บทย่อ
"เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เนื้อตัวมีแต่ขี้ไคล กูไม่สนใจเอามาขัดดอก" . เมื่อพ่อบังเกิดเกล้าทิ้งหนี้สินจำนวนมากไว้ให้ก่อนตาย หญิงสาววัย 20 ปีก็ต้องจำใจมาทำงานเป็นลูกหนี้มาเฟียเพื่อแลกกับที่ดินของยายที่ถูกนำไปค้ำประกัน ทว่าความไม่ประสีประสาดันไปต้องตาต้องใจเหมราช ชายวัย 38 ปี มาเฟียที่ไม่ชอบจับปืนแต่ชอบจับไม้สนุ๊ก
ตอนที่ 1 เหมราชกลับมา
เสียงฝีเท้าหนาสองคู่เดินอยู่ใต้ตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลเอกชน ดังกรุบเป็นจังหวะที่รีบร้อนมากทีเดียว เหมราชเพิ่งลงจากเครื่องสดๆ ร้อนๆ ครั้นกลับจากการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อไปดูแลและตรวจตราความเรียบร้อยบ่อนกาสิโนที่ตั้งอยู่สิงคโปร์นานเกือบหนึ่งเดือน ธุรกิจสีเทาผิดกฎหมายในไทย แต่ดันถูกกฎหมายในต่างประเทศ ทว่าต้องรีบกลับมาก่อนกำหนดเมื่อเตี่ยป่วยหนักถึงขั้นนอนโรงพยาบาล
“เตี่ยเป็นยังไงบ้าง”
“รู้สึกตัวแล้วครับ เมื่อวานหมดสติหลับทั้งวัน”
เหมราชที่เอ่ยถามอย่างร้อนใจ เมื่อได้รับรายงานจากลูกน้องก็ตกใจจนมือไม้สั่น รีบจองตั๋วเครื่องบินกลับในเวลากระชิดชั้นทันที แม้ ‘เจ้าสัวหัสดิน’ ผู้เป็นพ่อจะอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ทว่าร่างกายก็ดูแข็งแรง ตื่นเช้ามารำไทยเก๊กออกกำลังกายทุกวัน กินอาหารมีประโยชน์ ยาจีนบำรุงไม่เคยขาด ตรวจสุขภาพทุกปีก็ไม่ก็พบโรคอะไรที่พอทำให้ป่วยหนักจนล้มหมอนนอนเสื่อ แต่จู่ๆ เจ้าสัวหัสดินกลับล้มหมดสติลงได้
มันน่าแปลก หรือเชื้อมันหลบใน ซ่อนตัวไม่ให้เครื่องมือแพทย์ตรวจเจอ...
พอได้ยินลมเหนือ คนสนิทเล่าถึงอาการของเตี่ยที่รู้สึกตัวก็สบายใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยๆ ตอนนี้เตี่ยก็ไม่เป็นอะไรมาก รีบเดินขึ้นตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาล เปิดประตูเข้าไปยังห้องพักผู้ป่วยวีไอพีด้วยความเป็นห่วง ทว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือเตี่ยของตนที่บอกว่าเพิ่งล้มหมดสติกำลังยืนรำไทยเก๊กอย่างอารมณ์ดี มีลูกน้องคอยระวังกันผู้เป็นนายล้มหัวฟาดพื้น
เหมราชขมวดคิ้วมองพ่อ ยกมือสองข้างแบกางออก พลันเรียวคิ้วก็เลิกขึ้นสูง ทำนองว่ามันหมายความว่ายังไง สภาพของหัสดินตอนนี้ ไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด
“เตี่ย !!”
ชายชราที่ยืนย่อเข่ากำลังวาดลวดลาย ค่อยๆ ยืดเข่าขึ้นช้าๆ ลูกน้องก็ยืนฉีกแข็งฉีกขาตั้งท่ารอรับ หัสดินเห็นลูกชายก็ยิ้มออกมา สูดหายใจเข้าปอดจากนั้นขยับขึ้นไปนั่งบนเตียงโดยมีลูกน้องคอยประคอง
“อาเหม -- ลื้อมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ลงจากเครื่องปุ๊บ ก็มาหาเตี่ยเลย”
“อั๊วไม่เป็นอะไรแล้ว”
ที่จริงหัสดินไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เห็นว่าลูกชายบินไปต่างประเทศเสียนาน ความคิดถึงก็บังเกิด โทรตามกลับบ้านเหมราชก็สนใจแต่งาน เมื่อตามกลับดีๆ ไม่ได้ก็ใช้วิธีเรียกร้องความสนใจเหมือนเด็ก ทำตัวสำออยเสียหน่อย โดยแกล้งล้มให้แตกตื่นกันทั้งบ้าน แต่เพราะคนแก่อายุตั้งเจ็ดสิบปี ต่อให้ตรวจแล้วไม่เป็นไร หมอก็ให้นอนพักเพื่อดูอาการตามกระบวนการทำงานของแพทย์ อีกทั้งยังเป็นโรงพยาบาลอยากนอนเล่นสักคืนสองคืนก็ไม่มีปัญหา
“เตี่ยเอาความเป็นความตายมาล้อเล่น”
“อ่า...ล้อเล่นอะไรของลื้อ อั๊วล้มจริงๆ”
หัสดินแถไปแบบสีข้างถลอก ความแก่และเปลี่ยวใจ หันหน้าไปไหนก็เจอแต่ลูกน้องจนเบื่อหน้า คิดถึงลูกชายที่อยู่ข้ามน้ำข้ามทะเล แต่พออยู่ใกล้ก็ไม้เบื่อไม้เมากันพอสมควร
“...”
