ท่านปู
“ไม่ต้องหา ข้ามาแล้ว”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มจนเห็นฟันขาวหล่อวัวตายควายล้ม
“ปู่ทวดของปู่ของปู่ทวด ท่านทำกรรมอะไรไว้เล่านี่ผ่านมากี่ชั่วคนแล้วเพิ่งจะได้มาถือกำเนิด”
ตีลี่อวี่เสิ่นยิ้มส่ายหน้าไปมา
“เจ้านี่ ได้ข้ามาเต็มๆ ข้าหมายถึงใบหน้างดงามเพราะได้ข้ามา แต่วาจาของเจ้า…..ไปเอามาจากใคร คนอย่างข้านะ จะเกิดทั้งทีจะต้องยิ่งใหญ่ แต่ดูสิเจ้าทำมันพังแล้วยังไม่อาจรักษาชีวิตตัวเองไว้อีก เฮ้อแต่เอาเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้วและข้าก็พาเจ้าย้อนอดีตเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด”
ตีลี่เอิน สะอึกกับคำว่าผิดพลาด ก็เพราะผิดพลาดนี่เองที่ทำให้ตีลี่เอินเอาคอไปพาดไว้ที่ลานประหาร
“ตั้งนานทำไมไม่มาช่วยข้า”
ตีลี่เอิน เบะปากเกือบจะสะอื้นออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจากอดีต
“ข้าประเมินเจ้าสูงไปอย่างไรเล่า นั่งกระดิกขารอมาเกิด รู้ตัวอีกทีก็เห็นร่างเจ้าไร้หัวไปแล้ว แล้วข้าจะเกิดได้อย่างไรจึงรีบรุดมานี่ อย่างน้อยก็แก้ไขได้เปราะหนึ่งละเอ้า”
“ข้ามันแย่เอง ข้าช่วยท่านแม่ไม่ได้อย่าว่าแต่ท่านแม่เลย ช่วยตัวเองข้ายังไม่อาจ”
“คนเรามันพลาดกันได้ข้าพลาดไม่มีโอกาสแก้ตัว แต่เจ้าพลาดมีข้าช่วยย้อนเวลาให้เจ้ากลับมาแก้ไขอดีต อย่าเสียใจไปเมื่อก่อนข้าก็แย่เหมือนเจ้าทำอะไรก็ห่วยแตกไม่มีตัวช่วยไม่มีอะไรทั้งนั้น พอตายจึงได้เรียนรู้ว่าควรพยายามให้มาก จากที่ต้องกำเนิดเป็นคนธรรมดาในชาติต่อไปข้าก็อัพฐานะตัวเองจนมีวันนี้ หากเจ้าไม่ทำมันพังป่านนี้ข้าคงอยู่ในท้องเจ้าแล้ว”
“เป็นท่านที่ช้าเอง เหตุใดไม่จับตามองข้าไว้เล่า”
“เฮอะ เจ้าคิดว่า เจ้าย้อนอดีตมาเพราะโชคช่วยหรือไร รู้ไหมข้าต้องแลกกับการที่ถือกำเนิดมาแล้วหากตายไปอีกทีจะต้องถูกลดขั้นยศเหลือแค่ชั้นตรี ช่างเถอะพูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าข้ามาช่วยแล้ว ต่อไปก็พยายามให้มาก”
“ฮือๆๆๆๆๆ ท่านปู่ ข้าซึ้งใจยิ่งนัก”อวี่เสิ่นยืดอกผึ่งผาย
“พามารดาเจ้าหนีไปจากตรงนี้เสียนางสะใภ้ชั่วกับเบ้ของนางข้าจะจัดการเอง”
“ให้ข้าหนีไปหรือหนีไปจากบ้านหลังนี้เลยใช่ไหม”
“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อรอโอกาส”
“ข้าคิดว่าให้ข้าหนีไปเสียจากคนใจร้ายพวกนี้”
“ไม่นานโอกาสเจ้าจะมาอย่าเพิ่งท้อ และหมดห่วงได้ต่อจากนี้ข้าจะส่งเสริมเจ้าเอง”
ตีลี่เอินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลี่เอินเป็นคนพูดน้อยแม้แต่เวลาเถียงยังเถียงในใจแต่พอเจอปู่ของปู่ทวดของปู่ทวดอวี่เสิ่น กลับรู้สึกว่าตัวเองพูดมากขึ้น
พามารดาที่ตัวแข็งทื่อไปนั่งลงบนแท่นหินอ่อนในสวนของจวนกรมคลังห่างออกไป
“ฝ่าบาทเสด็จ พวกเจ้าฝ่าบาทเสด็จฝ่าบาทเสด็จจวนกรมคลัง”
เสียงสาวใช้จวนกรมคลังตื่นเต้นดีใจวิ่งหน้าตั้งไปยังหน้าจวน ตีลี่เอินหันซ้ายหันขวา ฮูหยินรองจะโดนท่านปู่ทวดทำโทษแบบไหนกัน อดห่วงไม่ได้ว่านางจะไม่ได้ไปรับเสด็จฮ่องเต้ผู้หล่อเหลานั่น หากนางไม่ถูกท่านปู่ทวดลงทัณฑ์นางคงเจ้ากี้เจ้าการจัดแจงทุกอย่างพาลูกสาวแสนสวยของนางตีลี่ซินไปให้ฝ่าบาทได้เห็นความงาม
“ลี่เอินเจ้าพาแม่มาทำไมที่นี่ ท่านพ่อเรียกหาแม่หรือไร แล้วท่านพ่ออยู่ไหน เขามีอะไรจะใช้เราสองคนแม่ลูกหรือเปล่า”
ไม่ค่อยได้เข้ามาป้วนเปี้ยนในจวนกรมคลังเพราะไม่อยากพบบิดานั่นเองบิดาที่แค่ให้กำเนิด
มารดาเหมือนจะเพิ่งตื่นหันมองรอบกายเมื่อเห็นว่าอยู่ในสวนดอกไม้ของจวนกรมคลังก็อดสงสัยไม่ได้ ลุกลี้ลุกลนเกรงใจสามียิ่งนัก ความทรงจำก่อนหน้าหายไปจนสิ้น
ลี่เอินยิ้มบางๆ แต่กลืนความขมขื่นไว้ในอกเสีย
“ท่านแม่ไปกันเถอะ ฮ่องเต้กำลังเสด็จมาที่จวนกรมคลังเราไม่ควรอยู่ที่นี่ท่านพ่อจะว่า ว่าเรามาทำให้คนอื่นดูแคลนไปถึงท่านพ่อ”
พยุงมารดาเดินกลับไปยังประตูหลังจวน ป่านนี้ท่านปู่ทวดคงจัดการกับคนใจร้ายพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว
เสียงฝีเท้าเร่งรีบมาจากกระท่อมผุพังของลี่เอิน ฮูหยินรองกับสาวใช้สองคนสาวเท้าเร็วรี่แทบมองไม่เห็นสองคนแม่ลูกที่สวนทางมา แต่เมื่อมาใกล้ๆ ลี่เอินก็รีบเอามืออุดจมูกก้มหน้าหลบตาเสีย
“หลีกทาง”
เสียงแหลมเล็กของหยูซินหยูฮูหยินดังแหวกอากาศมา
ลี่เอินรีบก้มหน้าให้ต่ำกว่าเดิม
“มาขวางทางอยู่ได้ วันนี้ข้ารีบหรอกนะจึงไม่มีเวลาตอแยพวกเจ้า หลีกไป ข้ากำลังจะไปเฝ้าฝ่าบาท”ลี่เอินถอนหายใจ
ปกติก็ไม่พูดปกติก็ไม่ท้วงติง นี่ก็ควรทำเหมือนปกติ ใช่ไหมถึงจะมีอะไรไม่ปกติก็ตาม ท่านปู่ทวดคงรังสรรค์ไว้แน่ๆ
ส่วนมารดานั้นก็รีบขยับปาก
“ฮูหยินรองท่าน เอ่อ ตัวของท่าน”