ตอนที่ 3 คุณทำผมแสบมาก
“แล้วแม่เธอล่ะ ปกติอยู่ที่ไหน อยู่บ้านเดียวกับเมียหลวงหรือเปล่า”
“เปล่าครับ ปกติเธอกับแม่มีบ้านอยู่อีกที่หนึ่ง ผมส่งคนไปดูแล้ว เพิ่งรายงานมาเมื่อกี้ว่านอกจากแม่บ้าน ก็ไม่มีใครอยู่เลย พอเช็กประวัติการเดินทางไปประเทศไทยของผู้หญิงที่นามสกุลเดียวกับเธอ ก็เจอหนึ่งคนครับ ชื่อพรพรรณ เพิ่งเดินทางไปไทยเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองครับ”
“หึ ส่งแม่กลับไทยก่อนเลยงั้นหรือ กังวลว่าแม่จะไม่ปลอดภัยสินะ มีที่อยู่แม่เธอที่ไทยไหม”
“กำลังรอคนของเรารายงานมาครับ รู้เบื้องต้นแค่ว่าอยู่กรุงเทพ”
“ส่งคนของเรา 4 คน เดินทางไปไทย ไปเฝ้าแม่เธอเอาไว้และรอคำสั่งจากฉัน”
“ได้ครับบอส”
“ทำไมไอ้อลันมันส่งเมียมันกลับไทย ทำไมไม่หาเซฟเฮ้าส์ที่นี่ให้อยู่ คนของตัวเองเยอะแยะ ไม่มีใครกล้าลุยเข้าไปหรอก แม้แต่เราเองก็ไม่เสี่ยงสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป”
“ความสัมพันธ์ของบ้านเล็กบ้านใหญ่ไม่ดีครับ แต่รายละเอียดยังไม่รู้”
“อืม งั้นไป เราไปดักรอพริมาที่สนามบินกัน ไม่แน่ เธออาจเดินทางจริงๆ คงคิดว่าเราไม่มีทางหาความจริงเรื่องนี้เจอง่ายๆ เลยชะล่าใจแบบนั้น”
“บอสไม่ต้องไปก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง อยู่ระบายความเครียดต่อก็ได้ ผมจะไม่พรวดพราดเข้ามาอีกจนกว่าจะเช้า”
“ไม่ต้อง ไม่มีอารมณ์แล้ว แล้วถ้านายไม่เข้ามาหาฉันอีกจนเช้า จะเอาพริมาไปไว้ไหน”
“ก็ไปที่เซฟเฮ้าส์ไงครับ หรือบอสตั้งใจให้พาเธอมาที่นี่ ผมว่ามันอันตรายไปนะครับ เธอไม่ใช่คนทั่วไป ถ้าเธอหายไป หรือเดินทางไม่ถึงไทย ผมว่าไม่นานไอ้อลันมันต้องส่งคนตามหาลูกมันแน่”
“แล้วเรื่องอะไรจะให้ไอ้อลันมันรู้ล่ะ กว่าที่มันจะรู้ ลูกมันคงน่วมไปแล้ว”
“บอส ตั้งใจจะทำอะไรครับ จะฆ่าเธอเหรอ”
“หึ ฆ่าเหรอ ฉันว่ามันง่ายไป ให้ฆ่าเธอตายฉันก็ไม่ได้งานนี้กลับคืนมา สู้เก็บไว้ทรมานให้สะใจเล่นๆ ดีกว่า”
ลุคมองเจ้านายตัวเองราวกับเป็นของประหลาด คนที่ไม่ชอบเสียเวลากับอะไรที่มันไม่ได้ทำประโยชน์ให้อย่างแมทธิวนี่นะ จะเก็บลูกสาวศัตรูที่ทำให้เขาสูญเสียเงินมหาศาลอย่างที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้เอาไว้ให้ทรมานเพื่อความสะใจ ทั้งๆ ที่ต่อให้เก็บเธอเอาไว้ทรมานเป็นปีๆ โปรเจกต์ใหญ่ที่แมทธิวคาดหวังเอาไว้ก็ไม่ลอยกลับมา
ถ้าเจ้านายหนุ่มสั่งฆ่าเธอหลังจากแน่ใจแล้วว่าเธอหักหลังเขาจริงๆ น่าจะดูเป็นแมทธิว เฮย์ส ผู้เด็ดขาดกับทุกเรื่องมากกว่า
ร่างบางลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมเข้ามาในสนามบินอย่างรีบเร่ง หลังจากที่คนของพ่อมาส่ง เธอก็ไล่พวกเขากลับไปทันทีเพื่อที่จะรีบไปเช็กอินให้เร็วที่สุด
“พริมา..”
เสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นอยู่เบื้องหลัง ร่างงามชะงักเท้าแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อยๆ หันกลับไปที่ต้นเสียงนั้น
แต่ไม่ทันที่เธอจะมองหน้าเจ้าของเสียงทุ้มให้ชัดเจน เขาก็ตรงเข้าประชิดแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาโปะที่จมูกเธอ
อารามตกใจทำให้เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเสียเต็มที่ เพียงเสี้ยววินาทีเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งก็ปิดลงช้าๆ พร้อมกับร่างงามที่ล้มลงสู่อ้อมกอดของเจ้าของผ้าเช็ดหน้า
มาเฟียหนุ่มก้มมองร่างบางที่ทิ้งตัวพิงอกแกร่งของเขา พอเห็นว่าเธอหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยาสลบจึงช้อนอุ้มเธอแล้วเดินกลับไปที่รถทันที
ร่างแบบบางแต่เย้ายวนอวบอิ่มด้วยวัยสาวบิดกายอย่างเมื่อยขบ ดวงตากลมโตค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้าเพราะเหมือนมีบางอย่างมาถ่วงหนังตาให้หนักอึ้ง สมองที่เคยเป็นเลิศมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก
สติสัมปชัญญะที่เลือนหายไปค่อยๆ กลับคืนมาทีละน้อย สำนึกสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะวูบดับทำเอาเธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังก้องอยู่ในโสตประสาท เสียงของผู้ชายคนที่เธอเข้าไปแฝงตัวอยู่ในบริษัท ใช้ไหวพริบการทำงานที่เก่งกาจเอาชนะใจเขา จนเขาไว้ใจให้เธอช่วยทำข้อมูลสำคัญที่ไม่เคยมีเลขาคนไหนได้เข้าใกล้มาก่อน คนที่เธอหักหลังเขาอย่างไม่น่าให้อภัย และผู้ชายคนนี้ คือคนที่เอาผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นฉุนมาโปะจมูกเธอ
เธอมองไปยังต้นเสียง ก็เห็นว่าผู้ชายคนที่เธอนึกถึง ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าอวดลอนกล้ามเนื้อ ท่อนล่างสวมกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำ กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ข้างเตียงที่เธอนอนอยู่นี่เอง
“บอส..”
พริมาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจแทบสิ้นสติ แล้วขยับตัวถอยหนี จนแผ่นหลังบอบบางชนกับหัวเตียง ไร้หนทางหนีอีกต่อไป
“หนีทำไม กลัวผมเหรอ”
ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งเย็นชาดูไร้ความรู้สึก ดวงคาคมกริบนั่นมองสบตากับเธอด้วยความว่างเปล่า กายแกร่งยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง เรือนร่างเพอร์เฟคดูใหญ่โตจนคนที่นั่งอยู่บนเตียงตัวสั่นสะท้านราวลูกนกตกน้ำก็ไม่ปาน
เขาย่างสามขุมเข้าหาแล้วก้าวขึ้นไปนั่งอยู่เบื้องหน้าเธอด้วยท่าทีคุกคาม มือใหญ่ยื่นไปลูบไล้ใบหน้าขาวเนียนที่บัดนี้ซีดเป็นไก่ต้มแล้วเลื่อนมือลงบีบคอของเธอ
“อ๊ะ..”
“คุณทำผมแสบมาก พริมา ลูกสาวนอกสมรสของ อลันเอลเมอร์ส”
ดวงตาคมกริบของคนตัวโตวาวโรจน์ขึ้นด้วยไฟโทสะ มันฉายแววอำมหิตจนคนตัวบางตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าดุดันและท่าทีคุกคามของเขาทำให้เธอกลัวจริงๆ
เธอมองผู้ชายตรงหน้าผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อคลอรื้นขอบตา ก่อนภาพนั้นจะชัดขึ้นเมื่อหยาดน้ำใสๆ รวมตัวกันไหลรินอาบแก้มอย่างยากที่จะห้าม
แค่เพียงคิดว่าเธอกับไอ้ฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขามันทำความเสียหายอะไรกับเขาไว้บ้าง มือใหญ่ก็ออกแรงบีบลำคอเล็กๆ นั่นอีกนิดโดยไม่รู้ตัว เพื่อระบายความโกรธแค้นที่สุมอยู่ในอก แต่เขาคงลืมคิดไปว่าแค่เพียงเขาออกแรงหนักมือกว่านี้อีกหน่อย ลำคอบอบบางนั่นคงหักคามือของเขาเป็นแน่
แรงบีบรัดที่ลำคอของเธอหนักขึ้น มันปวดร้าวราวกับลำคอนั้นจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อากาศผ่านเข้าจมูกของเธอได้น้อยเต็มที แต่กลับไม่มีเสียงร้องอ้อนวอนหรือแสดงท่าทีทุกข์ทรมานใดๆ ให้เขาได้เห็น คนตัวบางหลับตาลงช้าๆ ปลดปล่อยหยาดน้ำตาหยดสุดท้ายลงมากระทบมือเขา ก่อนสติสัมปชัญญะสุดท้ายจะวูบดับลงไปอีกครั้ง
“พริมา พรีม พรีม..”
