ตอนที่ : 6 หลานชายตัวแสบ 3
“เชิญส่องสัตว์ตามสบายเลยค่ะ พิมขอตัวเข้าห้องไปนอนก่อนนะคะ” ศศิพิมพ์เปิดประตูเข้าห้องตัวเอง แต่ก็ไม่วายปรายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่ายหน้าแล้วขำเบา ๆ ออกมา
‘รสนิยมดี แต่สถานที่มันไม่ได้’
ระยะทางเกือบยี่สิบกิโลเมตร แม้ถนนจะลาดยางหมดแล้ว แต่มีทางโค้งค่อนข้างเยอะ ทั้งโค้งเล็กโค้งน้อยหรือโค้งหักศอกก็มี รอบด้านก็มีแต่ป่าเขา ทำให้ต้องระมัดระวังในการขับ ยิ่งกลางคืนด้วยแล้วยิ่งอันตรายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
‘นี่เราจะไปคิดแทนเขาทำไม เขาเป็นคนที่นี่นะ ส่วนเราเห็นเขายังไม่ถึงชั่วโมงดีด้วยซ้ำ เราไม่ควรไปตัดสินเขาแบบนี้”
หากจะคิดลบในเวลานี้ คงไม่ยุติธรรมสำหรับเตชัส เธอไม่ควรคิดแบบนี้จริง ๆ หญิงสาวพยายามมองทุกอย่างให้เป็นกลางมากที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ศศิพิมพ์รีบหันหลังไปเปิดประตู พบเจ้าของบ้านยืนอยู่ พร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือ
“คุณปู่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันขอเบอร์ไอ้ศัลย์มันหน่อย”
“เอ๊ะ คุณปู่ไม่มีเบอร์ของคุณปู่ศัลย์เหรอคะ”
“ก็ไม่มีน่ะสิ ถึงต้องเขียนจดหมายหามันยังไง”
“อ้อ ได้ค่ะ” หญิงสาวกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ เป็นเพื่อนกันแบบไหนถึงไม่มีเบอร์ติดต่อกัน รีบรับโทรศัพท์มือถือจากคนตรงหน้า แล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ของปู่ตัวเองลงไป ส่งคืนให้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณปู่”
“อืม ขอบใจมาก”
“เอ่อ คุณปู่คะ ทำไมพี่ชัชลงจากเขาไปกลางคืนแบบนี้ ไม่อันตรายเหรอคะ” ศศิพิมพ์ลองหยั่งเชิงถามดู
“ช่างหัวมัน”
“อ้อ ค่ะ” ยิ้มนิด ๆ ก่อนปิดประตูลง
สองปู่หลานช่างสมน้ำสมเนื้อกันจริง ๆ แต่เธอสิดันมาติดแหง็กอยู่กับพวกเขาเสียได้ ภาวนาให้ตัวเองผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี กำลังจะทิ้งตัวลงนอนเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น คราวนี้เป็นของน้องสาวตัวดีของเธอเอง
“ยัยสร” ศศิพิมพ์กรอกเสียงทักทายน้องสาวแบบลากยาว ให้รู้ว่าตัวเองนั้นยังขุ่นเคืองอีกฝ่ายอยู่
“พี่พิมไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้กับสรเลยนะ”
“แล้วทำไมพี่จะทำไม่ได้”
“ว่าแต่พี่พิมบ้าไปแล้วเหรอ ลาพักร้อนเพื่อไปแต่งงานบนป่าบนดอยนี่นะ” เสียงแหลม ๆ ของศิรภัสสรดังขึ้น ยิ่งทำให้คนเป็นพี่สาวรู้สึกโกรธหนักกว่าเดิม
“อย่ามาเนียนยัยสร แล้วมันเพราะใครกันล่ะ พี่ถึงต้องตกที่นั่งลำบากแบบนี้”
“พี่พิมน่ะใจอ่อนเกินไป ทำไมต้องเชื่อฟังคำสั่งคุณปู่ขนาดนั้นด้วย ถ้าพี่พิมไม่ยอมแกก็บังคับอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
“เรานี่ไม่รู้จักปู่ตัวเองเลยนะยัยสร คุณปู่เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ศรัทธาในคำพูดของตัวเองมาโดยตลอด จำได้ไหมว่าคุณปู่ ไม่เคยผิดคำสัญญากับเราสองคนเลยนะ แล้วกับสัญญาเลือดในสนามรบนั่น มันต้องสำคัญมากสำหรับคุณปู่” ศศิพิมพ์ต่อว่าน้องสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง บางเรื่องเหมือนง่ายที่จะไม่ทำตาม แต่ความรู้สึกของคนเป็นปู่นั้น จะไม่ใส่ใจเลยก็ไม่ได้
“แต่มันคือชีวิตของพี่พิมนะ คุณปู่ไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”
“เรื่องนี้น่ะพี่เต็มใจมากเองสร คุณปู่ไม่ได้สั่ง” ศศิพิมพ์ตัดปัญหาเรื่องนี้ด้วยการสมยอมเสียเอง
