บทที่3 (3)
ร่างบางอุ้มหลานชายเดินตามพ่อแม่ของเธอไปแล้ว แต่คำพูดของเธอ ทำเอาชายหนุ่มยังยืนสะอึก ปนงงเล็กน้อย เขารู้ว่าเธอเหน็บแนมเขา ประชดเขา
แต่ที่ทำให้เขางงก็คือผู้หญิงคนนี้การศึกษาน้อยจริงเหรอ ทำไมการพูดจาของเธอถึงได้เหมือนคนที่ได้รับการศึกษามาแล้วอย่างดีนะ
“คุณภูครับพักผ่อนก่อนดีไหมครับ ดึกแล้วอากาศก็เริ่มหนาวมาก เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอา”
เสียงขลาดๆของคนขับรถดังเบาๆอยู่ข้างหลัง ภูวิชขมวดคิ้วเข้มหันไปมองคำก้อนอย่างเสียใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ยอมกินข้าวไม่ได้หมายความว่าคนของเขาจะไม่หิว
“ขอโทษนะคำก้อน ฉันทำให้คำก้อนไม่ได้กินข้าวไปด้วย”
ขอโทษอย่างนั้นเหรอ คำก้อนอยู่กับครอบครัวอัครโยธินมาหลายสิบปี เขารู้ดีว่าคุณภูวิชทายาทคนโตของตระกูลเย่อหยิ่งและจองหองขนาดไหน การที่เขาลงทุนพูดคำว่าขอโทษคนรับใช้อย่างคำก้อนก็เหนือความคาดหมายเลยทีเดียว
“ ไม่เป็นไรครับคุณภูผมเองก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
ถึงคำก้อนจะบอกไม่หิวแต่ภูวิชก็รู้ดีว่าคนขับรถวัยกลางคนของเขาหิว คนเป็นโรคกระเพาะอย่างคำก้อนต้องกินอาหารทุกมื้อให้ตรงเวลา
คำก้อนรู้สึกตกใจกับเจ้านายหนุ่ม เมื่อร่างสูงใหญ่ผลุนผลันเดินออกไป คงจะไปห้องน้ำ คำก้อนไม่คิดอะไรมาก
ปรายดาวอุ้มหลายชายตัวน้อยเดินตามพ่อกับแม่เข้าไปในครัว สีหน้าของทั้งสองคนไม่ค่อยดีนัก
“พ่อกับแม่ไปนอนกันเถอะ ทางนี้ดาวจะดูแลเก็บเอง แล้วเดี๋ยวจะไปนอนเหมือนกัน”
“คืนนี้แม่จะเอาน้องภาไปนอนด้วยนะ”
นางเตือนใจคงกลัวว่าลุงของน้องภาจะเอาตัวน้องภาไป พรุ่งนี้สินะถึงได้จะเอาหลานไปนอนด้วย เพราะปกติหลานชายจะนอนกับเธอ
“จ้ะ น้องภาไปนอนกับยายนะลูก” จูบแก้มยุ้ยๆสองข้างของหลานชายก่อนจะเอาตัวส่งให้มารดาอุ้มไปนอน
ปรายดาวมองคนทั้งสามเดินจากไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก
ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินดูความเรียบร้อยในห้องครัวเล็กๆของบ้านอยู่นั้น เสียงฝีเท้าที่เดินเบาๆ แต่ก็ดังพอที่หญิงสาวจะได้ยิน ขนคอของหญิงสาวลุกชันหันขวับไปมอง เห็นร่างสูงใหญ่พร้อมสีหน้าที่เคร่งเหมือนไม่พอใจอะไรของภูวิชเดินมาเกือบถึงตัว
หญิงสาวถอยกรูดกับท่าทีเหมือนจะคุกคามของเขา
“เข้ามาทำอะไร ต้องการอะไร” ยิ่งถอยร่างใหญ่ก็ยิ่งเข้าใกล้
ภูวิชรู้สึกขำกับกิริยาของสาวบ้านป่า ท่าทางยังกับหนูกลัวแมวของเธอมันดูตลกในสายตาของเขา จนต้องเผลอหัวเราะออกมา
“หึๆๆๆ”
“อะไร ขำอะไร หน้าฉันมีอะไรติด ให้น่าขำนักหรือไง” ถึงจะรู้สึกกลัวแต่คนตัวเล็กก็พยายามเอาเสียงเข้าข่มไว้ก่อน
“ฉัน..จะมาถามว่าข้าวเธอยังพอมีเหลือบ้างไหม” ภูวิชถามด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจนัก
“ห๊า อะไรนะ” ปรายดาวทำเสียงไม่เชื่อหูตัวเอง
“ฉันถามว่าข้าวเธอยังมีเหลือสักเล็กน้อยไหม”
“อ๋อ เหลือสิ คุณจะทำไมเหรอ” หรี่ตามองหน้าคมเล็กน้อย
“คุณอย่าบอกนะว่าจะมาขอข้าวฉันกิน”
ภูวิชก้มมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความรู้สึกหมั่นไส้
“ใช่ ฉันมาขอข้าวเธอ เธอจะให้ฉันหรือเปล่า”
“อิอิ เศรษฐีมาขอข้าวยาจกกินวุ้ย” ท่ายืนโก่งตัวมาข้างหน้า แล้วหัวเราะอย่างขบขันของหญิงสาว ทำเอาชายหนุ่มแทบจะหมดความอดทนกับกิริยากวนๆของสาวน้อย