คนตัวโตร้องตะโกนก้อง เขารีบปล่อยมือออกจากลำคอบอบบางแล้วอุ้มเธอลงมานอนราบบนที่นอนดังเดิม มือใหญ่อังจมูกโด่งปลายเชิดรั้นนั้นก็พบว่าเธอยังหายใจอยู่ แม้จะรวยรินอ่อนล้าก็ตามที
ลำคอบอบบางขาวผ่องขึ้นรอยนิ้วมือสีแดงครบ 5 นิ้วอย่างชัดเจน ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงช้ำ และคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งไปจากใบหน้า ทำเอาใจแกร่งกระตุกวูบ มันบีบรัดในหัวใจจนต้องผุดลุกขึ้นชกไปที่ผนังห้องอย่างบ้าคลั่งจนมือแตกยับเลือดไหลซิบ
“โว้ยยยยย”
เสียงตะโกนก้องดังติดกันถึงสองครั้งทำให้ลุคที่ยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้องพร้อมกับบอดีการ์ดอีกสองคน เปิดประตูแล้ววิ่งกรูกันเข้าไปในห้องที่ใช้กักขังลูกสาวศัตรูของเจ้านายในทันที
“บอสครับ”
“นายครับ”
ทั้งลุคและบอดี้การ์ดกระโจนล็อกตัวเจ้านายที่กระหน่ำต่อยกำแพงอย่างบ้าคลั่ง แล้วพาออกห่างจากจุดเกิดเหตุเพื่อเรียกสติ
“บอสครับ บอส”
ร่างใหญ่หอบหายใจสะท้าน พยายามสะกดอารมณ์โกรธเกรี้ยวและรู้สึกผิดที่ตีกันมั่วจนควบคุมตัวเองไม่ได้ให้สงบลง ดวงตาแดงก่ำปูดโปนน่ากลัวจนน้องชายและลูกน้องคนสนิทยังหวาดหวั่น เพราะนี่คือร่างซาตานที่น้อยครั้งนักจะเกิดขึ้น และเมื่อเกิดก็ยากที่จะมีใครทำให้เขาเย็นลงได้
“พี่แมท ใจเย็นก่อนครับ”
ลุค เรียกคนที่กำลังอยู่ในร่างซาตานด้วยชื่อแบบที่เคยเรียกกันมาตั้งแต่จำความได้ เพื่อเรียกสติลูกของผู้มีพระคุณ และมันก็ได้ผล เมื่อซาตานตรงหน้าค่อยๆ ปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“แกสองคนออกไปเอากล่องอุปกรณ์ทำแผลมา”
คนเป็นน้องสั่งงานบอดี้การ์ดทั้งสอง แล้วหันไปมองหญิงสาวที่น่าจะเป็นตัวต้นเหตุให้พี่ชายของเขาคลุ้มคลั่งได้ขนาดนี้ ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อคนที่เคยสวยงามอยู่ในสภาพซีดเซียวไม่ต่างจากศพ และยิ่งต้องตกใจกว่านั้นเมื่อบริเวณรอบลำคอขาวผ่องของเธอนั้นมีรอยนิ้วขึ้นครบทุกนิ้วอย่างชัดเจน และรอยนั้นจะเป็นรอยมือของใครไม่ได้ ถ้าไม่ใช่พี่ชายของเขาที่คลุ้มคลั่งจนแทบบ้าอยู่ในตอนนี้
“คุณพรีม”
ลุคถลาตัวไปดูคนตัวบาง เอามืออังที่จมูกก็พบว่าเธอยังหายใจก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“บอสครับ”
แมทธิวยกมือข้างที่ต่อยกำแพงจนแตกยับขึ้นมาห้ามปรามไม่ให้เขาพูดอะไรมากไปกว่านี้
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปเรียกแม่บ้านมาดูแล แล้วนายก็ตามฉันไปที่ห้องทำงาน”
“ครับ บอส”
ดวงตาคมกริบกวาดมองร่างบางที่นอนแน่นิ่งอีกครั้ง ในจิตใจตอนนี้ทั้งโกรธเกรี้ยว เกลียดชัง แค้นเคือง รู้สึกผิด และเป็นห่วงมันตีกันวุ่นวายไปหมด
แต่ตอนนี้ สถานะของเขากับเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว และไม่จำเป็นที่เขาจะต้องห่วงใยและรู้สึกอะไรกับเธออีก จึงกัดกรามแกร่งแล้วตัดใจหมุนตัวเดินจากห้องนี้ไป ไม่หันกลับมามองเธออีกเลย