“แต่ลื้อมาแล้ว เตี่ยก็อยากกลับบ้าน”
พูดแล้วก็ยิ้มแบบไม่เห็นฟันเพราะมีแต่เหงือก ครั้นเจ้าสัวไม่ได้ใส่ฟันปลอมเหมือนเช่นทุกวัน เหมราชส่ายหน้าเล็กน้อยกับความงอแงของเตี่ย ก่อนจะขอตัวไปดูดบุหรี่ในมุมที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้ เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวในตึกนี้ โดยมีลูกน้องคนสนิทอย่างลมเหนือเดินตามมาด้วย
“มีไฟแช็กไหม”
“มีครับ”
รับไฟแช็กจากลมเหนือแล้วควักบุหรี่ที่พกมาลนให้เกิดการเผาไหม้ จากนั้นก็ยืนคาบบุหรี่สูดเอาสารนิโคตินเข้าปอดแบบไม่กลัวตาย
“ตอนนี้หนี้ตามมาเกือบหมดแล้วนะครับ เหลือเจ้าหนึ่งเอาที่ดินมาจำนองไว้ แต่เหมือนย้ายไปอยู่เชียงราย”
ที่ดินผืนนั้นมันไม่ได้สวยสามารถสร้างราคาได้ ยึดมาก็ไม่รู้จะทำประโยชน์อะไร
“ตามเกือบหมดคือได้เงิน”
“เปล่าครับ ตามตัวคนขอกู้ แต่ก็มีบางอีกหลายคนที่หายสาบสูญไป คาดว่าน่าจะโดนเก็บจากเจ้าอื่น”
“ยังไงต่อ”
เหมราชถามพร้อมกับดูดสารนิโคตินอยู่แบบนั้น ธุรกิจเงินกู้นอกระบบ เขาเคยเตือนเตี่ยหลายครั้งว่ามันตามยาก แต่ก็ไม่ฟัง ปล่อยให้พ่อค้าแม่ค้าตามแผงผัก คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือแม้กระทั่งคนในเครื่องแบบ สุดท้ายก็เสียเงินเป็นก้อน รวมแล้วไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน
“ตอนนี้ให้ทำงานในแคมป์ก่อสร้างครับ เหลืออีกหนึ่งคนของเรากำลังตามถึงเชียงราย”
ลูกหนี้รายใหญ่ย้ายถิ่นฐานกลับบ้านเกิด เจ้านี้กำเงินเจ้าสัวหัสดินมานานกว่าห้าปี เงินต้นที่หยิบยืมเพียงห้าแสน ทว่าขาดส่งดอกเบี้ยมานาน หากนับดอกเบี้ยมาด้วยรวมแล้วก็น่าจะทบเป็นล้าน
“เตี่ยก็ปล่อยไม่ดูตาม้าตาเรือ ปล่อยให้คนไม่มีกำลังจ่ายคืน”
เหมราชพูดออกมาอย่างหัวเสียกับธุรกิจของเตี่ยที่ทำสูญเงินมากทีเดียว เมื่อเอาเป็นเงินคืนไม่ได้ เหมราชก็ไม่อยากฆ่าแกงใคร ทางเดียวที่พอทำได้คือเอามาใช้ทำงาน ครั้นพอมีธุรกิจดีๆ กับเขาอยู่บ้าง แคมป์ก่อสร้างทำอสังหาริมทรัพย์ยังต้องการคนงานทนแดดทนฝน อีกทั้งยังมีโครงการใหม่ๆ ที่รอก่อสร้างทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
“วันนี้จะเข้าไปยิงปืนไหมครับ”
“หน้ากูดูเหมาะกับปืนหรือไง...ไปยิงสนุ๊ก”
“ครับ”
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นมาเฟีย แต่เหมราชไม่ได้ชอบสักเท่าไหร่กับการจับปืน ทว่าเขาชื่นชอบกับการเล่นสนุ๊กเกอร์มากกว่า ลมเหนือเดินตามเจ้านายต้อยๆ ไปยังลานจอดรถ ส่วนเหมราชที่เห็นว่าเตี่ยไม่ได้เป็นอะไรมากก็คงไม่ต้องอยู่เฝ้าเหมือนที่ตั้งใจไว้แต่แรก ก็ปล่อยให้ลูกน้องบ้าบอของเตี่ยอยู่ดูแลแทน
