ตอนที่ 4 มาเฟียไม่จับปืน
จุดสนใจไม่ใช่ลูกน้องที่มารายงาน เขาเห็นเป็นปลายเท้าเล็กกว่าเท้าของเขาอย่างมาก สวมถุงเท้าลายการ์ตูนยาวเหนือตาตุ่ม ค่อยๆ ไล่ดวงตาขึ้นสูง มองที่หน้าแข็งทว่ามันเนียนกริบและขาวแบบสะดุดตา ก่อนจะเปรยมองขึ้นเรื่อยๆ มาถึงต้นขาอวบ คนตรงหน้าสวมเพียงกางเกงขาสั้นเหนือหัวเข่าเล็กน้อย ก่อนจะเห็นรูปลักษณ์ลูกหนี้ของตนอย่างชัดเจน พลันนั้นเรียวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง พลางสบถคำหยาบในใจและกระตุกใบหน้าเหมือนว่าเอามาทำไม ลูกหนี้ดันเป็นผู้หญิง ท่าทางดูแล้วเหมือนยังไม่ถึงสิบแปดบริบูรณ์ ให้ทำงานอย่างอื่นก็กลัวโดนตรวจสอบใช้แรงงานเด็ก แต่ความจริงอายุของมะลิคือยี่สิบปีบริบูรณ์
“ชื่อมะลิครับคุณเหม”
เหมราชถอนหายใจ แต่ยังเอียงสายตาพยายามมองหน้าคนที่เอาแต่ก้ม ก็ไม่เห็นสักที เห็นแต่เพียงว่าเด็กสาวคนนี้ตัวอวบ ผิวขาว หน้ากลมๆ ผมยาวและถักเปียมาแบบยุ่งๆ เหมือนเด็กบ้านนอกไม่มีผิด
“กูผิดเองที่เสือกไม่ถามว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”
ในความคิดเขามองว่าแรงงานผู้หญิงมันไม่คุ้มค่ากับการนำมาใช้ชดใช้กับหนี้ เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินถือแก้วแอลกอฮอล์ในมือ ไปยืนตรงหน้าลูกหนี้ของตนที่เอาแต่ก้มหน้า
“มะลิ”
“!!”
เจ้าของชื่อสะดุ้งน้อยๆ กอดกระเป๋าแน่น หายใจแรงแสดงอาการตื่นกลัวเหมราชแบบสุดๆ
“มะลิ!!”
“จ๊ะ...คะคุณเหมเรียกทำไมจ๊ะ”
“เงยหน้าขึ้น”
“...”
“ฉันสั่งให้เงยหน้าขึ้น”
ได้ยินเสียงทุ้มออกคำสั่งก็ขบริมฝีปากแน่น สูดหายใจรวบรวมความกล้า ปิดเปลือกตาเข้าหากันแน่นแล้วเชิดหน้าขึ้นให้คนสูงกว่าอย่างมากได้มอง พลันใบหน้านวลแหงนขึ้นมา เหมราชก็เอาแต่จ้องแบบไม่วางตาไปชั่วขณะ
“พะพอหรือยังจ๊ะ มะลิเมื่อยคอ”
“เด็กอะไรขี้เหร่แบบไม่เคยเห็นมาก่อน”
ได้ยินเช่นนั้นมะลิก็ดีดเปลือกตาขึ้นในทันที อยู่เชียงรายมีแต่คนชมว่าน่ารักแต่คนตรงหน้าบอกว่าขี้เหร่ได้ยังไง พลันนั้นสายตาประสานมองกันในจังหวะที่เหมราชก็ไม่นึกว่าอีกคนจะลืมขึ้น ขณะเดียวกันมะลิก็นึกในใจ คุณเหมราชไม่ได้หล่อเลยสักนิด ออกแนวขี้เก๊กอีกต่างหาก หน้าดูดุแล้วดูแก่กว่าเธอเป็นสิบกว่าปี แต่หากเทียบคนวัยเดียวกัน เหมราชดูอ่อนเยาว์กว่าอย่างมาก
“ดึกแล้ว ให้อ้อยควั่นจัดห้องให้ซุกหัวนอนไปก่อน กูจะออกไปข้างนอก”
“ครับ...”
