ตอนที่ 3 ยัยเด็กขี้เหร่
เพราะทางเลือกของมะลิมีไม่มาก ไม่อยากปล่อยให้ที่ดินและบ้านหลังเล็กแสนทรุดโทรมโดนยึดก็ต้องยอมไปใช้แรงงานชดใช้กับหนี้สินที่มีทั้งหมด รับข้อตกลงไปทำงานให้กับเจ้าหนี้ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ยอมรับชะตากรรมกับเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยแสนโหด แม้พ่อจะตายไปแล้ว หนี้ส่วนนั้นก็ไม่อาจยกให้เป็นโมฆะได้แต่อย่างใด คนตายไปแล้วก็สบายคนที่อยู่ก็รับเวรรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อต่อไป
มะลิตัดสินใจไปทำงานตามที่เจ้าหนี้เสนอให้ ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนจะได้รับอิสระกลับมา แล้วให้ยายแก่ๆ อยู่บ้านเพียงลำพัง โดยฝากเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันดีช่วยดูอีกแรง เก็บกระเป๋าใบเล็กๆ มีเสื้อผ้าไม่กี่ชุดเพราะไม่ใช่คนชอบแต่งตัว ก่อนจะเดินออกมาหายายที่ยืนน้ำตาอาบแก้มอยู่หน้าบ้าน
“ไม่ต้องหวงยายนะมะลิ ยายดูแลตัวเองได้”
“มะลิไม่อยู่ ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
ยายหลานที่ตัวติดกันปานปาท่องโก๋กอดกันแน่น พร้อมกับหลั่งน้ำตาแบบไม่ขาดสาย ต้องห่างไกลหลายร้อยกิโลครั้นเหลือกันแค่เพียงสองคน แต่แล้วก็ต้องจำใจจากเมื่อสถานะลูกหนี้มันค้ำคอ
หอบกระเป๋าใบเก่าขึ้นรถตู้ มองยายแก่ๆ ที่ยืนมองหลานสาวกลับด้วยสายตาแดงละห้อย กระทั่งประตูรถตู้ปิดลง พลันมะลิก็ปล่อยโฮอย่างหนัก จนชายฉกรรจ์ทั้งสองคนมองหน้ากัน
“ไม่ได้พาไปฆ่า ร้องอะไรขนาดนั้น”
“มะลิห่วงยายจ้ะ”
“รู้ แต่คุณเหมเขาอยากได้เงินของเขาคืน ไม่มีก็ต้องทำงานใช้หนี้น่ะถูกแล้ว”
“ฮือ...”
มะลิยังปล่อยเสียงร้องโดยไม่กลัวว่าใครจะรำคาญ ในใจตอนนี้มีแต่ความเป็นห่วงยายที่ต้องอยู่บ้านหลังทรุดโทรมเพียงลำพัง รถตู้เบาะนิ่มนั่งสบายตูด แอร์ก็เย็นฉ่ำทำคนที่ร้องไห้เหนื่อยเผลอหลับสนิทอย่างไม่รู้ตัว
หลายชั่วโมงกับการเดินทางโดยไม่จอดพักที่ไหน มีเพียงแวะเติมน้ำมันและเข้าห้องน้ำ กระนั้นไม่ได้ทำให้คนที่นอนหลับใหลรู้สึกตัวตื่นเลยสักนิด และรู้อีกทีเธอถูกปลุกให้ตื่นเมื่อเดินทางมาถึงคฤหาสน์หลังโต
“ตื่น !”
มะลิสะลึมสะลือขึ้นเมื่อถูกเรียกและโดนเขย่าตัว จากนอนฟุบหน้าลงเบาะนั่งก็งัวเงีย พลางขยี้เปลือกตาง่วงงันแล้วมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผ่านหน้าต่างรถ ก่อนที่บานประตูรถตู้จะเปิดออก
“ลงมา”
“ถึงแล้วเหรอจ๊ะ”
“ถึงแล้ว”
ชายฉกรรจ์หน้าตาน่ากลัวตอบห้วนๆ สั้นๆ มะลิหยิบกระเป๋าที่หล่นกองอยู่ปลายเท้าขึ้นมาหอบแล้วขยับกายลงมา มองสิ่งที่ไม่คุ้นตาแบบงงๆ
บรรยากาศในช่วงดึก แต่ทว่าสว่างไสวเพราะแสงไฟที่ประดับรอบบ้านเปิดทั่วราวกับเป็นงานกาชาด พื้นที่ตรงนี้และบ้านหลังโตอย่างกับคฤหาสน์ใหญ่มโหฬารมากกว่าบ้านเท่ากระต๊อบของเธอเป็นสิบเท่า แค่ทางเข้าจากรั้วมายังด้านในก็ยาวกว่าที่ดินปลูกผักของยาย คนงานในบ้านก็เดินกันอย่างพลุกพล่าน แต่งตัวคล้ายกันโดยเฉพาะพวกผู้ชาย
“ตามมาด้านใน”