“นี่พี่พิม โอ๊ย ยกตำแหน่งหลานรักให้เลยเอ้า เบื่อจะคุยด้วยแล้ว” คนขัดใจกดวางสายไป ก่อนที่พี่สาวจะได้เอ่ยอะไรออกมา
‘เป็นคนไม่ยอมมาที่นี่เอง ยังกล้ามาโวยวายใส่พี่อีกนะยัยสร’
ศศิพิมพ์วางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะตรงหัวเตียง ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน เพราะแปลกที่หรือเพราะยังไม่รู้ ว่าพรุ่งนี้ต้องใช้ชีวิตในรูปแบบไหน จึงทำให้ค่ำคืนนี้หลับตาลงยากกว่าทุกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตอนดึก และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ศศิพิมพ์ตกใจตื่นขึ้นมา รีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูเวลา
‘ตีสองนี่นะ’
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
“น้องพิมเปิดประตูหน่อย”
เสียงของเตชัสทำให้ศศิพิมพ์แปลกใจ ทำไมถึงได้มาเคาะประตูห้องนอนของเธอยามนี้ได้ หญิงสาวลังเลเล็กน้อย ก้มมองดูชุดนอนเสื้อแขนยาวขายาวของตัวเอง เพื่อสำรวจความเรียบร้อยก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เขา
“อื้อหื้อ พี่ชัชทำไมกลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้ล่ะคะ”
“พี่ไม่ได้กินหนักแค่มีคนทำเหล้าหักใส่เฉย ๆ”
“แล้วมาเคาะประตูห้องพิมทำไมคะ” หญิงสาวมองเขาอย่างไม่ไว้วางใจ
“พี่หากุญแจไม่เจอเข้าห้องไม่ได้”
“เหรอคะ แต่นี่บ้านพี่นะคะ”
“พี่จะบอกว่ามีกุญแจรวมของบ้านอยู่กับป้าเปี่ยมโน่น ไม่อยากไปรบกวนแก”
“แค่ลงไปเคาะประตูห้องป้าเปี่ยมแค่นี้ ใช้เวลานิดเดียวเองค่ะ”
“มันมืด”
“โอย นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ แล้วพิมจะทำอะไรได้คะ จะนอนต่อแล้วง่วงมาก พี่ชัชไปนอนห้องคุณปู่เลยค่ะ”
“ไม่เอาพี่จะนอนนี่” เขาบอกแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องนอนของศศิพิมพ์อย่างรวดเร็ว
“พี่ชัชไม่ได้นะ จะเข้าห้องพิมทำไมนี่ออกมา”
“เบา ๆ สิน้องพิม คุณปู่ของพี่เป็นโรคนอนไม่ค่อยหลับอยู่ด้วย เดี๋ยวแกก็ตื่นหรอก เสียสุขภาพแย่”
“ไม่ตลกเลยนะคะพี่ชัช” ศศิพิมพ์ยืนเท้าเอวมองเขา เจตนาของเขาคงแค่ต้องการกลั่นแกล้งเธอให้ว้าวุ่นใจ
“ก็พี่เข้าห้องไม่ได้ ห้องอื่น ๆ ก็ไม่ได้”
“งั้นเดี๋ยวพิมไปขอกุญแจป้าเปี่ยมให้ค่ะ”
“เฮ้ จะไปกวนป้าเปี่ยมทำไมกัน แกต้องตื่นตีห้ามาทำกับข้าวทุกวัน”
“ก็ได้ค่ะ อยากนอนห้องนี้ก็นอนไป เชิญตามสบายเลย” หญิงสาวผายมือเชิญเขา ก่อนเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่ม และโทรศัพท์มือถือเดินออกจากห้องไป
คนอยากแกล้งถึงกับทำหน้าไม่ถูก ศศิพิมพ์จะไปนอนที่ไหนในเวลานี้ เขาได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปหมุนลูกบิดประตูห้องนอนอื่น ๆ กระทั่งเดินลงไปด้านล่าง เตชัสแอบเดินตามลงไปอย่างเงียบ ๆ เขาเห็นหญิงสาวส่องไฟฉายในมือถือดูทางเดิน โยนหมอนลงบนโซฟาห้องรับแขก ทิ้งตัวลงนอนตวัดผ้าห่มคลุมตัว ก่อนปิดไฟฉายไป
เตชัสไม่กล้าเปิดไฟในห้องรับแขก เขาถอนหายใจเล็กน้อย ค่อย ๆ เดินกลับขึ้นบนบ้านไป
‘เก่งนักนะน้องพิม เก่งให้ตลอดแล้วกัน’
ชายหนุ่มเดินไปเปิดห้องนอนของหญิงสาว ตัดสินใจว่าคืนนี้เขาจะนอนที่นี่แหละ ไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นคนโกหกคำโตไป แล้วเรื่องที่อ้างก็จะไม่เนียน
‘ว่าแต่เล่นเป็นเด็กไปได้นะไอ้ชัช’
เขาส่ายหน้าให้กับการกระทำของตนเอง รีบทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วปิดไฟเข้านอนในทันที สิ่งที่เตชัสคิดก็คืออยากให้ศศิพิมพ์ไปจากบ้านหลังนี้เร็ว ๆ เขาไม่ต้องการแต่งงานเพราะถูกบังคับด้วยสัญญางี่เง่าของปู่ตัวเองหรอก