั่นก็แปลว่าแม่ต้องเป็นอะไรมากแน่ๆ
"แม่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกลูกแต่คุณพ่อรุจของลูกน่ะสิบังคับให้แม่ไปหาหมอให้ได้แม่ก็ไม่อยากขัดใจ"
"แล้วไปนกยูงคิดว่าแม่เป็นอะไรมากซะอีก แม่ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะนกยูงไม่อยากให้แม่ป่วย"
"จ๊ะลูก^^"
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนรถของพี่วายุเป็นรถสปอร์ตคันหรูที่คุณพ่อรุจซื้อไว้ต้อนรับพี่วายุกลับบ้าน
"บอกทางพี่ด้วยนะ"
"ได้ค่ะ^^" ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเพราะเป็นครั้งแรกที่เราใกล้ชิดกันขนาดนี้แถมยังอยู่ด้วยกันสองต่อสองอีก ใจของฉันเต้นแรงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันเอามือจับตรงหัวใจของตัวเองมันเต้นเร็วและแรงเหมือนจะระเบิดออกมา ระหว่างทางทั้งฉันทั้งพี่วายุต่างก็เงียบเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกันดีจนกระทั่งมาถึงหน้าโรงเรียน
"จอดตรงหน้าโรงเรียนก็ได้ค่ะพี่วายุไม่ต้องขับเข้าไปข้างในเดี๋ยวพี่จะเข้าบริษัทสาย"
"พี่เป็นลูกเจ้าของบริษัทจะไปสายใครจะกล้าว่า พี่ว่าพี่ไปส่งเราข้างในดีกว่า"
"ขอบคุณค่ะ^^" พี่วายุขับเข้ามาส่งฉันถึงหน้าตึกเรียน คือพอขับเข้ามามีแต่คนมองเพราะรถของพี่เค้าสีมันเด่นสะดุดตามากนั่นเองจนฉันไม่กล้าลงแต่ยังไงก็ต้องลงเพราะพี่วายุจ้องหน้าฉันคงคิดว่าทำไมฉันไม่ลงสักที
"เอ่อ ถ้างั้นนกยูงไปเรียนก่อนนะคะพี่วายุขับรถดีๆ นะคะ"
"แล้วเลิกเรียนกี่โมง"
"สี่โมงครึ่งค่ะ"
"โอเคงั้นสี่โมงครึ่งมารอพี่ตรงนี้พี่จะมารับ"
"จริงเหรอคะพี่วายุจะมารับนกยูงจริงๆ เหรอคะ^^" ฉันถามอย่างดีใจเพราะไม่คิดว่าพี่วายะจะมารับ
"คิดว่าพี่พูดโกหกหรือไง"
"เอ่อเปล่าค่ะ คือนกยูงไม่คิดว่าพี่วายุจะมารับนกยูง"
"ทำไมถึงคิดแบบนั้น"
"ก็พี่วายุเหมือนไม่ค่อยชอบหน้านกยูงเลยนี่คะนกยูงถามคำก็ตอบคำไม่ค่อยพูดด้วยนกยูงก็คิดว่าพี่วายุรำคาญนกยูง"
"ไร้สาระพี่จะรำคาญเราทำไม พี่ว่าเราไปเรียนได้ละ"
"โอเคค่ะถ้างั้นไว้เจอกันเย็นนี้นะคะ บ๊ายบายค่ะ^^"
วายุ....
พอนกยูงลงจากรถผมก็ขับรถออกมาเพื่อตรงไปยังบริษัท ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมผมถึงทำดีกับนกยูง....ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำผมมีเหตุผลของผมก็แล้วกัน
"สวัสดีค่ะคุณวายุพี่ชื่อพี่ศรีนะคะเป็นเลขาของคุณรุจค่ะ" พอมาถึงบริษัทพี่ศรีเลขาของพ่อก็เดินมาต้อนรับรวมถึงพนักงานคนอื่นๆ ที่ยืนต้อนรับผมเป็นทางยาว
"สวัสดีครับพี่ศรียังไงผมก็ขอพี่ศรีช่วยสอนงานผมด้วยนะครับ"
"ได้เลยค่ะ" จากนั้นผมก็เดินตามพี่ศรีไปยังห้องทำงานที่พ่อจัดไว้ให้ผม ซึ่งผมต้องเข้ามาบริหารงานแทนพ่อเพราะพ่อบอกอยากพักงานพ่อบอกเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้วซึ่งตอนแรกผมก็สงสารพ่อนะท่านคงเหนื่อยจริงๆ แต่ที่ผมไปได้ยินมาเมื่อเช้ามันทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดที่พ่ออยากพักไม่ใช่เพราะอะไรหรอกพ่ออยากพาเมียใหม่ไปเที่ยวต่างประเทศ
"ถ้าตาวายุสามารถดูแลบริหารงานที่บริษัทได้แล้วผมว่าจะพักแล้วล่ะ"
"คุณทำงานมาตลอดคงเหนื่อยมากเลยสินะคะ"
"อืมม ผมสร้างบริษัทนี้มาด้วยสองมือของผมจนมันเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมโชคดีที่มีลูกชายที่สามารถดูแลงานแทนผมได้ ถ้าถึงตอนนั้นผมจะพาคุณไปเที่ยวนะคุณอยากไปไหนผมจะพาไปทุกที่เลยไปประเทศสวิสเซอแลนด์ดีมั้ยอากาศที่นั่นดีมากๆ เลยนะผมอยากพาคุณไปในที่ๆ สวยงาม"
"ขอบคุณนะคะคุณรุจดาวคิดไม่ผิดเลยที่แต่งงานกับคุณคุณดีกับดาวมากๆ เลยค่ะ"
"เพราะผมรักคุณไง แต่คงต้องอีกสักพักนะ ผมขอมั่นใจก่อนว่าวายุสามารถบริหารงานได้ผมถึงจะเบาใจ" หึแล้วก็โยนภาระทุกอย่างมาให้ผมเพื่อที่จะพาเมียใหม่ไปเที่ยว แต่ผมไม่ได้อิจฉาหรอกนะที่พ่อจะพาเมียใหม่ไปเที่ยวแต่มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าตอนที่แม่ยังอยู่ แม่เคยบอกพ่อว่าอยากไปเที่ยวต่างประเทศแต่พ่อก็อ้างงานตลอดบอกไม่มีเวลาบ้างงานเยอะบ้างบริษัทมีปัญหาบ้างไม่อยากทิ้งรอให้ว่างก่อนจะพาไปจนกระทั่งแม่ผมเสียท่านก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวตามที่พ่อเคยให้สัญญาเลยทั้งที่แม่อยู่เคียงข้างพ่อมาตลอดหลายสิบปี ปากพ่อบอกว่ารักแม่ห่วงแม่ซึ่งตอนนั้นผมยังเด็กผมก็เชื่อแบบนั้นว่าพ่อรักแม่มากที่สุดแต่ตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจแล้วว่าพ่อเคยรักแม่บ้างไหมหรือรักแต่งาน แต่ทำไมกับผู้หญิงคนนี้ที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นานพ่อกลับดูแลเอาใจใส่มากว่าแม่ของผม