ตอนที่ : 5 หลานชายตัวแสบ 2
“กินข้าวต่อเล่นกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้” นายตะวันมองปราดเดียวว่าทั้งคู่เล่นสงครามใต้โต๊ะกินข้าวกันอยู่ เตชัสเลยแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนหันไปพูดกับผู้เป็นปู่
“คุณปู่ครับจะให้คนอื่นมานั่ง ๆ นอน ๆ มากินฟรีอยู่ที่บ้านของเราไม่ได้นะครับ”
คนอื่นที่ว่าถึงกับชะงักเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองสองปู่หลานอย่างเหนื่อยใจ ‘วันแรกก็โดนเล่นซะแล้วยัยพิมเอ๊ย’
“บอกว่าขอเวลาปู่คุยกับไอ้ศัลย์มันก่อน ว่ามันจะส่งหลานสาวจริง ๆ มาให้แต่งงานกับแกไหม เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ให้หนูพิมเขาอยู่นี่ไปก่อนเขาเพิ่งมาถึงวันนี้เอง แกจะให้ปู่ไล่เขาลงเขาไปตอนนี้เลยหรือยังไง”
“ก็เปล่า แค่บอกเล่าให้ฟังเฉย ๆ ครับ” เขายักไหล่ก่อนตักข้าวใส่ปากต่อ
“หนูพิมก็อยู่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน สรุปได้เรื่องยังไงเดี๋ยวฉันจะบอกอีกที” ชายชราหันไปพูดกับหญิงสาวบ้าง
“แบบนั้นก็ได้ค่ะ” ศศิพิมพ์ได้แต่หวังว่าชายชราทั้งสองจะตกลงกันได้ และไม่ต้องเดือดร้อนให้รุ่นหลาน ต้องมาฝืนทนใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
หลังกินข้าวเสร็จแล้ว ศศิพิมพ์เข้าไปช่วยนางสมเปี่ยมเก็บจานเข้าไปล้างในห้องครัว หญิงสูงวัยตกใจจนต้องห้าม
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณพิม คุณพิมเป็นแขกของบ้านนะคะ ทำแบบนี้ป้าก็แย่เอาสิคะ”
“ก็แค่ล้างจานเองค่ะป้าเปี่ยม พี่ชัชยิ่งว่าอยู่ว่ามานอนกินฟรีอยู่บ้านเขาเฉย ๆ” พูดแล้วก็โมโหนัก เพิ่งมาถึงวันแรกแท้ ๆ ตั้งแง่ใส่กันเสียแล้ว
“อย่าไปสนใจคุณชัชแกเลยนะคะ แกก็ปากร้ายไปแบบนั้นเอง แต่นิสัยจริง ๆ เป็นคนดีนะคะ แค่อารมณ์ร้อนกับร้ายไปนิด” ตอนท้ายนางสมเปี่ยมพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว สีหน้าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่เอ่ยออกมา
“แบบนี้คงไม่นิดแล้วมั้งคะ” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ให้กับคนที่ไม่กล้าว่าเจ้านายตัวเองตรง ๆ
“คุณพิมละก็”
“ว่าแต่พี่ชัชเองก็อายุเยอะแล้วนะคะ ทำไมถึงยังไม่แต่งงานอีกล่ะคะ ป้าเปี่ยมพอจะรู้ไหม” ศศิพิมพ์เริ่มต้นหาข้อมูลอย่างแนบเนียน อีกฝ่ายดูอึกอักอยู่เล็กน้อย
“ป้าเองก็ไม่รู้ใจของคุณชัชแกหรอกค่ะ เห็นมีแต่สาว ๆ ยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวตน มีแต่แวบไปแวบมาค่ะคุณพิม” แต่ก็ยอมเปิดปากเล่าแต่โดยดี
“นั่นคนหรือผีคะป้าเปี่ยม มีแวบไปแวบมาได้ด้วย” เป็นอีกครั้งที่ทั้งคู่หัวเราะออกมาเบาๆ ยิ่งทำให้หญิงสูงวัยรู้สึกสบายใจ เลยเล่าออกมาเกือบหมด