เสียงเคาะประตูในเช้าวันถัดมาดังขึ้น มะลิที่นอนคลุมโปงด้วยผ้าห่มผืนหนาบนเตียงนอนนิ่มสะดุ้งตื่นในทันที กระวีกระวาดลุกขึ้นพับผ้าห่มและหมอนให้เป็นระเบียบในถ่วงที จากนั้นรีบมาเปิดประตูไม่ให้คนที่เคาะเรียกรอนาน
“หลับสบายไหมมะลิ”
“พี่อ้อยควั่น”
มะลิเรียกชื่อผู้หญิงตรงหน้าที่สวมชุดสำหรับทำงานบ้าน อ้อยควั่นอายุมากกว่ามะลิหกปี อยู่บ้านอัครพิสุทธิ์สินมาตั้งแต่เด็ก ครั้นแม่ของเธอเป็นคนรับใช้ให้เจ้าสัวหัสดิน กระทั่งเธอก็เจริญรอยตามอาชีพนี้เหมือนผู้ให้กำเนิด แม้โอกาสของอ้อยควั่นจะมีมากกว่า การศึกษาถือว่าดีเพราะจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือที่เรียกย่อๆ ว่า ปวส.แต่อ้อยควั่นก็เลือกที่จะทำงานรับใช้รุ่นลูกของเจ้าสัวอย่างเหมราช เพราะคือผู้มีพระคุณดูแลกันยามเดือดร้อนมาตลอด
“อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปหาพี่ที่ห้องครัวนะ”
“จ้ะ”
คนอายุน้อยยกยิ้มพร้อมตอบรับเพียงสั้นๆ แล้วปิดประตูล็อกไว้ตามเดิม หยิบผ้าเช็ดตัวและเครื่องใช้ส่วนตัวที่อ้อยควั่นหามาให้เมื่อคืน เพราะของตัวเองที่พกมา มีเพียงผ้าถุงสองผืนและเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชุดก็เท่านั้น
ห้องน้ำไม่ใหญ่มากเพราะเป็นเพียงห้องของแม่บ้านแต่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เครื่องทำน้ำอุ่นแบบสมัยใหม่จนมะลิก็แอบงงในการใช้เล็กน้อย แต่กระนั้นมะลิก็ลองกดสวิตช์ปุ่มสีเขียวและมันก็ทำงานอัตโนมัติโดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ ต่อ
ร่างขาวอวบยืนใต้ฝักบัวที่ปล่อยสายน้ำอุ่นชโลมลงผิวกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำความสะอาดร่างกายของตัวเองด้วยการฟอกสบู่ก้อนไม่กี่สิบบาท โดยปกติมะลิไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าสำอาง ตอนอยู่กับยายมะลิตากแดดตากลมไม่กลัวผิวเสียเลยสักนิด ก็ย่อมหยาบกร้านไปบ้างเพราะไม่ได้รับการดูแลแบบพิถีพิถัน แต่ถึงอย่างนั้นมะลิก็ไม่ได้ดำไปจากเดิมเสียเท่าไหร่ หากเทียบกับอ้อยควั่น ลมเหนือหรือแม้แต่เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ มะลิยังดูขาวกว่ามาก เพียงแต่ผิวพรรณไม่ได้ชุ่มชื่นก็เท่านั้น
มะลิที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จภายในสิบห้านาที ก็เดินเข้ามาในบ้านหลังโตแล้วมองหาห้องครัวตามที่บอก ก่อนจะเห็นคนอายุมากยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเดินไปในทันที
“พี่อ้อยควั่น”
เสียงหวานเรียกคนที่กำลังปอกผลไม้ แล้วเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องครัวขนาดกว้าง มะลิตื่นตากับบ้านหลังใหญ่อลังการ ขยับมายืนใกล้ๆ อ้อยควั่นและแอบเกร็งไม่รู้จะทำอะไรดี นอกจากการยืนประสานมือไว้ด้านหน้าแล้วทำตัวนิ่งๆ
“เรียกพี่อ้อยก็พอ จะได้กระชับมากขึ้น”
“จ้ะพี่อ้อย”
“คุณเหมสั่งให้มะลิช่วยงานบ้านพี่ไปก่อนนะ”
“ได้จ้ะ”
คนอายุน้อยพยักหน้าตอบไปด้วย ก่อนจะกวาดดวงตากลมโตมองหาว่าตัวเองต้องทำอะไร ครัวที่จัดวางของอย่างเป็นระเบียบ พื้นกระเบื้องสีสวยก็สะอาดไม่มีฝุ่นเลยสักนิด จานใช้แล้วสักใบก็ไม่มีวางให้เห็น ทุกอย่างสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบมากทีเดียว
“ในครัวพี่ทำเสร็จแล้ว มะลิเข้าไปทำความสะอาดห้องเล่นสนุ๊กของคุณเหมนะ”
“ห้องเล่นสนุ๊ก!”
มะลิแผดเสียงออกมาอย่างตกใจ เท่าที่รู้พื้นที่ตรงนั้นมันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของคฤหาสน์หลังโต ห้องก็มืดๆ ไม่มีแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามา นอกจากแสงไฟเหนือโต๊ะดวงใหญ่ส่องลงมาก็เท่านั้น
“กลัวคุณเหมเหรอมะลิ”
“พี่อ้อยไม่กลัวเหรอจ๊ะ”
“พี่เห็นคุณเหมมาตั้งแต่เด็ก จริงๆ คุณเหมไม่ยุ่งกับใคร ยกเว้นทำอะไรไม่ถูกใจ ขัดหูขัดตาก็เท่านั้น”
นั่นแหละคือสิ่งที่มะลิกลัวที่สุด มาอยู่บ้านหลังนี้ยังไม่รู้ว่าอะไรสมควรทำไม่สมควรทำ หากเผลอทำไม่ถูกใจอย่างไม่รู้ตัว คงโดนเหมราชงับหัวแน่ๆ
“คุณเหมเป็นมาเฟีย”
“มาเฟียไม่ชอบจับปืน วันๆ จับแต่ไม้สนุ๊กและงานมากกว่า ไม่ต้องกลัว”
“กลัวอยู่ดี”
มะลิทำหน้ายู่ๆ ต่อให้ไม่จับปืนเท่าไหร่ แต่ใบหน้าดุดันเอาแต่ขึงตามองกันเหมือนคนทำอะไรผิดตลอดเวลา ก็ไม่ต่างจากเอาปืนมาจี้คอจนตัวสั่นตัวเกร็ง อ้อยควั่นอมยิ้มมองคนเด็กกว่าที่ยังไม่ชินและปรับตัวไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยบอกตำแหน่งห้องเก็บของ โดยให้มะลิเดินหาเอง ส่วนห้องเล่นสนุ๊ก มะลิก็พอจำได้ว่ามันอยู่ตรงไหนในคฤหาสน์หลังนี้
“เดินออกไปเลี้ยวซ้ายจะเจอห้องเก็บของ อุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ในนั้น”
“จ้ะ มะลิจะไปเดี๋ยวนี้”