“ว่าไง ได้หรือเปล่า หรือเธอยังโกรธที่ฉันไม่รับตอนที่พ่อกับแม่เธอเอามาให้ ถ้ายังงั้นฉันขอซื้อก็ได้ เธอจะเรียกราคาเท่าไรก็เรียกมา”
“ฮึ!!” ปรายดาวอดจะทึ่งกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ ไม่ว่าช่วงไหน เวลาใด สามารถคุยเรื่องเงินได้ตลอดเวลา อะไรๆก็ฟาดด้วยเงินทั้งนั้น
“กินเองเหรอ หรือเอาไปให้ลูกน้อง” ปรายดาวไม่ตอบแต่ถามกลับ ซะงั้น
ภูวิชไม่ตอบยืนนิ่งเฉยจนปรายดาวหมดความอดทน เดินผ่านหน้าของเขาไปหยิบจานกระเบื้องราคาถูกมาตักข้าวในหม้อไฟฟ้าเก่าๆใส่ลงไปบนจาน เดินไปตักไข่ทอดที่เหลืออยู่ในตู้กับข้าวหลังเก่าคร่ำคร่า ที่ บ่งบอกว่ามันมีอายุการใช้งานมานานแล้ว
ชายหนุ่มยืนมองของใช้ในครัวเรือนของบ้านน้อยหลังนี้ด้วยสีหน้าสังเวชใจ ของใช้เก่าขนาดนี้คนรับใช้บ้านเขายังใช้ของดีกว่านี้เลย
“อ้ะ”
ภูวิชรับจานข้าวที่หญิงสาวกระแทกใส่มือมาอย่างงงๆ
“มีแค่นี้แหละกินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็อย่าเททิ้ง ไอ้ด่างข้างบ้านมันจะได้กินแทน”
คำพูดของหญิงสาวมันจี๊ดเข้าไปในสมองของภูวิช ชายหนุ่มกัดกรามจนขึ้นสันนูน เขาต้องทนกับความปากร้ายของผู้หญิงคนนี้อีกนานแค่ไหน เกิดมาไม่เคยพบเจอ ผู้หญิงที่ปากร้ายยังกับกรรไกร พูดอะไรมาทีเหมือนใครเอาตำแยมาแหย่คนฟังให้คันยิบๆในหัวใจทุกที
เมื่อเห็นชายหนุ่มยังยืนถือจานจ้องหน้าเธอไม่ขยับไปไหนสักทีหญิงสาวจึงหันหลังให้ชายหนุ่มเพื่อที่จะเดินออกครัวไปก่อน
ภูวิชรีบวางจานข้าวไว้บนหลังตู้ใบเก่า หันมารวบร่างบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอย่างว่องไว
“จะรีบไปไหน ฉันอยากรู้จริงๆ ปากเธอมันจะหวานหอมให้คนจูบได้ติดใจ หรือจะทำให้คนจูบอยากอ้วกใส่เธอ”
“ไอ้..” ยังไม่ทันที่คำด่าจะออกจากปากหญิงสาว ริมฝีปากร้อนๆกดลงมาปิดปากเธอเอาไว้แน่นจนปรายดาวแทบจะหายใจไม่ออก
ฝ่ามืออุ่นสอดรัดไปรอบเอวบางข้างหนึ่ง อีกข้างเคล้าคลึงสัมผัสไปทั่วร่างบาง
ปรายดาวตกใจ ตัวแข็ง ขณะที่เขาถอนริมฝีปากออก กวาดสายตาคมกริบไปทั่วดวงหน้าหวานอย่างพึงพอใจ
ดวงตาสองคู่สบกันอีกครั้ง คู่หนึ่งปรารถนา อีกคู่หนึ่งตระหนก
หญิงสาวผลักร่างหนาออก แต่เหมือนผลักหินผา นอกจากร่างใหญ่จะไม่ขยับแล้วตัวเธอก็พลอยหมดแรงไปด้วย
“ปล่อยฉันนะ ไอ้คนชั่ว ครอบครัวฉันอุตส่าห์ให้ที่พักอาศัยแกกลับมาทำกับฉันอย่างนี้เหรอ”
“เรียกแกเลยเหรอ เหมือนคนไร้การศึกษาเขาใช้กันจริงๆ”
“ใช่ ! กับแกมันก็สมควรแล้ว ฉวยโอกาสกับคนที่มีบุญคุณให้ที่พักอาศัยยามลำบากมา แทนที่จะนึกถึงบุญคุณกลับเนรคุณ คนให้ข้าวให้น้ำให้..”
หญิงสาวยังไม่ทันด่าจบ แขนแข็งแรงรัดร่างของเธอให้แน่นยิ่งขึ้นเหมือนงูใหญ่รัดเหยื่อ
เหยื่อที่ชื่อปรายดาวหายใจแทบไม่ออก จนต้องประท้วงเขาด้วยการเงยหน้าขึ้นมอง นั่นเป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้ภูวิชก้มหน้าลงมาประทับจูบอย่างไม่ตั้งใจ
ภูวิชถอนริมฝีปากออกอย่างรวดเร็วเมื่อได้สัมผัสถึงรสจูบที่มีรสเค็มเล็กน้อยติดริมฝีปากมา
ปรายดาวร้องไห้อย่างไม่อายชายหนุ่ม น้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง มองดูน่าสงสารในสายตาของคนมอง ภูวิชเอามือลูบเช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา และอ่อนโยน อย่างที่เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้กับใครมาก่อนเลยในชีวิต