ตอนที่ 2 ลากตัวมาใช้หนี้
06:00
เสียงไก่จากบ้านข้างๆ ที่อยู่ห่างกันประมาณห้าร้อยเมตรดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนของเช้าวันใหม่ มะลิตื่นแต่เช้าตรู่ สะพายตะกร้าที่สานจากไม้ไผ่เดินเท้าในระยะไม่กี่กิโลเมตรเข้าไปในป่าบริเวณทางขึ้นเขาลูกใหญ่ เพราะมรสุมพายุที่ตกต่อเนื่องกันหลายวัน ทำให้พืชผักที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากขึ้น แต่พืชผลจากแปลงเกษตรของยายไหมถูกธรรมชาติทำลายจนไม่เหลือให้ผลิดอกออกผล
เพราะฝนที่ตกหนักต่อเนื่องกันหลายวัน ทำต้นไม้ใบหญ้าก็เขียวชอุ่มหลังจากแห้งแล้งมานานหลายเดือน มะลิตั้งใจเข้ามาเก็บผักนานาชนิดที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้ ส่วนยายแก่ๆ ก็ยังไม่ละความพยายาม ถือจอบสนิมกรังขุดหลุมเตรียมปลูกผักอีกรอบ ครั้นยังหวังว่าผักที่ตัวเองมีความชำนาญในการปลูกจะช่วยให้มีเงินพอได้เก็บ เพราะยังมีภาระก้อนโตรอให้แก้ไข
คนอายุน้อยเดินดุ่มๆ เข้าสู่เขตป่าใหญ่ แม้มะลิจะมีมือถือเครื่องเก่าพอใช้ติดต่อสื่อสารได้ แต่เมื่อเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นป่ารกทึบก็ไม่ต่างจากเป็นคนสมัยก่อนเสียเลย สัญญาณที่เรียกว่าเทคโนโลยีการสื่อสารก็ดับสนิทไม่สามารถติดต่อกับใครได้
“หน่อไม้ป่า”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น มะลิมองไปยังกอไผ่ใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คราวนี้มีหน่อไม้เล็กใหญ่ผุดเหนือดินขึ้นมาเยอะแยะ รีบจัดการใช้มีดปลายแหลมที่พกมาตัดหน่อไม้ที่อยู่ตรงหน้าแล้ววางใส่ตะกร้าที่สะพายมาอย่างอารมณ์ดี นอกจากนั้นยังมีเห็ดบางชนิดที่ผุดขึ้นตามพื้นดินเป็นหย่อมๆ มะลิค่อนข้างตาไวเพราะวิชาการหาของป่าได้มาจากยายไหม พอจะสังเกตได้ว่าอันไหนคือเห็ดกินได้อันไหนคือเห็ดมีพิษ หรือที่เรียกกันว่าเห็ดเมานั่นเอง
“โห! เยอะขะหนาด”
ตื่นตาตื่นใจจนพูดภาษาถิ่นออกมา ตอนแรกประเมินด้วยสายตาก็ดูไม่มาก แต่เมื่อตั้งใจเก็บดีๆ มันก็เกือบเต็มตะกร้า หากเก็บไว้กินเองก็คงไม่หมด เน่าเสียจะแอบเสียดายไปเปล่าๆ สิ่งที่จะทำได้ต่อไปนี้คือการแบ่งไปขายแล้วเก็บเล็กผสมน้อยช่วยยายอีกแรง
มะลิดีใจไม่น้อยที่ตัดสินใจเข้าป่าตามลำพังในวันนี้ ความเพลิดเพลินในการเก็บของป่าทำมะลิไม่ได้มองทางเสียเท่าไหร่ พลันลื่นดินลาดชัน ทำเนื้อตัวไปเกี่ยวหนามจนเป็นแผลบนผิวขาวๆ หลายจุด ก็รีบลุกขึ้นในทันทีครั้นตั้งสติได้ว่าตัวเองไม่ทันระวัง
“โอ๊ยมะลิ...ไม่ระวังตัวเลย ถ้าเดินตกเขาทำยังไงเนี่ย”
แอบตำหนิตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวที่มีแต่ดินเลอะ จากนั้นก้มเก็บดอกเห็ดและหน่อไม้ที่หลุดจากตะกร้า ดวงตาสีอ่อนเชิดมองขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าแสงพระอาทิตย์เริ่มจะตรงหัว หากให้คาดเดาตอนนี้น่าจะเป็นเวลาสิบสองนาฬิกา ยกนิ้วขึ้นมานับ เดินในป่าคนเดียวมาเกือบห้าชั่วโมง แต่ความรู้สึกมะลินึกว่าตัวเองเพิ่งมา แต่หากกลับช้ากว่านี้ยายคงเป็นห่วง มะลิรีบพาตัวเองเดินออกมา ใช้เวลานานพอสมควรครั้นตัวเองเดินไปไกลมากกว่าที่ตั้งใจไว้ โชคดีที่มะลิไม่หลงป่าเพราะมีรอยเท้าเดิมของตัวเองเป็นร่องรอยทิ้งให้เห็นและออกมาได้ในที่สุด
จากนั้นเร่งก้าวเท้าให้ยาวที่สุด แม้ที่จริงจะเป็นคนขาสั้นก็ตาม ทั้งของป่าที่สะพายมาหนักเสียจนทำมะลิเดินหลังค่อมและออกมาอย่างทุลักทุเล
“ยายเห็นคงดีใจ”
กลางแดดเปรี้ยงยังมียายแก่ก้มๆ เงยๆ ยายไหมกำลังหย่อนเมล็ดผักลงหลุมที่เตรียมไว้ ครั้นตั้งใจจะปลูกอีกครั้งหลังจากเสียหายเพราะพายุลูกใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้ ก็เห็นว่ามีเงาคนเดินเข้าใกล้ ในความคิดก็คงเป็นมะลิที่กลับมาจากหาของป่า แต่ทว่าต้องชะงักพร่อมกับคิ้วเหี่ยวที่ย่นเข้าหากันก่อนวางกระเป๋าเมล็ดผักลงกองดิน เมื่อเงาที่ว่าเหมือนเป็นผู้ชายหลายคนก็ตกใจ คนแก่ชราทำอะไรก็เชื่องช้า ค่อยๆ หมุนตัวไปดูก็พลันตกใจอย่างหนัก เมื่อมีชายฉกรรจ์แปลกหน้า แต่งตัวใส่ชุดสูทสีดำแล้วยังสวมแว่นตาดำอีกด้วย หน้าตาดูโหดยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางเคร่งขรึมเหมือนพวกมาเฟียไม่มีผิด
“พวกคุณเป็นใครกัน”
ยายไหมถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่ติดสั่น มองชายฉกรรจ์ด้วยความกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนนิ่งๆ
“พวกฉันเป็นคนของเจ้าสัวหัสดิน”
“เจ้าสัวหัสดิน!!”
พอนึกชื่อได้ หญิงแก่ก็เข่าอ่อนขาทรุดในทันที ยกมือไหว้พลางเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เพราะเจ้าสัวหัสดินคือเจ้าหนี้ที่ลูกชายตัวเองแอบเอาที่ดินผืนปัจจุบันไปจำนองนอกระบบ ยายไหมน้ำตาไหลออกมา ครั้นเจ้าสัวส่งคนมายึดที่ดินที่ใช้อยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ได้แต่ก้มกราบเท้าคนอายุน้อยกว่า
“เฮ้ย! ยายไม่ต้องมาไหว้ เอาเงินมาคืนแล้วพวกฉันจะไป”
“เงิน ยังไม่มีหรอกพ่อหนุ่ม ยังไม่มีตอนนี้”
“ไม่มีไม่ได้ ผ่านมากี่ปีแล้วยาย”
“ไม่มีจริงๆ จ้ะพ่อหนุ่ม”
ยายไหมยังยกมืออ้อนวอนหวังให้คนของเจ้าสัวหัสดินเมตตา แต่กระนั้นการตามเอาเงินคืนมาจากสั่งของของเหมราช การทำธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบ หากมัวแต่สงสารคงได้ล่มจมเพราะหนี้สูญ แต่เมื่อเก็บเงินคืนไม่ได้ก็จำเป็นต้องยืด แต่มองไปแล้วพื้นที่ตรงนี้ช่างไม่คุ้มค่ากับเงินเสียเลย