“ก็สาว ๆ แถวนี้แหละค่ะ แกไม่เอาจริงจังสักคนหรอก แค่คบเล่น ๆ บางทีก็มีมาโวยวายเรียกร้องค่าเสียหายบ้าง แต่คุณชัชก็ยืนยัน ว่าตกลงกันก่อนแล้วว่าไม่ผูกมัด และให้เงินเป็นค่าตอบแทนทุกครั้ง แต่ก็นะ เงินมันเปลี่ยนคนได้”
“บ่อยเลยสิคะแบบนี้ คุณปู่ปวดหัวแย่เลย”
“ตอนวัยรุ่นน่ะบ่อยค่ะ หลัง ๆ เริ่มซาแล้วยิ่งเดี๋ยวนี้คุณชัชแกรู้ทันสาว ๆ หมดแล้ว เลยไม่มีใครมาโวยวายแบบเดิมเมื่อก่อนอีกแล้วค่ะ”
“ประสบการณ์โชกโชนน่าดูนะคะ”
“ตามประสาคนหล่อของที่นี่นะคะ อุ๊ย ป้าเล่าอะไรให้คุณพิมฟังคะเนี่ย ปากไม่ดีเลย อย่าเอาไปบอกใครนะคะว่าป้าเล่าให้ฟัง” เหมือนนางสมเปี่ยมเพิ่งรู้ตัว ว่ากำลังนินทาเจ้านายให้คนที่เพิ่งเจอกันยังไม่เต็มวันด้วยซ้ำฟัง
“ไม่พูดหรอกค่ะ เพราะงี้หรือเปล่าคุณปู่ถึงได้อยากให้แต่งงานเร็ว ๆ” ศศิพิมพ์รับปากอย่างหนักแน่น พร้อมตั้งข้อสงสัยเพิ่ม
“ใช่ค่ะ คงอยากตัดปัญหาพวกนี้ จะได้มีครอบครัวเป็นหลักเป็นแหล่งกับเขา แต่ก็อย่างที่เห็นผู้หญิงในจังหวัดนี้ที่ดี ๆ หน่อย เขาก็ไม่อยากส่งลูกสาวเขา มาอยู่บนดอยห่างไกลความเจริญหรอกค่ะ”
“แน่ใจเหรอคะว่าเหตุผลนั้น ไม่ใช่ไม่อยากให้มาอยู่กับคนเจ้าชู้อย่างพี่ชัชหรอกรึ”
“คุณพิมนี่รู้ทันทุกเรื่องเลยนะคะ” นางสมเปี่ยมยิ้มเจื่อน เพราะจริงอย่างที่หญิงสาวพูดมาจริง ๆ หากตนเป็นพ่อแม่ของฝ่ายหญิง คงตัดใจให้มาอยู่กับเตชัสได้ยากเหมือนกัน
“คุณชัชแกไม่ค่อยอะไรกับความรักน่ะค่ะ”
“หืม ทำไมล่ะคะ”
“ก็แบบว่า...”
นางสมเปี่ยมมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะตัดสินใจเล่าความหลังให้ศศิพิมพ์รู้ ตั้งแต่มารดาหนีไปกับชายชู้ บิดาแต่งงานไปอยู่กับเมียใหม่ ชีวิตของเตชัสก็เหมือนดิ่งลงเหว ไม่ศรัทธาในความรักอีกต่อไป
“นั่นก็แค่ข้ออ้างมั้งคะ” หญิงสาวแอบไม่เห็นด้วย
“มันก็มีผลทำให้คุณชัชแกมีนิสัยแบบนี้ค่ะคุณพิม” นางสมเปี่ยมย่อมเข้าข้างเจ้านายตัวเอง
‘ไม่เกี่ยวเลยค่ะ มันคือสันดานล้วน ๆ’
“เสร็จแล้วพิมขอตัวขึ้นนอนก่อนนะคะป้าเปี่ยม” หญิงสาวพูดขณะคว่ำจานบานสุดท้ายลงบนตะแกรง ไม่กล้าเอ่ยในสิ่งที่คิดออกมาจริง ๆ
“ค่ะคุณพิม” งานที่เหลือเช่นพวกเก็บกวาดห้องครัว เป็นหน้าที่ของแม่บ้านสูงวัยทำต่อเพียงลำพัง
ศศิพิมพ์เดินขึ้นบันไดบ้านไป เห็นเตชัสกำลังเปิดประตูออกมาจากห้องนอนของตัวเอง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องของเธอพอดี เขาแต่งตัวหล่อเหลาฉีดน้ำหอมฟุ้งประหนึ่งจะออกไปย่ำราตรีก็ไม่ปาน
‘บนป่าบนดอยนี่นะ’
“พิมว่าพี่ชัชเพิ่งเข้าบ้านมาเองไม่ใช่เหรอคะ นี่แต่งตัวแบบนี้จะไปส่องสัตว์กลางคืนเหรอคะ”
“น้องพิม” คนถูกประชดประชันแทบจะเท้าเอวมอง