มะลิพยักหน้าแล้วเดินตาม บ้านหลังนี้มีแต่ชายหน้าตาโหด จับจ้องมองเธอเป็นสายตาเดียวกันเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ดีหน่อยก็เป็นผู้หญิงที่ส่งยิ้มเป็นมิตรให้เธอ และลักษณะการแต่งตัวก็คงไม่พ้นการเป็นแม่บ้านของที่นี่
เมื่อเดินเข้ามาด้านใน ดวงตาคู่ใสก็เบิกกว้างกลมโต มันกว้างอย่างกับสนามฟุตบอลในโรงเรียนวัด โต๊ะตู้โชว์หรือโซฟาสวยหรูแบบฉบับบ้านคนรวยไม่มีผิด ก่อนจะเห็นว่ามีชายร่างสูงเป็นลมเหนือเดินมาจากฝั่งซีกขวาของบ้าน สวมสูทผูกเนคไทไม่ต่างจากชายฉกรรจ์สองคนที่เธอนั่งมาด้วยจากเชียงรายยันกรุงเทพ ทว่าชายผู้มาใหม่คนนี้ดูท่าทางใจดีกว่าอีกสองคนนั้นมากทีเดียว
“มาถึงเร็วจังวะเดช”
“เร่งคนขับรถเลยพี่”
เพราะไม่อยากให้เจ้านายรอนาน เลยนั่งกันแบบมาราธอนไม่แวะจอดที่ไหน มะลิที่เอาแต่กอดกระเป๋าเป้ใบเก่ายืนก้มหน้าไม่สบตาใครทั้งสิ้น ไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องมาทำงาน แค่นึกว่าต้องมาเป็นแม่บ้านก็รู้สึกเหนื่อยตาย เพราะบ้านหลังนี้อลังการเสียเหลือเกิน แค่บันไดขึ้นไปชั้นบนและส่วนบริเวณห้องโถงทำครึ่งวันก็ไม่น่าจะเสร็จ
“พวกมึงไปพัก กูพาเข้าไปเอง”
“ครับพี่”
ชายหน้าดุสองคนพูดพร้อมกัน แล้วกระจายตัวกันออกไปคนละทิศละทาง ส่วนมะลิยังยืนตัวเกร็ง เสียวสันหลังวาบยามดวงตาคมของคนตรงหน้าจ้องมองกัน
“เธอชื่ออะไร”
“ชะชื่อ...มะลิจ้ะ”
คนอายุน้อยแนะนำตัวเองด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ ยามลมเหนือขยับเข้ามา มะลิก็ขยับถอยหลังออก มองเพียงปลายเท้าของคนตัวโต ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเลยสักนิด
“ฉันชื่อลมเหนือ เป็นลูกน้องคนสนิทของคุณเหมราช”
“...”
“เรียกฉันว่าเหนือเฉยๆ ก็ได้”
“จ้ะ...คุณเหนือ”
“ตามฉันมา”
“ไปไหนอีกเหรอจ๊ะ”
มะลิถามอย่างตื่นกลัว เดิมตามคนนั้นคนนี้จะทั่วบ้านอยู่แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องมาทำงานอะไรเพื่อชดเชยกับหนี้สินที่ไม่ได้ก่อ
“ไปพบเจ้าหนี้เธอไง”
พูดจบลมเหนือก็เดินย้อนกลับไปยังฝั่งขวา โดยที่มะลิต้องจำใจก้าวเท้าเดินตามไปยังห้องห้องหนึ่ง ลมเหนือเคาะไปสามทีอย่างมีมารยาทโดยที่คนได้ในยังไม่เอ่ยอะไรออกมา ก่อนจะเปิดเข้าไปแล้วให้คนด้านหลังเดินตาม มะลิย่างเท้าเข้าอาณาเขตของห้อง มองเห็นเพียงขาโต๊ะที่ตั้งไว้ตรงกลางและมีเสียงดังปั๊กหลายที
“พามาแล้วครับคุณเหม”
เหมราชที่กำลังจ้องลูกสนุ๊กอย่างจดจ่อ ได้ยินที่ลมเหนือพูดแต่ยังไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากลูกกลมๆ ตรงหน้า แล้วใช้ไม้แทงเข้ากลางลูกเต็มๆ จนมันหล่นลงรูด้านข้าง ก่อนจะเหยียดตัวขึ้นเต็มความสูง เหมราชยังไม่ได้สนใจผู้มาใหม่แต่พอเข้าใจว่าต้องเป็นลูกหนี้ที่ถูกนำตัวมา เขาหมุนตัวไปหยิบเครื่องดื่มที่รินลงแก้วไว้ขึ้นมาดื่ม พอใจกับฝีมือยิงสนุ๊กของตัวเองที่แม่นยำขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเอี้ยวใบหน้าหันมามอง ทว่าดวงตาคมมองจากพื้นค่อยๆ ไล่ขึ้นมาอย่างเชื่องช้าเหมือนกำลังสังเกตบางอย่าง
??