ตอนที่ : 4 หลานชายตัวแสบ
2
หลานชายตัวแสบ
พอดวงตะวันตกดิน นางสมเปี่ยมเดินขึ้นมาเคาะประตูห้อง เพื่อเรียกศศิพิมพ์ให้ลงไปกินข้าวมื้อค่ำ อย่างที่บอกเอาไว้ก่อนหน้า บนโต๊ะอาหารมีเพียงชายชราเจ้าของบ้าน นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเพียงลำพัง แม้จะรู้สึกสงสัยแต่หญิงสาวก็เก็บเอาไว้ในใจ เธอเพิ่งมาไม่ควรละลาบละล้วงถาม
“นั่งตรงนี้สิหนูพิม” ชายชราผินหน้าไปด้านข้าง ให้หญิงสาวนั่งลงใกล้ ๆ กับท่าน
“ค่ะ” ศศิพิมพ์รีบตรงเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ออกนั่ง
“เปี่ยมตักข้าวได้”
“ไม่รอคุณชัชเหรอคะคุณปู่”
“ไม่ต้องไปรอมัน”
ศศิพิมพ์เพิ่งเข้าใจ ว่าคนที่นี่เรียกชายชราตรงหน้าว่าคุณปู่แทบทุกคน และรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของท่านกับหลานชาย คงไม่ราบรื่นเท่าไรนัก ถึงได้หน้าตึงยามที่นางสมเปี่ยมเอ่ยถาม แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือกินข้าว เสียงรถยนต์ก็แล่นเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน นางสมเปี่ยมรีบวิ่งออกไปทำหน้าที่ของตน โดยที่ไม่ต้องให้นายตะวันต้องบอก
“คุณชัชคะ ๆ เชิญที่ห้องกินข้าวก่อนค่ะ อย่าเพิ่งขึ้นบ้าน” หญิงสูงวัยรีบวิ่งไปดักหน้าชายหนุ่มเอาไว้
“อะไรของป้าเปี่ยมครับนี่ ผมจะไปอาบน้ำก่อนครับ” เจ้าของสีหน้าอ่อนเพลียทำเสียงออดอ้อนใส่แม่บ้านของตน
“ไปที่ห้องกินข้าวก่อนค่ะ วันนี้คุณพิมมาอยู่กับเราที่นี่ด้วยนะคะ ต้องไปทำความรู้จักกันก่อนค่ะคุณชัช”
“พิมไหนครับ” เจ้าของผมหยักศกยาวถึงคอ ซึ่งตอนนี้รวบเป็นจุกไว้ด้านบน เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้นั่งกินข้าวอยู่กับคุณปู่ คุณชัชต้องไปร่วมวงถึงจะรู้นะคะ” เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก นางสมเปี่ยมจึงรู้ ว่าเตชัสมีนิสัยต้องรู้ต้องเห็นให้กระจ่าง ไม่งั้นจะนอนไม่หลับ
“กินข้าวก่อนอาบน้ำก็ได้นี่นา” เขายิ้มนิด ๆ ด้วยความอยากรู้ ก่อนเดินเร็ว ๆ ไปที่ห้องครัว
“หิวข้าวจังเลยครับ” เตชัสทำเสียงดัง ๆ ให้สองคนในห้องกินข้าวหันมามอง ก่อนที่นิ่งไปเล็กน้อย เมื่อมองสบสายตากับหญิงสาวด้านข้างผู้เป็นปู่ หน้าตาจิ้มลิ้มสวยน่ารักเป็นธรรมชาติ ผิวพรรณก็ดูดีมีน้ำมีนวล ผมหยิกลอนใหญ่ประบ่า ทำให้โครงหน้าดูหวานละมุน
“นี่หนูพิมหลานสาวไอ้ศัลย์มัน นั่นหลานชายฉันเองชื่อเตชัส หรือเรียกว่าไอ้ชัชเฉย ๆ ก็ได้ หนูพิมน่าจะอ่อนกว่าไอ้ชัชมันสักห้าปีนี่แหละ” นายตะวันแนะนำทั้งคู่ได้รู้จักกัน ศศิพิพม์รีบยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่ม ซึ่งเตชัสเองก็รับไหว้ก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว
หญิงสาวปรายตาสำรวจผู้ชายตรงหน้า ผิวสีน้ำผึ้งหน้าตาคมคาย สูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ หุ่นดีคล้ายคนออกกำลังกายเป็นประจำ เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายหมากรุก ปลดกระดุมสามเม็ดเผยให้เห็นแผงอกแน่น ๆ ด้านใน กางเกงยีนสีซีดมีขาดตรงหัวเข่ากระจุย เลือกแฟชั่นได้เหมาะกับบุคลิกตัวเองมาก ยิ่งมัดผมจุกขึ้นด้านหลังด้วยแล้ว คำพูดของคนขับรถก็ผุดขึ้นให้ได้ยิน
‘...หลานชายเจ้าของไร่ค่อนข้างนักเลง...’