ที่เดินหอบมาด้วยความเหนื่อย พลันดวงตาเบิกโพลงอย่างหนักเมื่อเห็นชายแปลกหน้ายืนจังก้าไม่ชอบมาพากล แล้วยังเห็นว่ายายตัวเองนั่งร้องไห้ต่อหน้าชายฉกรรจ์เพราะถูกขู่ยึดที่ดิน รีบทิ้งตะกร้าไม้ไผ่บนหลังแล้ววิ่งเข้ามาตบตีคนตัวโตโดยไม่กลัวตาย ฝ่ามือน้อยๆ ทุบชายแปลกหน้าแล้วเข้ามากอดยายแก่ๆ ที่เอาแต่ร้องเป็นวรรคเป็นเวร
“ยายจ๋า”
“ฮือ...มะลิ”
“พวกคุณมาทำอะไร”
“เขามายึดบ้านกับที่ดินเรามะลิ”
ยายไหมเป็นคนตอบออกมา พอได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย มองผู้ชายหน้าตาดุดัน พลันนัยน์ตาก็แดงก่ำ จะทำยังไงต่อ ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีเงินสักบาทที่จะไถ่ถอนที่ดินจากนายทุนนอกระบบคืน
“ขอเวลาหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
“หมดเวลาแล้ว นายสั่งให้มายึด”
“ยึดไปก็ไม่ได้ราคา”
มะลิเองก็พอทราบ ในทีแรกตั้งใจจะขายให้กับคนมีเงินที่หวังจะเอามาทำรีสอร์ต หากเหลือจากการไถ่ถอนและโอนชื่อให้เจ้าใหม่ก็คงเหลือได้ซื้อที่ดินเล็กๆ อยู่กันแค่สองคน แต่พอประเมินราคา ที่ดินของยายกลับไม่ได้ราคาอย่างที่คาดหวัง หมู่บ้านห่างไกลความเจริญ เดินทางลำบาก แล้วยังเสี่ยงต่อดินบนภูเขาถล่มลงมาเพราะเคยเกิดขึ้นมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่ดินตรงนี้เลยถูกเรียกว่าเป็นที่ดินตาบอด นอกจะไม่ได้ราคายังไม่พอกับจำนวนเงินที่เป็นหนี้อีกฝ่ายอีกด้วย
“ตกลงจะไม่จ่าย” ”
“ไม่มีนี่จ้ะ มะลิกับยายหาอยู่ รอก่อนได้ไหม”
กรุงเทพ...
Rrrr
เสียงมือถือของลมเหนือดังขึ้น ขณะที่ยืนรอเอกสารจากเจ้านายของตน มองหน้าจอที่มีสายเข้าเป็นไอ้สองคนที่ส่งไปยึดที่อื่นที่เชียงราย
“ไอ้เดชโทรมาครับคุณเหม”
“อืม”
เหมราชพยักหน้าแล้วตอบเพียงสั้นๆ หันกลับมาตั้งใจดูรายได้ของกาสิโนแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิด ส่วนลมเหนือก็กดรับสายแล้วสนทนากับคนที่โทรเข้ามา
“ว่ายังไงเดช ยึดที่ได้หรือได้เงินมา”
(ไม่ได้อะไรเลยพี่ มีแต่ยายแก่ๆ กับหลานสาวคนหนึ่ง)
“ไม่มีเงิน ไม่ให้ยึด”
ลมเหนือพูดออกมา ทว่าในสายที่เขาได้ยินคือเสียงร้องห่มร้องไห้ดังมากกว่าเสียงลูกน้องลำดับน้อยลงไป พลางเลิกคิ้วนึกไม่ออกว่าต้องจัดการยังไงต่อ ก่อนจะหันมาถามความคิดของเจ้านายที่นั่งนิ่งด้วยท่าทางเรียบๆ
“คุณเหมครับ ลูกหนี้ไม่มี ไม่หนีไม่จ่าย”
เหมราชได้ยินก็หยิบเหล้าที่วางไว้ด้านข้างเทลงแก้ว ยกดื่มไปหนึ่งอึกแล้วมองลมเหนือที่รอคำตอบจากเจ้านาย
“เอาตัวมันมาใช้หนี้”
“ยายแก่ๆ กับเด็กแค่คนเดียว”
“ใครที่มันพอมีแรงทำงานก็เอามา”
เหมราชตอบกลับอย่างหัวเสีย เงินจำนวนมากที่ไม่ได้คืนเพราะเตี่ยวางแผนธุรกิจไม่เป็น ฉะนั้นคงไม่พ้นวิธีนี้ที่เขาใช้มาแล้วกับลูกหนี้หลายคน เมื่อลมเหนือได้รับคำสั่งก็ส่งต่อคำสั่งนั้นให้ลูกน้องในสายทันที ส่วนเหมราชก็นั่งดื่มแอลกอฮอล์มองตัวเลขที่เป็นกำไรจากกาสิโนแห่งใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างพอใจ