บทที่ 7 เผชิญหน้า
หลี่ซินสะบัดอาภรณ์ออกมาจากร้านผ้าอันดับหนึ่ง ตามด้วยอีอี สองนายบ่าวรีบขึ้นรถม้า ได้ยินเสียงกรีดร้องของสวีเหมียว ช่างเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเสียจริง
"สมน้ำหน้านาง ข้าไม่ตบนางถือว่าบุญมากแล้ว ให้นางเหมาผ้าทั้งร้านไปเสีย" หลี่ซินเอ่ยอย่างสาแก่ใจ
"พระชายาแล้วชุดท่านเล่า"
หลี่ซินจำได้ว่าสินเดิมของเจ้าสาวมีผ้าอยู่หลายพับ น่าจะใช้ประโยชน์ได้
"วันพรุ่ง เจ้านำผ้าไปให้ร้านผ้าตัดชุดให้ข้าแล้วกัน"
"เพคะ"
ก่อนกลับจวนหลี่ซินไม่ลืมให้อีอีลงไปซื้อน้ำตาลปั้นให้สองแฝด เมื่อกลับไปถึงจวนพบว่าสองแฝดคัดตำราเรียน หลี่ซินถือน้ำตาลปั้นไปฝากเด็กทั้งสองคนดีใจมาก
"ขอบคุณท่านแม่"
"เด็กดี รีบคัดตำราแล้วเข้านอน คืนนี้ข้าจะนอนกับพวกเจ้าด้วย"
"ขอบคุณท่านแม่" เด็กทั้งสองหอมแก้มหลี่ซิน ทำให้แม่นมจางถึงกับยิ้มไปด้วย อีอีก็เช่นกัน นางลืมภาพพระชายาเคยทรมานเด็ก ๆ ยามนี้มีแต่เทพธิดาใจดี นางมารร้ายได้หายไปจากจวนอ๋องแล้ว
ยามนี้ฤดูหนาวได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว เย็นนี้หลี่ซินต้องเข้าไปร่วมงานเลี้ยงบุปผา ได้ยินมาว่างานเลี้ยงบุปผาครั้งนี้ สวีฮองเฮาได้เชิญเหล่าคุณหนูตระกูลต่าง ๆ มาร่วมงานจำนวนมาก เกรงว่าคงจะหาชายารองให้เหล่าอ๋องมากกว่า
ช่วงเช้าหลังจากที่นางรับสำรับอาหารเช้าเสร็จ หญิงสาวนั่งถักผ้าพันคอให้เด็กทั้งสอง อีกทั้งปักลายกระต่ายตัวโตอย่างงดงาม นางทำได้หลายวันแล้วล่ะ วันนี้คงจะเสร็จ
หลี่ซินนอกจากจะเป็นแพทย์ที่มีฝีมือดี นางยังเย็บปักถักร้อยได้อีกต่างหาก หญิงสาวมองผ้าพันคอลายกระต่ายที่ถักทออย่างงดงาม
ตกเย็นรถม้าจวนหยางอ๋องมุ่งหน้าไปที่วังหลวง สามแม่ลูกนั่งในรถม้า หลี่ซินมองฝาแฝดสวดชุดฤดูหนาวแล้วสวมผ้าพันคอของนางอย่างงดงาม
"ขอบคุณท่านแม่ที่มอบให้พวกข้า" เสี่ยวเปยยิ้มให้มารดาเลี้ยงจนตาหยี หลี่ซินหลงในความน่ารักของเด็ก ๆ ทั้งสองคนมิได้
"เมื่อถึงงานเลี้ยง พวกเจ้าเชื่อฟังข้าแล้วกัน อย่าได้เล่นซุกซนเข้าใจรึไม่"
"ข้าทราบแล้ว" ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เด็กพวกนี้ช่างน่าชังนัก เหตุใดหลี่ซินคนเดิมถึงตาบอดทำร้ายเด็กได้ลงคอ
รถม้าจอดหน้าวังหลวง งานเลี้ยงชมบุปผาจัดขึ้นในอุทยานหลวง ยามค่ำคืนในวังจุดคบไฟตามทางให้ความสว่างไสวอย่างงดงาม
หลี่ซินเดินตามนางกำนัลนำทาง มือของนางทั้งสองข้างจับเจ้าแฝดทั้งสองคนไว้
"ชายาหยางอ๋อง ในงานมีที่สำหรับท่านหญิงท่านชาย ท่านมิต้องห่วง เชิญท่านไปนั่งด้านในเพคะ" หลี่ซินแยกกับเด็กแฝดทั้งสองไปนั่งฝั่งสตรีด้านใน ส่วนเด็กทั้งสองมองมารดาเลี้ยงอย่างไม่ละสายตา