ถ้าจะเป็นนักเลงจริง คงเป็นนักเลงแบบเท่ ๆ มากกว่า หญิงสาวคิดแล้วก็อดขำไม่ได้ นั่นทำให้เตชัสคิดว่าหญิงสาวกำลังดูแคลนเขาอยู่
“ไหนว่าหลานสาวของคุณปู่ศัลย์ชื่อน้องสรไงครับคุณปู่ ทำไมถึงกลายเป็นน้องพิมไปได้ล่ะ” เขาย้อนถามด้วยความสงสัย เพราะปู่ของเขาเพิ่งจะยื่นคำขาด เรื่องแต่งงานมาให้เมื่อหลายวันก่อน เป็นคำสัญญาที่บ้าบอคอแตกมาก เขาปฏิเสธไปตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ดูเหมือนปู่ของเขาจะไม่ละความพยายามในเรื่องนี้เลย
“หนูพิมเป็นหลานบุญธรรมน่ะ”
“ไม่ใช่หลานแท้ ๆ จริงเหรอครับน้องพิม” ชายหนุ่มทำท่าตกใจพูดถามคนตรงหน้าด้วยท่าทีหยอกเอิน นัยน์ตาแพรวพราวจนน่าหมั่นไส้
“จริงค่ะ” ศศิพิมพ์ตอบเขาเบา ๆ ออกไป ไม่ชอบสายตาที่มองมาของเขาเลยจริง ๆ
“ไม่ได้นะครับไม่ใช่หลานสาวแท้ ๆ มันผิดสัญญาลูกผู้ชายนะครับ สัญญาเลือดกลางสมรภูมิรบเชียวน้าคุณปู่” ท่าทางยียวนกวนประสาทของเตชัส ทำให้ศศิพิมพ์รู้ว่าเขาเองก็คงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เหมือนกัน ความรู้สึกโล่งอกเกิดขึ้นในใจ
“เรื่องนั้นขอปู่คุยกับไอ้ศัลย์มันก่อน” คนเป็นปู่ออกอาการแบ่งรับแบ่งสู้
“โทรนะครับไม่เอาส่งจดหมายมันช้า” เตชัสดักทางข้ออ้างของท่านเอาไว้ก่อน
“ไอ้ชัช แกไม่ต้องมาสอนปู่ ปู่รู้หรอกว่าต้องทำยังไง เปี่ยมตักข้าวมาให้มันสักที มัวแต่ยืนอึ้งอยู่นั่นแหละ” นายตะวันต่อว่าหลาน ก่อนหันไปขึ้นเสียงดังใส่แม่บ้านสูงวัย
“ค่ะ ๆ” นางสมเปี่ยมรีบเอาจานไปตักข้าวมาให้ชายหนุ่มด้วยความรวดเร็ว
ระหว่างนั่งกินข้าวอยู่นั้น ใต้โต๊ะเตชัสก็เอาปลายเท้าเขี่ยเท้าของศศิพิมพ์เบา ๆ หญิงสาวสะดุ้งจนต้องขึงตามองเขา แต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตักข้าวเข้าปากต่อ ศศิพิมพ์จำต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แต่แล้วเขาก็แหย่เท้ามาเขี่ยเธออีกครั้ง
“เอ๊ะ” หญิงสาวหลุดเสียงต่อว่าเขาออกมาเบา ๆ ทำให้เตชัสนึกลำพองใจ แหย่เท้าเข้าไปหาอีกรอบ
“โอ๊ย !” คนโดนกระทืบเท้าร้องลั่นโต๊ะ
“เป็นอะไรไปคะพี่ชัช ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ” หญิงสาวแสร้งฉีกยิ้มกว้าง ๆ ใส่เขา เตชัสถึงกับกัดฟันกรอดอย่างโมโห ไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้ากระทืบเท้าเขาได้