บท
ตั้งค่า

บทที่3 (2)

ปรายดาวมองหน้านายคำก้อนนิดหนึ่ง หน้ายังกับหนูกลัวแมวหันกลับไปมองเจ้านายของคำก้อนถึงรู้สาเหตุมาจากเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของนายคำก้อนนั่นเอง

“ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่คุณภูจะเปลี่ยนชุดไหมครับ ผมจะได้เข้ามาช่วย”

“หา ว่าไงนะ เปลี่ยนชุดเนี่ยนะต้องมีคนช่วย” หญิงสาวขำจนต้องหัวเราะตัวงอ

“หัวเราะอะไรไม่ทราบยัยหมาบ้า!”

“เปล๊า ฉันแค่หัวเราะดินฟ้าอากาศ เชิญๆน้าคำก้อน น้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณภูของน้าก็เชิญ ฉันออกไปหาอะไรกินดีกว่า เชิญตามสบายไม่ต้องอายใคร”ประโยคสุดท้ายหันมาพูดกับชายหนุ่มพร้อมทั้งหลิ่วตาให้อย่างล้อเลียน

ภูวิชขบกรามแน่น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ายัยปากกรรไกรล้อเลียนเขาขนาดหนัก…ฝากไว้ก่อนเถอะ ไว้เป็นทีของฉันบ้างจะเล่นงานให้หนักเลยแม่กุหลาบกลางป่า

ปรายดาวเดินมาหยุดยืนมองคนที่นั่งอยู่ในครัวด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว สงสารพ่อกับแม่เหลือเกิน อุ้มชูเลี้ยงหลานมานานวันไม่คิดสักนิดเดียวว่าในวันหนึ่งจะมีคนมาอ้างสิทธิ์ในตัวน้องภา แถมคนที่อ้างก็อวดตัวว่ารวยข่มเธอกับครอบครัวจนต่ำเรี่ยดิน ตอนแรกคิดจะขอคุยกับเขาดีๆ เพื่อขอเลี้ยงดูน้องภาต่อไปอีกสักนิด พอน้องภาโตอีกหน่อยเขาค่อยมาเอาไปตอนในตอนนั้น แต่ตอนนี้คงจะหมดหวัง เพราะเขาเห็นเธอเป็น คู่กัดที่ยากจนไม่มีวันจะญาติดี

“อ้าวดาว มาๆยกข้าวไปให้คุณคนนั้นทีลูก” เตือนใจหันมาเรียกลูกสาวให้ไปช่วยยกสำหรับกับข้าวออกไปให้ชายหนุ่มด้านนอก

“ให้เขามากินเองสิแม่ ดาวเหนื่อย ไม่มีแรงจะพะนอเอาใจใครหรอก” ปรายดาวหันกลับเดินเข้าห้องไม่สนใจที่จะหาข้าวกินทั้งที่เธอหิวจนแสบท้อง

“ดาวเป็นอะไร” เตือนใจถามสามีอย่างงงๆ

“เขาคงจะเหนื่อย เราช่วยกันยกข้าวออกไปข้างนอกกันเถอะ ป่านนี้ลุงของน้องภาคงจะหิวแล้วล่ะ ไปน้องภาช่วยตายกช้อนไปลูก”

สองสามีภรรยายกข้าวออกมาที่ห้องโถงกลางบ้าน เห็นร่างสูงแม้จะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่ยังยืนอยู่เหมือนเดิมไม่นั่งและไม่ขยับตัว

แต่ที่ทำให้ทั้งคู่อดที่จะแอบอมยิ้มไม่ได้ คือเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มเชื้อผู้ดีใส่

เสื้อและกางเกงของประชาแม้ตัวจะไม่เล็กนักแต่พอมันไปอยู่บนร่างสูงของภูวิช เสื้อผ้าขนาดมาตรฐานกลับดูเล็กเกินไป

ชายหนุ่มหันมามองสองสามีภรรยาด้วยดวงตาคมดุ ก่อนจะปรายตาไปมองหลานชายที่เดินถือช้อนเดินต้วมเตี้ยมตามตากับยายมาด้วยตวงตาที่อ่อนแสงลงเล็กน้อย

ไม่ว่าจะเป็นปากแก้มคิ้วคางหลานชายตัวน้อยของเขาถอดแบบพ่อมาทุกอย่าง น่าเสียดายที่ภูชิตอายุสั้นไม่ทันได้มาเห็นลูก แต่ก็ยังดีที่ก่อนตายได้พยายามบอกเขาว่าได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของอัครโยธินซ่อนไว้อยู่บ้านกลางป่าเช่นนี้ทำให้เขาต้องบากบั่นมาตามหา แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยกับการได้เจอเจ้าตัวน้อย

“เชิญคุณทานข้าวก่อนครับ กับข้าวธรรมดา อาหารแบบพื้นๆไม่รู้ว่าคุณจะพอทานได้ไหม”

ภูวิชเหลือบมองกับข้าวธรรมดาของสามีภรรยาที่ประกอบไปด้วยไข่เจียว น้ำพริกปลาทูและผักต้มเพียงนิดเดียว ก่อนจะหันไปอย่างไม่สนใจ

‘ฮึ! กับข้าวแบบนี้เหรอที่จะมาให้เขากิน อาหารแบบบ้านนอกๆใครจะกินลง ’

สองสามีภรรยาหันมามองหน้ากันอย่างพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นท่าทางชายหนุ่มดูถูกอาหารที่ตนอุตส่าห์ทำมาให้

“ช่วยยกกลับออกไปที ของพวกนี้ฉันไม่กินหรอก กินไปไม่รู้ท้องจะเสียหรือเปล่า เอาเก็บไว้กินเองเถอะ ฉันไม่กล้าเสี่ยงกับอาหารพวกนี้”

คำพูดของชายหนุ่มทำให้หลายคนหน้าชา โดยเฉพาะหญิงสาวที่ยืนฟังอยู่ที่หน้าประตู

“เอาไปเก็บเถอะพ่อ แม่ คนเขาไม่อยากกินก็อย่ามาเซ้าซี้ให้เขารำคาญเลย”

จากนั้นก็หันไปหาชายหนุ่มตรงหน้า

“ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องลำบากใจกับการต้อนรับของพวกเราขอโทษจริงๆค่ะ” ศีรษะทุยๆที่มีผมยาวกระจายเต็มหลังก้มค้อมให้ชายหนุ่มเหมือนเป็นการขอขมา

“ไม่เป็นไร ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไร”

“ค่ะ ถึงคุณจะบอกว่าไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ต้องขอโทษอยู่ดี การดูแลอาจจะไม่ดีพอ” หญิงสาวก้มศีรษะอีกครั้ง

“เพราะบ้านยาจกอย่างพวกเรา ไม่เคยได้ต้อนรับพวกผู้ลากมากดีที่ตกทุกข์มาขออาศัยเลยสักครั้ง ครั้งนี้ครั้งแรกเลยทำตัวไม่ถูก ต้องขออภัยอีกครั้งค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel