ขี้หมู
“หุบปาก มาขวางข้าแล้วยังมีอะไรจะพูดมากอีก อาศัยถ่วงเวลาให้ข้าไปเฝ้าฝ่าบาทช้าหรือไร ไม่สำเร็จหรอกนะ ข้าจะพาลี่ซินให้ฝ่าบาทให้เห็นว่านางงดงามอ่อนหวานแค่ไหนจับพลัดจับผลูฝ่าบาทโปรดปรานนางข้าจึงจะสบายตลอดชาติ”
ยกมือขึ้นผลักมาที่อกหรูเหริน ลี่เอินรีบประคองมารดาไว้ ฮูหยินรองและสาวใช้สาวเท้าจากไป
“ปล่อยนางเถิดท่านแม่ รีบกลับไปพักจะดีกว่า”
“แต่ หากนางเข้าเฝ้าฝ่าบาทแบบนั้น”
“เราพยายามจะเตือนนางแล้วนี่ ท่านกับข้าปกติเราก็ไม่เคยจะกล้าท้วงติงอะไรอยู่แล้ว”
มารดาพยักหน้ายิ้มๆ ลี่เอินพยุงมารดากลับไปที่กระท่อมน้อย
เดินตามหาท่านปู่ทวดจนทั่วบ้าน
“พร้อมหรือยัง”เสียงหนึ่งดังอยู่เหนือหัว
อีกมุมหนึ่งท่านปู่ทวดที่หล่อเหลากำลังยืนโบกพัดอยู่บนกำแพงสูงระหว่างกระท่อมน้อยกับจวนกรมคลัง ตาจ้องมองเข้าไปในจวนกรมคลัง
“พร้อมอะไร”
“เจ้านี่โง่สิ้นดี”
กระโดดลงจากกำแพงคว้าข้อมือลี่เอิน ให้ทะยานข้ามกำแพงเข้าไปข้างใน
“ท่านปู่จะทำอะไร”
ดึงมือลี่เอินหลบเข้าไปในพุ่มไม้
ด้านหน้าไม่ไกลนัก ลั่วต้านหยางกำลังเดินเอามือไพล่หลังด้วยท่าทีองอาจราวกับเทพเซียน ตามมาด้วยเจ้ากรมคลัง ตีลี่หวังบิดาของลี่เอิน
“อย่างนี้สิหล่อเหลาที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร ข้าที่เป็นบุรุษเช่นกันยังอดอิจฉาเสียไม่ได้ เจ้าเห็นไหมลี่เอินหลานข้า ดูสิ”
“เห็นแล้วดูแล้วไปเถอะท่านปู่”
ลี่เอินถูกสอนให้อยู่ห่างๆ บิดาไว้เมื่อเห็นว่าบิดาเดินตามฮ่องเต้หนุ่มเข้ามาในจวนใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ขยับตัวเข้าไปในพุ่มไม้หนากลัวว่าบิดาจะเห็นอาศัยพุ่มไม้หนาบดบังตัวเองไว้
“โอ๊ะ”
ร่างเล็กเซถลา พัดในมือของท่านปู่ทวดโบกสะบัดแต่เพียงครู่เดียวก็ถือค้างไว้แบบนั้น
“ไม่จำเป็นต้องเสริมแต่งทุกอย่างจะไม่ตามทางของมันเอง”
ตั้งใจใช้อาคมเปลี่ยนอาภรณ์ให้กับลี่เอิน เสกสรรลี่เอินให้งดงามแต่ก็หยุดความคิดนั่นเสีย
“ท่านปู่ท่านกำลังจะทำอะไร”
ร่างบางขมุกขมอมในอ้อมแขนของลั่วต้านหยางที่รับร่างเล็กไว้ทั้งตัว
“เคยได้ยินคำว่า…ผีผลักไหม”
อวี่เสิ่นยืนยิ้มเมื่อเห็นว่าลั่วต้านหยางจ้องใบหน้างามทว่าขะมุกขะมอมของลี่เอินนิ่ง แม้อาภรณ์ที่ลี่เอินสวมใส่จะเก่ากึกก็ตาม รวบร่างบางไว้ไม่ปล่อย
“เจ้า”
เอ่ยปากเบาๆ ลี่เอินเองก็ตกตะลึงกับใบหน้าหล่อเหลาที่ใกล้แค่เอื้อม อ้อมแขนอบอุ่นและยิ่งไม่เคยต้องมือชายมาก่อนใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
“อารักขาฝ่าบาท”
เสียงขันทีข้างกายดังลั่น ตีลี่หวังรีบเข้ามาดึงร่างเล็กของลี่เอินออกจากอ้อมแขนของลั่วต้านหยาง
“เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ออกไปห่างๆ ทำเรื่องให้ข้าขายหน้าอีกแล้ว นางลูกชั่ว”
กับคำเรียกที่ได้ยินประจำไม่ใช่ลูก..เพียงคำเดียวมีคำว่า.ชั่ว..ตามหลังทุกครั้งไป
อวี่เสิ่นส่ายหน้าไปมากับความคิดของตีลี่หวัง
“จะวิ่งจะเดินไม่ดูให้ดี”
ตวาดลี่เอินดังลั่น ลี่เอินที่กัดฟันกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอไม่เถียงไม่พูดเพียงแค่ก้มหน้าเหมือนทุกครั้งที่พบบิดา
“บุตรีท่านหรอกหรือใต้เท้าหวัง”
ลั่วต้านหยางอยากจะถามว่าเหตุใดนางจะสวมใส่อาภรณ์ไม่สมกับฐานะบุตรีเจ้ากรมคลังแต่หยุดปากไว้เสีย
“พ่ะย่ะค่ะ นะนะนางคือบุตรีคนโตของข้า”
พูดเบาๆ ราวกลับกลัวว่าลั่วต้านหยางจะได้ยิน
ลั่วต้านหยางเลิกคิ้วสูง
“ไปให้พ้นอย่ามาเสนอหน้าอีก ชอบมาเสนอหน้าทั้งที่ไม่เคยเหมาะที่จะมารับแขกดูอาภรณ์ที่สวมใส่สิ เจ้ามันโสโครกชอบสวมอาภรณ์เก่าเก็บ ทำให้ข้าขายหน้า แล้วยังกล้าวิ่งออกมาไม่ดูตาม้าตาเรือว่าฝ่าบาทกำลังเสด็จชมสวน”
หันไปตวาดลี่เอินที่ยืนก้มหน้า ขอบตาร้อนผ่าว
“ยังไม่รีบไปอีก”ลั่วต้านหยางถอนหายใจ อวี่เสิ่นอมยิ้ม
“หยูซินหยู ฮูหยินรองกรมคลัง ถวายพระพรฝ่าบาท”
ใต้เท้าหวังอ้าปากค้าง ลี่เอินก้มหน้าต่ำกว่าเดิมยกมือขึ้นปิดจมูก กลิ่นขี้หมูอบอวลอาภรณ์ของหยูซินหยูฮูหยินที่บัดนี้เปรอะไปด้วยขี้หมู กลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
หลีกงกงขันทีรีบเอาผ้าเช็ดหน้าส่งให้ต้านหยางปิดจมูกเสีย
อวี่เสิ่นหัวเราะจนตัวงอ
“เกิดอะไรขึ้นฮูหยิน”
ใต้เท้าหวังถามขึ้นเบาๆ เกือบเป็นกระซิบ มือก็อุดจมูก