บ้านหลังน้อยตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ถัดไปไม่กี่กิโลเมตรก็เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ บรรยากาศในยามพลบค่ำค่อนข้างเย็น บนท้องฟ้ามีมวลเมฆจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนสีดำเพราะพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้น
‘ยายไหม’ หญิงชราที่เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ครอบครัวที่ว่าเหลือเพียงตัวเองและหลานสาวหนึ่งคน ดวงตาหม่นหมองด้วยสายตาละเหี่ย แปลงผักที่เพิ่งลงเมล็ดไปเมื่อกลางวัน หากโดนฝนเทกระหน่ำคงเสียหายไปมาก ความหวังจะเก็บเงินสักก้อนไปไถ่ถอนที่ดินมาคืนก็คงริบหรี่ ครั้นลูกชายตัวดีแอบเอาที่ดินไปจำนองนายทุนนอกระบบ ก่อนจะถูกยิงตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว
“ยายจ๋า...เข้าบ้านเถอะจ้ะ”
เสียงหวานแว่วออกมาทางประตู ‘มะลิ’ หลานสาววัยยี่สิบปีชะโงกหน้าเรียกยายเข้าบ้านเพราะด้านนอกลมเริ่มกระโชกแรง
“...”
“ฝนจะตกแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย”
ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง สามวันดีสี่วันไข้ โดนละอองฝนนิดหน่อยก็เป็นหวัดหอบกันไปโรงพยาบาลในอำเภอ มะลิไม่อยากให้ยายยืนกลางแจ้งอยู่แบบนั้น มานั่งด้านในค่อยเปิดหน้าต่างแง้มดูยังเบาใจกว่านี้
ยายไหมเห็นในความเป็นห่วงของหลานสาว ก็เดินเข้ามาทะลุไปหลังครัว นั่งบนเก้าอี้ไม้ที่พังอยู่รอมร่อมองไปด้านนอกด้วยแววตาสิ้นหวัง
“ตกหนักจะอี้จะเหลืออะหยังมะลิ” (ตกหนักแบบนี้จะเหลืออะไรมะลิ)
พูดไปน้ำตาก็คลอไป ความเป็นอยู่ไม่ได้ขัดสนถึงขั้นอดมื้อกินมื้อ ถือว่าสบายตามประสาชาวบ้าน แต่เพราะมีหนี้ก้อนโตที่พ่อของมะลิก่อไว้แล้วดันมาตายเสียก่อน จ่อคอราวกับเป็นมีดเตรียมเฉือน ไม่รู้วันไหนเขาจะเดินทางมายึด ถึงตอนนั้นคงไม่มีแม้แต่บ้านอยู่ คนอายุน้อยก็พอรู้เรื่องนี้มาบ้าง ยอมเรียนจบแค่ ม.6 ออกมาทำงานช่วยยายเก็บเงิน เพื่อรอให้ครบทุกบาททุกสตางค์ แต่เหมือนว่าโชคชะตาจะเล่นตลก พอเริ่มมีเงินเก็บบ้าง เจ้าหนี้หน้าตาแปลกก็ทวงยันหน้าบ้านอยู่ร่ำไป
“อุ้ยจะไปกึดหยังเน้อ มะลิยังอยู่ จะจ้วยอุ้ยหาเงินเอง” (ยายอย่าคิดมากนะ มะลิยังอยู่ จะช่วยยายหาเงินเอง)
“ขอบใจ๋เน้อมะลิ” (ขอบใจนะมะลิ)
มือเหี่ยววางบนศีรษะของหลานสาวแล้วลูบเบาๆ มองออกไปด้านนอกที่กำลังกระหน่ำด้วยหยาดน้ำฝนชนิดที่ว่ามืดฟ้ามัวดิน มองไม่เห็นต้นไม้ด้านนอกเสียเลย ทั้งยังแอบสงสารหลานสาวคนเดียว สละอนาคตตัวเอง ทั้งที่กำลังจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีเพื่อออกมาช่วยทำงานหาเงิน