๔ อยู่ในสายตาเธอ (๒)
“พี่แมนคะ” ใบหน้าหวานยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า หล่อนรอเขามาสักพัก มองประตูทางเข้าตลอดเพื่อจะได้เห็นคนที่ต้องการพบหน้า หลังจากเขาไม่มาให้เห็นเกือบสามวันเต็มๆ จนเผลอคิดว่าตนทำอะไรผิดหรือเปล่า
ทว่าพอเห็นสภาพที่ดูอ่อนแรงของชายหนุ่มก็เดาได้ว่าคงทำงานหนัก จนไม่มีแรงทำอย่างอื่นด้วยซ้ำ กระทั่งหาอาหารดีๆ กิน
“อ้าว หนูไข่รู้จักคอนโดพี่ได้ไง” คำแรกที่เอ่ยทักเพราะสงสัย เขาไม่คิดว่าจะเจอหล่อนที่นี่ด้วยซ้ำ อย่างแรกคือปีย์มนัสไม่น่าเป็นคนบอกน้องสาว มันกลัวเขมิกาอยู่กับผู้ชายแบบสองต่อสองจะตาย ดูเหมือนหนูไข่จะยังดูเด็กในสายตาของคนบ้านอาจหาญชัย
ถึงไม่ยอมปล่อยให้หล่อนได้เติบโต...
“ถามพี่สองค่ะ” เธอใช้ช่วงเลิกงานดักรอทิวากร พลางเอ่ยถามถึงที่อยู่ของอหัสกรโดยให้ข้ออ้างว่าอยากมาขอบคุณ...แต่ไม่รู้คนฟังจะเชื่อแบบนั้นหรือเปล่า เพราะเจตนาจริงของเธอคือการมาเห็นหน้าเขาต่างหาก
หลังจากวันที่ความแตกเรื่องหล่อนรู้จักกับลูกชายเจ้าของบริษัท พี่และเพื่อนในแผนกไม่ค่อยจะใช้งานหล่อนหนัก คำพูดที่เอ่ยก็เป็นไปในทางเกรงใจมากกว่าเดิม
“โล่งอกไปที พี่นึกว่าถามจากไอ้ปีย์...แล้วมาหาพี่ถึงที่มีธุระอะไรหรือเปล่า” ลูบอกตนเองปอยๆ จนหล่อนนึกเอ็นดูในท่าทีของเขา
จากที่รู้มาทุกคนต่างเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าอหัสกรเจ้าชู้ตัวพ่อ คุยหญิงไม่เลือกแต่ไม่เคยตกลงปลงใจกับใครสักคน ทว่าพอได้มาสัมผัสด้วยตนเองไม่เห็นว่าเขาจะเป็นแบบนั้นสักนิด ชายหนุ่มกลับดูอบอุ่นและเข้าอกเข้าใจคนอื่น
ไม่แปลกที่จะตกหลุมรัก...
“เอาอาหารมาให้ค่ะ เป็นการขอบคุณที่พี่แมนคอยช่วยเหลือไข่มาตลอด ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงมีแค่อาหารที่ไข่พอจะทำได้ดี...หวังว่าพี่แมนจะชอบนะคะ” ชูถุงผ้าที่ตนถือเอาไว้ ทำตั้งแต่เช้าแล้วนำไปแช่ตู้เย็นอยู่ที่ทำงาน ค่อยใส่ถุงแล้วเอามาให้เขาตอนเย็น
ซึ่งเขมิการู้ว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อต้องการพบหน้าร่างสูงเท่านั้น
“ชอบสิ ขอบคุณมากนะ” รับของมาถือเอาไว้ พลางคิดในใจว่าเย็นนี้ไม่ต้องเสียเงินซื้อข้าวข้างนอกกินแล้ว
“ค่ะ”
“แล้วนี่มายังไง ให้พี่ไปส่งที่บ้านไหม” ถามด้วยความเป็นห่วง คนที่ขับรถยนต์มาเองกำลังจะบอกปฏิเสธแต่ก็รีบเม้มปากแน่น
เธอยังไม่อยากกลับนี่นา...อยากอยู่คุยเป็นเพื่อนเขาก่อน หรือแค่ฟังชายหนุ่มพูดเรื่องสัพเพเหระก็ได้ จึงยืดเวลาเอาไว้
“แท็กซี่ค่ะ โอ๊ะ ทำไมอยู่ดีๆ ฝนถึงตกได้ล่ะ”
เชื่อว่าถ้าตอบแบบนี้ร่างสูงจะต้องอาสาไปส่งตน อย่างน้อยก็ใช้เวลาอยู่บนถนนเพื่อพูดคุย ส่วนรถค่อยกลับมาเอาพรุ่งนี้ก็ได้ คงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก หรือให้เสียเงินเพื่อจ่ายค้างหนึ่งคืน...
หล่อนก็ยอม
“รถน่าจะติด..ไปรอที่ห้องพี่ให้ฝนซาก่อน เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งที่บ้าน เอ่อ ถ้าไม่โอเคไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่นั่งรอข้างล่างเป็นเพื่อน” ชวนด้วยความหวังดีแต่ก็เพิ่งคิดได้ว่าหล่อนอาจจะกลัวเขาหรือเปล่า ถึงถามความสมัครใจของเขมิกา พร้อมเสนอทางเลือกที่ดี
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนพี่แมนด้วยนะคะ” โชคดีอะไรอย่างนี้ ฝนตกถูกเวลาพอดิบพอดี แล้วเหมือนจะแรงเสียด้วย
หล่อนค้อมศีรษะให้เขาเป็นการขอบคุณ พลันตื่นเต้นอยากเห็นห้องของชายหนุ่ม รู้วินาทีนั้นเองว่าหล่อนกำลังบินเข้ากองไฟ ที่สุดท้ายอาจจะเผาไหม้จนตัวตาย
แต่แสงไฟมันก็ล่อตาล่อใจเสียเหลือเกิน จนไม่อาจทนมองเฉยโดยไม่ทำอะไร
“ไม่เป็นไรเลย คนกันเองทั้งนั้น” พาหล่อนเข้าไปในลิฟต์แล้วแสกนบัตรเพื่อไปยังชั้นที่พักของตน เขมิกากัดปากแน่นข่มความตื่นเต้นเอาไว้ ไม่บ่อยที่หล่อนจะได้มายังห้องของผู้ชายแล้วยังอยู่กับเขาแบบสองต่อสองอีก
ไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหน หากชายหนุ่มทำมิดีมิร้ายตนขึ้นมาจะว่าอย่างไร แต่เขาเป็นเพื่อนกับพี่ชายเธอ คงไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก
ประตูลิฟต์เปิดออกโดยมีร่างหนาเดินนำ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวลีบเล็กลง พลางเดินตามเขาไม่มีปากเสียง กระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องของอหัสกร เขาทำการแสกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อค จากนั้นจึงผายมือให้ปล่อยเข้าไปก่อน
หญิงสาวรู้สึกเหมือนได้รับเกียรติ ค่อยก้าวเข้ามาพลางถอดรองเท้าวางไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ห้องค่อนข้างกว่างและสะอาดสะอ้านพอสมควร มีขอตกแต่งไม่เยอะเน้นความสบายตาซะมากกว่า
“ห้องพี่รกหน่อยนะ” บอกไว้ก่อนไม่ให้หล่อนตกใจ
“ไม่เห็นรกเลยค่ะ” ทว่ากอดสายตามองรอบห้องไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนที่รก พื้นสะอาดจนแทบสะท้อนแสงได้ ไหนจะโต๊ะหรือชั้นวางที่ไม่เห็นฝุ่น ทุกอย่างในห้องถูกจัดเข้าที่ ห่างไกลจากคำว่ารกไปไกลโข
คนที่เดินตามเข้ามาแล้วเปลี่ยนจากรองเท้าใส่ทำงานเป็นสลิปเปอร์ กวาดสายตาไปยังห้องครัวเป็นอย่างแรก จำได้ว่าก่อนออกไปเขากองจานชามไว้ในนั้นจนแทบจะล้นออกมา แต่ไม่มีเวลาล้างนี่นาจึงปล่อยทิ้งไว้
ความจริงมีเวลา...แต่เขาขี้เกียจมากกว่า
“อ้อ สงสัยแม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาด เพราะก่อนพี่ออกไปจานยังกองเต็มซิงค์เลย” บอกตามตรงไม่รักษาภาพพจน์ใดๆ ทั้งสิ้น หล่อนเป็นน้องของเพื่อนสนิทน่าจะพอรู้นิสัยของเขาบ้างแล้ว จะสงวนท่าทีเป็นคุณชายรักสะอาดไปทำไมกัน
“แล้วทำไมพี่แมนไม่ทำล่ะคะ” เขาวางถุงผ้าขนาดใหญ่ไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วถอดเสื้อสูทพาดไว้ตรงพนักโซฟา พับแขนเสื้อเป็นทบกองไว้ยังข้อศอก ส่วนเนกไทและกระดุมเม็ดบนปลดตั้งแต่อยู่บนรถยนต์แล้ว
คำถามของเขมิกาทำให้ร่างหนาขมวดคิ้วไปพักหนึ่ง จะบอกว่าขี้เกียจก็ดูตรงเกินไป จึงใช้ข้ออ้างของเพศสภาพแทน
“ผู้ชายที่ไหนทำงานบ้านกันล่ะ” พูดน้ำเสียงไม่จริงจังแต่ทำให้หล่อนรู้สึกฉุนซะอย่างนั้น
“แล้วต้องแบ่งแยกเพศด้วยเหรอคะ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ทำงานบ้านได้ทั้งนั้นแหละ” คำพูดของเขามันเป็นเพียงข้ออ้างในการโยนภาระมากกว่า ซึ่งเขมิกาไม่ชอบสักนิดเลยเผลอทำเสียงเข้มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เล่นเอาอหัสกรถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเหมือนมีแม่มายืนตรงหน้า ต้องรีบกลับลำอย่างรวดเร็ว
“ชะ ใช่จ้ะ พี่มันขี้เกียจเอง” ยอมรับโดยดุษฎีแล้วนำอาหารที่เธอทำออกมาวางเรียงบนโต๊ะกินข้าว ดวงตาคมเบิกกว้างเล็กน้อยพลางฉีกยิ้มอย่างมีความสุข
ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ผัดกะเพรารวมทะเล ผักผักรวมมิตรและปิดท้ายด้วยแกงส้มชะอมไข่ เล่นเอาร่างหนาเริ่มน้ำลายสอ
“พี่แมนมีข้าวสารใช่ไหมคะ เดี๋ยวไข่จะหุงให้เอง” ถามเจ้าของห้องซึ่งเขาก็รีบพยักหน้า ก่อนเปิดตู้ครัวด้านล่างเพื่อให้หล่อนเห็นว่ามีกล่องข้าวสารใส่ไว้เต็ม และมันไม่พร่องลงเลยเพราะอหัสกรไม่เคยแตะ
แม่เอามาไว้ให้กลัวว่าลูกชายจะไม่มีข้าวกิน ไหนเลยจะรู้ว่าเขาหุงข้าวไม่เป็น...
“มีจ้ะ แม่พี่ซื้อมาไว้”