หลี่ซินในอาภรณ์สีแดงลายบุปผางาม มาถึงนั่งประจำที่ของนาง ทุกคนต่างมองนางมารร้ายอันดับหนึ่งของแคว้นชิง ไม่น่าเชื่อว่าหลายวันมานี้ นางจะเป็นคนดี บางคนถึงขั้นพูดว่า เมื่อหลายวันก่อนสวีเหมียวหลานสาวฮองเฮาถึงขนาดยั่วโมโห หลี่ซินที่ร้านผ้าอันดับหนึ่ง ผลสุดท้ายหลี่ซินหลอกให้นางเหมาผ้าทั้งร้าน จากนางร้าย เป็นคนมีสติมากขึ้น ทุกคนต่างมองนางด้วยสายตาที่แปลกกว่าเดิม
สวีฮองเฮาเสด็จทุกคนต่างถวายพระพร พระนางให้ทุกคนนั่งตามเดิม ใบหน้าพระนางงดงามยิ่งนัก พระนางนั่งประจำที่ มุมปากหยักโค้งยิ้มให้กับทุกคน แต่งกายอย่างงดงามสมกับเป็นฮองเฮาของราชวงศ์จริง ๆ
"ทุกคนตามสบาย"
"ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ"
สาวงามต่างออกมาร่ายรำอย่างงดงาม งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อย ๆ สวีเหมยยังเจ็บแค้นใจวันนั้น ที่ม้าของนางคลั่ง ต้องเป็นฝีมือของหลี่ซินแน่นอน สวีเหมียวเช่นกัน สองพี่น้องต่างสบตากัน หลี่หลานก็มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย มุมปากงามเผยอยิ้ม
นางกำนัลเข้ามากราบทูลฮองเฮา ว่ามีชายผู้หนึ่งบอกว่าเคยได้เสียกับชายาหยางอ๋อง ร้องตะโกนที่หน้าอุทยาน
"ชายาหยางอ๋อง มีคนมาหาเจ้า เจ้าไปที่หน้าอุทยานเดี๋ยวนี้" สวีฮองเฮาพลันตรัสขึ้นมา ทุกสายตาต่างมองไปหลี่ซิน
ทุกคนอยากรู้ว่าหลี่ซินมีเรื่องอันใดอีก ด้านหลี่ซินรู้แล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น นางเตรียมที่จะรับมือไว้แล้ว
"หม่อมฉันจะออกไปดูเพคะ" นางลุกขึ้นแล้วออกไปทางหน้าอุทยานหลวง ทุกคนต่างเดินตามไปด้วย
"หลี่ซิน เหตุใด ท่านถึงลืมข้าได้ลงคอเล่า" ชายผู้นั้นเหมือนในภาพนั้นเป๊ะ หลี่ซินยิ้มใจดีสู้เสือ
"ข้าไม่เคยรู้จักเจ้า เจ้าอย่าได้พูดส่งเดช ข้าวปลากินส่งเดชได้ แต่คำพูดนั้นไม่ได้" นางเอ่ยอย่างจริงจัง
ชายผู้นั้นไม่ลดละความพยายามที่จะให้หลี่ซินเสียหน้า ทุกคนต่างมองหลี่ซินกับชายผู้นั้นสลับกันไปมา
"ชายาหยางอ๋องนี่มันอะไรกัน" สวีฮองเฮาคิดในใจเข้าทางนางพอดี ถ้าเกิดหลี่ซินทำผิด สามารถปลดนางจากการเป็นชายาหยางอ๋อง
"ข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่รู้จักเขา" นางคือผู้บริสุทธิ์
"ข้ามีหลักฐาน" ชายผู้นั้นหยิบกระดาษขึ้นมาชูให้ทุกคนดู
ในใจของหลี่หลานดีใจจนเนื้อเต้น คราวนี้นังสารเลวได้ตายแน่
แต่ทว่าเมื่อทุกคนดูกระดาษแผ่นนั้น คนที่อยู่ในภาพคือหลี่หลาน "หลี่หลาน นี่มันชายคนรักเจ้าใช่รึไม่" หลี่ซินเอ่ยขึ้น ทุกคนเบนสายตาไปทางหลี่หลานสวีเหมย กับสวีเหมียวก็เช่นกัน เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร